5
“ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แกก็รู้นี่... ตกดึกทีไรใครขัดใจไม่ได้ อารมณ์เสียทุกที”
“ผมคงไม่โกรธอะไรแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจ ตามสบายนะพี่”
เจ้านายฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก “งั้นไปนะ... ไปดูซีรีส์ต่อดีกว่า”
“เอ๊ะ... พี่ติดดูทีวีหรือ? ดูอะไรอยู่ล่ะ”
“หลายเรื่อง ซีรีส์ฝรั่งเกาหลีบู๊ล้างผลาญ นางเอกสวยดี อีกเรื่องอะไรนะ... จิ้งจอกเก้าหางหรืออะไรสักอย่าง”
“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีนะครับ... เดี๋ยวก็ไม่ได้ดูแล้ว ถ้ายังอยากดูหนัง ยังอยากเที่ยว เราต้องตามหาแม่ตะเภาทอง”
ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง เป็นลูกสาวเศรษฐีเมืองพิจิตร พญาจระเข้เคยคาบแม่ตะเภาทองไปอยู่ด้วยในเมืองบาดาล เสกให้หลงด้วยมนตร์เสน่ห์ แต่ในเมื่อนางเอกต้องลงเอยกับพระเอกอย่างหมอจระเข้อยู่แล้ว ไอ้ชาละวันก็ถูกเสียบด้วยหอกอาคม
นายจันและนายคล้าวได้ยินมาว่าเวทย์อาคมเพียงเท่านั้นจะแก้ไขสิ่งที่พวกเขาเป็น ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย...
“น่าสงสารพ่อชาละวันเสียจริง เชื่อเถอะว่าหล่อนไม่มีตัวตน ถ้าเจอ ฉันคงเจอไปนานแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน วนเวียนอยู่กับอสงไขย เช่นนี้ ฉันอยู่มากี่ร้อยปี”
“เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรเลยสักอย่างเหมือนเดิมนะครับ”
“เชื่อ... แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยตา สัมผัสมันได้ด้วยสัญชาตญาณ ฉันต้องเห็นมันด้วยสองตาของฉันเอง ฉันคงเหมาะกับเด็ก ๆ ยุคนี้ที่สุดแล้วล่ะ”
และเขาก็จะไม่เชื่อต่อไป ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข ประหนึ่งว่าได้รับรางวัลมากกว่าคำสาปอันน่ารังเกียจ
หนุ่มใหญ่ยิ้มใจดี คนเป็นลูกน้องกลับถอนหายใจ
“ถ้าเหงา อยากได้อะไรบอกผมนะครับ อย่าหนีไปเที่ยวไหนคนเดียวอีกนะ”
“โอเค้...!” รับปากแล้วร่างสูงก้าวหนีไปไว ๆ กระโดดลงสระน้ำกลางบ้านดังตูม! น้ำสีฟ้าอมเขียวมรกดสาดกระจายเป็นวงกว้าง
ด้วยความตกใจของบ่าว ก้าวพรวดไปชะโงกคอมองหาเจ้านายที่เตรียมตัวหนีเที่ยว ก่อนจะพบรอยยิ้มร่าเริงบนบนใบหน้าหล่อเหลา ลอยคออยู่เหนือน้ำ
“จะไปไหนครับ!?”
“มุดหัวลงถ้ำบาดาลสักสองสามวัน เดี๋ยวกลับมา แถวนี้มันน่าเบื่อ”
“หนีเที่ยวได้ แต่วันมะรืนนี้พี่ต้องกลับมาทำงานให้ทันนะครับ...”
“ปกติไม่เห็นจะออกตัวเข้าสังคมไม่ใช่รึ หมกตัวอยู่แต่ในห้องมากี่สิบปี อารมณ์ไหน ทำไมถึงไปรับงานมาให้ปวดหัว เฮ้อ!”
ที่ปรึกษาสถาปนิก วิศวกรระดับสูงในคราบครึ่งสัตว์เลื้อยคลานขณะนี้ไม่อยากเจรจานาน หางขนาดใหญ่มหึมาสีดำสนิท น่าสะพรึงกลัวงอกออกมา ฟาดน้ำสาดกระเซ็นใส่บ่าวจนเสื้อเชิ้ตกางเกงตัวหล่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะหายลงไปในผืนน้ำ ไม่ทันได้ฟังประโยคสุดท้ายใต้รอยยิ้มมีเลศนัย
“ผมกำลังตามหาคนยังไงล่ะ ถึงได้ออกไปนั่งเล่นร้านกาแฟตามคำแนะนำของคุณหลวงน่ะ... หึหึ”
------------------------------------
หลายวันมานี้แอลลิเกเตอร์ขี้เหงา ชอบออกเที่ยวเตร็ดเตร่เป็นประจำ ไม่ได้ไปสร้างเรื่องที่ไหน เพียงหนีไปนอนหลับจำศีลเงียบ ๆ ในถ้ำบาดาล ก่อนกลับขึ้นมาเดินช้อปปิ้ง เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าบนห้างสรรพสินค้า นำเสื้อสูทตัวใหม่สั่งตัดจากร้านดัง แขวนไว้เหนือที่นั่งเบาะหลังของรถยนต์หรู เลือกชุดหล่อจากตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เป็นเสื้อยืดงานแบรนด์เนมลายขวางกับกางเกงสีกากีทรง Slim Fit ลูบผมให้เรียบตรง
การแต่งตัวของหนุ่มรุ่นปู่ทวดไม่มีตกเทรนด์ บางวันสูท บางวันเชิ้ตสีดำ ลายสก็อตบ้าง เขาจัดมันเข้ากับนาฬิกาเรือนละหลักหมื่นขึ้นจนถึงหลักแสนบาท
นายจันปรับตัวเข้ากับยุคสมัย เปลี่ยนทรัพย์สินเดิมที่สะสมมาเปลี่ยนเป็นเงินสด ทั้งที่ดิน ของเก่าแก่ต่าง ๆ บางชิ้นตีมูลค่าแทบไม่ได้ เมื่อก่อนไม่คิดว่ามันจะแพงแต่พอมายุคนี้แล้วมันทำให้เขากลายเป็นเศรษฐี แม้แต่สปอร์ตคาร์ตัวใหม่ล่าสุดจากมอเตอร์โชว์ เขาขายบ้านหลังหนึ่งในย่านสุขุมวิทมาเปลี่ยนเป็นรถ
ด้วยภาพลักษณ์ไฮโซโก้หรูในโลกโซเชียล ผู้คนเริ่มมากดไลค์แชร์ประสาเซเลบที่ได้รับมรดกมาจากบิดามารดา คาบช้อนทองมาเกิด ไม่มีใครรู้ความจริงว่ารูปภาพบรรพบุรุษบนฝาบ้านก็ตัวเขาเอง... ทั้งหมดนั่นแหละ!
เชฟโรเลตสีแดงแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วหาบ่าวตามนัดหมาย เพียงสิบห้านาทีก็มาถึงหน้าฟาร์มจระเข้ใกล้เมืองกรุงฯ นายคล้าวรีบปรี่เข้ามาทักทาย ชวนให้ยืนรอเจ้าของงานด้วยกันหน้าตู้ขายตั๋วสำหรับเข้าชมสวนสัตว์ กลางห้องรับรองกว้างขวาง มีโซฟาให้นั่งรอแต่พวกเขาเพียงยืนคุยกัน
“ฟาร์มนี้แหละครับ เจ้าของเขาขอให้ต่อเติมห้องอาหารแบบยุโรปไว้รองรับนักท่องเที่ยว เขาอยากได้ห้องอาหารใหญ่ ๆ อลังการกว่าตอนนี้” เงียบไป นายคล้าวชายตามองผู้คนเดินขวักไขว่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงคร่ำเครียดกว่าเดิม “แต่ผมอยากพาพี่ไปพบคนคนหนึ่งก่อน”
“ใครล่ะ...?”
“คนรับรองงานครับ เอ่อ... เธอเป็นหัวหน้าพนักงานขาย เรามาในฐานะลูกค้าด้วยว่าจะมาซื้อของไปเปิดร้านเสียหน่อย”
“ก็ไปสิ ทำไมแกต้องทำอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ให้ฉันสงสัยอยู่เรื่อย”
คิ้วเข้มหนาเรียงชิดติดกัน พอจะก้าวขา นายจันก็ถูกดึงรั้งไว้เพราะว่าเขาดันใจร้อนไม่รอลูกน้อง นายคล้าวปรามเขาให้ใจเย็น ยกโทรศัพท์จอกว้างขึ้นแนบหู
“ผมมาถึงแล้วนะครับคุณกัญญาวีร์ หน้าห้องขายตั๋วเลยครับ” พลันมือหนาสะบัดเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ตวัดหางตามองเจ้านายด้วยท่าทางหงุดหงิด
“อะไรกันครับพี่ รอนิดรอหน่อย อารมณ์เสียอีก”
“เปล่าอารมณ์เสีย ฉันแค่รำคาญแกทำตัวมีความลับ ฉันไม่ชอบความลับ...”
เพราะที่เป็นอยู่ก็ลับ ๆ ล่อ ๆ มากแล้ว บ่าวตวัดหางตามองเจ้านายขี้หงุดหงิดพลางผ่อนลมหายใจด้วยความรู้สึกไม่ต่าง ก่อนจะมองไปอีกทาง ถัดจากตู้ขายตั๋ว มีพนักงานหนุ่มสาวนั่งอยู่ในอีกฟากหนึ่ง
“ผมไม่ได้มีความลับอะไรครับ แต่ผมต้องทำบางเรื่องให้เรียบร้อย”
“นั่นแหละความลับ”
“มันจำเป็นครับ อีกเดี๋ยวพี่ก็รู้เองแหละ ไม่เกินสิบนาทีแน่นอน รอหน่อย”
ทั้งนายบ่าวไม่ชอบการรอคอย จึงพาลอารมณ์เสียตามสภาพอากาศร้อนอบอ้าว เครื่องปรับอากาศไม่ค่อยเย็น แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามาถึงชายเสื้อเชิ้ตสีดำของคนหนุ่ม ส่วนเจ้านายนั้นนั้นอยู่ในเสื้อยืดกางเกงสแล็คธรรมดา
ด้วยร่างกายของมนุษย์ พวกเขารับประทานอาหารและมีระบบย่อยอาหาร แม้ถนัดเนื้อสัตว์กันมากกว่าผักใบเขียว ขณะที่สรีระกำยำสมส่วนด้วยอาคมมนตร์ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพมากนัก ต่างจากจิตใจที่ยังเป็นสัตว์เลือดเย็น โมโหร้าย ดุร้าย ซึ่งนั่นหมายความว่าต่างคนต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการสงบสติอารมณ์และจิตใจ ให้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคมได้อย่างเป็นปรกติสุข
