9. คู่หมั้นของเจ้าชาย
“หม่อมฉันอยากจะให้ปิดตำหนักแดงเพคะเสด็จป้า”
โซฟียา พระคู่หมั้นสาวสวยของเจ้าชายอาบิเชค บอกความประสงค์ให้พระราชินีมามุนี ทรงทราบ เธอมาเข้าเฝ้าพระราชินีมามุนี ก่อนที่เจ้าชายอาบิเชค จะเสด็จมา โซฟียาเป็นพระญาติสนิทกับพระราชินีมามุนี เธอจึงกล้าที่จะทูลขอ
“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะโซฟียา เจ้าก็รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์นี้ เจ้าจะไปยกเลิกได้อย่างไร”
“ธรรมเนียมไหน ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ดีเราก็ควรที่จะยกเลิกได้ไม่ใช่หรือเพคะ..สมัยรัชกาลของกษัตริย์ซัมปง ก็ไม่เห็นจะมีตำหนักฮาเร็มอะไรนี่เลย”
โซฟียาให้เหตุผล
“แต่กษัตริย์อนาราฟ พระบิดาของพระราชาซัมปงก็เคยมีมเหสีสององค์ ทั้งมเหสีฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ซึ่งเจ้าก็รู้อยู่ว่าสมเด็จย่า มีราเบน เป็นมเหสีฝ่ายซ้ายที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่”
พระราชินี ทรงอ้างถึงพระมารดาของพระราชานูรี บาฮะดูร์
“แต่เท่าที่หม่อมฉันทราบ สมเด็จย่ามีราเบนไม่ใช่ชาวบูซาน แต่เป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าเชื้อสายอินเนปา นำมาถวายเพื่อผลทางการเมืองการปกครองทำให้พระองค์อนาราฟต้องจำใจรับเป็นมเหสีอีกคนจนเกิดเป็นฝ่ายซ้ายขึ้นมา..และสมัยของราชวงศ์ซาลากานก็ไม่เคยมีพระราชาหรือพระโอรสองค์ใดทรงมีฮาเร็มซุกซ่อนอยู่ในรั้วในวังมาก่อนด้วย”
โซฟียากล่าวอ้าง
“หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้วนะโซฟียา ตอนนี้ไม่มีราชวงศ์ซาลากาน อีกแล้ว มีแต่ราชวงศ์บาฮะดูร์ของเราเท่านั้น และเจ้าก็ไม่ควรจะพูดถึงมเหสีฝ่ายซ้ายด้วยถ้อยคำเยี่ยงนี้ เพราะมเหสีฝ่ายซ้ายที่เจ้าพูดถึงเป็นถึงพระราชชนนีของพระราชานูรี แล้วพระราชาก็คือสวามีของป้าเอง ซึ่งเป็นเสด็จลุงของเจ้าด้วย พวกเราต่างก็มีเชื้อสายอินเนปากันทั้งสิ้น พวกเราไม่มีเชื้อสายบูซาน แม้แต่น้อย”
สุรเสียงของพระราชินี กร้าวขึ้นเมื่อตรัสถึงเรื่องนี้ ทำให้โซฟียาหน้าซีดรีบขอพระราชทานอภัยโทษทันที
“ป้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดีที่ไม่อยากให้ชายเชค มีหญิงอื่น แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ ผู้หญิงที่อยู่ตำหนักแดงก็ไม่ได้ซ้ำหน้ากันอยู่แล้ว อาบิเชค เขาไม่ได้ผูกพันกับผู้หญิงคนไหนหรอก เจ้าอย่าคิดมาก ถือเสียว่าให้คนที่เจ้ารักได้มีความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นไรไปล่ะ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายสำนึกผิด พระราชินีก็ทรงรีบตรัสปลอบใจ
“หม่อมฉันทำใจไม่ได้เพคะ” โซฟียาสารภาพตามจริง
“ถ้าเจ้าทำใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้ แล้วต่อไปเจ้าจะเป็นราชินีแห่งสินาการ์เดียได้อย่างไรกัน อย่าลืมนะว่าเจ้าชายอาบิเชค เป็นรัชทายาทที่จะต้องปกครองบ้านเมืองสืบต่อจากพระราชานูรี”
“งั้นตอนนี้หม่อมฉันยอมให้เจ้าชายมีผู้หญิงอื่นไปก่อน แต่หลังจากพิธีเสกสมรสกับหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉัน ขอยกเลิกการมีตำหนักที่เป็นฮาเร็มของเจ้าชายได้ไหมเพคะ”
โซฟียา พยายามต่อรองอีกครั้ง
“เฮ้อ!..โซฟียาเอ๊ย..เจ้านี่ช่างดื้อรั้นเสียจริง เจ้าก็น่าจะรู้นะว่าชายเชคน่ะไม่ชอบให้ใครมาสั่งห้าม ถ้าเกิดเขาอ้างว่า ถ้าให้เขาเลิกมีตำหนักสีแดง ก็ต้องให้พระราชานูรี เลิกมีตำหนักสีฟ้าด้วยล่ะ เรื่องจะมิไปกันใหญ่หรือ ถ้าเรื่องนี้ถึงพระกรรณของพระราชานูรี มีหวังเจ้าถูกกริ้วแน่”
โซฟียา รู้สึกขัดใจจึงเดินหันหลังออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเจ้าชายอาบิเชคกำลังเสด็จมาพอดี
“อ้าว..โซฟียาจะไปไหนล่ะ”
เจ้าชายทรงกล่าวทักทาย แต่โซฟียากลับเดินสะบัดหน้าออกไปโดยไม่สนใจเลย
“ท่านแม่....โซฟียาเป็นอะไรไป ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย”
เจ้าชายมาประทับใกล้กับพระมารดาทรงเอ่ยถาม
“อย่าถือสาโซฟียาเลยลูก เธอก็เป็นอย่างนี้แหละอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ประเดี๋ยวก็อารมณ์ดี”
“บอกตรง ๆ นะท่านแม่ ลูกไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนอย่างโซฟียาเลย ผู้หญิงอะไรเอาแต่ใจตัวเอง ชอบเผด็จการ ไม่เห็นอ่อนโยนเหมือนท่านแม่เลย”
“โซฟียา ถูกเลี้ยงตามใจตั้งแต่เด็กก็เลยเป็นแบบนี้ อีกหน่อยแต่งงานไปก็จะดีขึ้นเอง”
พระมารดาตรัสแก้แทนโซฟียา
“แต่ลูกว่าจะแย่ลงกว่าเดิมล่ะไม่ว่า”
“เออนี่ ชายเชค ช่วงนี้ลูกมีภาระกิจอะไรหรือเปล่า” พระมารดารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“ท่านแม่มีอะไรจะให้ลูกทำหรือครับ”
เจ้าชายมักจะสนทนากับพระมารดาอย่างไม่เคร่งครัดในการใช้ภาษาตามธรรมเนียม
“เปล่าหรอกเพียงแต่แม่คิดว่านานแล้วนะที่เราแม่ลูกไม่ได้มีกิจกรรมร่วมกัน ที่ผ่านมาทั้งแม่ทั้งลูกต่างก็มีสิ่งที่จะต้องทำมากมายจนไม่มีเวลาผ่อนคลาย ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที”
“ท่านแม่อยากจะมีปาร์ตี้หรือครับ” เจ้าชายทรงถาม
“แม่ไม่ได้จัดเองหรอก พอดีพี่สาวเรา จะจัดปาร์ตี้ขึ้นที่ตำหนักเงินของเขาน่ะสิ แม่ก็อยากจะชวนชายไปด้วย”
“พี่หญิงวารย่า ไปประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวต่างประเทศ เธอกลับมาแล้วหรือครับ”
“เห็นรานียาบอกว่าหญิงวารย่าจะกลับคืนนี้แหละ ส่วนงานปาร์ตี้เห็นว่าจะจัดวันมะรืนนี้”
“ไม่เห็นพี่หญิงบอกลูกเลย..สงสัยจะลืมว่ามีน้องชายเสียแล้วกระมังครับเนี่ย”
เจ้าชายตรัสหยอกล้อมากกว่าจะจริงจัง
“พี่สาวคงคิดว่าน้องชาย มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับสาวงามที่การันต์นำมาให้เลือกละมั้ง ยังไงก็คิดถึงจิตใจของโซฟียา บ้างก็ดีนะลูก” พระมารดาทรงเตือน
ทั้งเจ้าชายและโซฟียา ต่างก็ถูกให้หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก โดยที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกันเลย โซฟียานั้น แอบชอบเจ้าชาย ซัป ชิกเม นัมยีกัล ซาลากาน ที่ถูกลักพาตัวไปนั่นมากกว่า หากว่าไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นเมื่อห้าปีก่อน ป่านนี้กษัตริย์ที่ครองราชย์ก็คงเป็นพระราชาซัมปง ชิกเม นัมยีกัล ซาลากาน โดยมีเจ้าชายซัป ชิกเม นัมยีกัล ซาลากาน เป็นรัชทายาทที่จะสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระบิดา
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อโซฟียาได้รับทราบจากพระราชินีมามุนี ว่ากลุ่มก่อการร้ายบารากัส ได้ปลงพระชนม์เจ้าชายซัป ไปแล้ว โซฟียา ก็ต้องทำใจ เพราะหากวันใดที่เจ้าชายอาบิเชค ได้สืบต่อราชบัลลังก์ โซฟียา ก็จะได้เป็นพระราชินีอย่างแน่นอน และวันนั้นโซฟียา จะยื่นคำขาดให้เจ้าชายอาบิเชค เลิกมีนางในฮาเร็มทันที
เธอไม่ชอบสิ่งที่เจ้าชายทรงเป็นเช่นนี้เลย โดยเฉพาะตำหนักสีแดงเธออยากจะขับเครื่องบินไปวางระเบิดถล่มให้ราบเป็นหน้ากลองนัก
