2. แขกกิติมศักดิ์
“คุณฐานิกา ใช่ไหมคะ”
หญิงสาววัยไม่เกินสามสิบเอ่ยถามฐานิกา หญิงสาวคนนั้นอยู่ในชุดประจำชาติผ้าพริ้วที่มีเสื้อตัวนอกยาวกรอมเท้าบางเบาคลุมทับเสื้อแขนสี่ส่วนอยู่ข้างใน ส่วนกระโปรงยาวพอกับเสื้อคลุมมีคาดเอวผูกเป็นโบว์สีสันสดใสสวยงามเหมาะกับใบหน้าสวยคมเข้ม ที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอมีกำไลสวมอยู่ถึงข้างละสิบกว่าอัน เธอคือผู้ที่มารอให้การต้อนรับฐานิกาที่สนามบิน
ฐานิกา รีบตอบรับด้วยภาษาอังกฤษเช่นเดียวกับที่ถูกหญิงสาวคนนั้นถามมา
“ดิฉัน..รานียา เลขาส่วนตัวของเจ้าหญิงแอชวารย่าค่ะ”
หญิงสาวในชุดประจำชาติทาริยา ที่แนะนำตัวเองว่าชื่อรานียา ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างไปเพื่อที่จะทักทาย ฐานิกา ตามธรรมเนียมของประเทศนี้
“ยินดีมากค่ะที่ได้พบคุณ”
ฐานิกา ส่งมือทั้งสองข้างไปให้รานียาได้สัมผัส และเขย่าเบา ๆ ก่อนจะปล่อยมือ
“ฉันเห็นคุณเดินมาก็จำได้แล้วค่ะ แม้ว่าคุณจะดูสวยกว่าในยูทูป ก็เถอะ”
คำพูดของรานียา ทำให้ฐานิกา รีบกล่าวขอบคุณด้วยความขวยเขิน และรู้สึกว่ารานียา เป็นคนที่มีอัธยาศัยน่ารักช่างพูด ที่สำคัญรานียาให้เกียรติฐานิกาด้วยการแต่งชุดทาริยา
มาต้อนรับ ซึ่งเรื่องนี้ ฐานิกา ทราบมาว่า หากคนสินาการ์เดียน แต่งชุดประจำชาติมาให้การต้อนรับ นั่นย่อมหมายถึงการให้ความสำคัญกับบุคคลผู้นั้นมาก ส่วนฐานิกา แม้จะไม่ได้อยู่ในชุดไทยประจำชาติ แต่เธอก็เลือกชุดผ้าไหมไทยที่ตัดเย็บอย่างปราณีตและทันสมัยสมวัยสาวของเธอที่ดูแล้วค่อนข้างจะหรูหราไม่น้อย เพื่อให้สมฐานะแขกกิติมศักดิ์
“การเดินทางเป็นอย่างไรบ้างคะ”
รานียาถามด้วยความสนใจ
“ดีมากค่ะ ฉันได้รับการดูแลอย่างดีจากสายการบินสินาการ์เดีย”
ฐานิกาบอกจากใจจริง
“เรายินดีมากค่ะที่คุณพอใจกับบริการของเรา เชิญตามดิฉันมาเลยค่ะ”
รานียา ผายมือพร้อมก้มศีรษะให้กับฐานิกาด้วยท่าทางสุภาพก่อนจะเดินนำไป
“ดิฉันยังไม่ได้กระเป๋าเดินทางเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ จะมีคนนำมันไปให้คุณถึงที่พักก่อนที่คุณจะไปถึงที่พักแน่นอนค่ะมิสฐานิกา”
เมื่อรานียาเดินนำหน้าไป ฐานิกาก็เริ่มสังเกตเห็นมีผู้ชายร่างใหญ่สองคนแต่งตัวในชุดฟอร์มคล้ายเครื่องแบบทหารเดินประกบทำหน้าที่อารักขาเธอกับรานียา จนกระทั่งเดินไปถึงที่รถลีมูซีน คันหรูสีดำมันวาวจอดอยู่ ชายร่างใหญ่สองคนก็โค้งคำนับก่อนจะผายมือให้ฐานิกาขึ้นรถ
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ชายวัยกลางคนเปิดประตูรถให้พร้อมโค้งศีรษะด้วยท่าทางนอบน้อม
ฐานิกา ก้าวขึ้นไปในรถที่ติดแอร์เย็นฉ่ำมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อบอวลอยู่ในรถที่มีความกว้างขวางโอ่อา รานียา ก้าวตามขึ้นมานั่งที่เบาะตรงข้าม ประตูรถก็ถูกปิดจากคนด้านนอกก่อนที่รถจะเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างนิ่มนวล ฐานิกาเริ่มมองตามสองข้างทางที่รถเคลื่อนผ่านไป แต่ก็มองเห็นเพียงแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องเท่านั้น เนื่องจากรถเริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูง เธอสังเกตว่าไม่มีรถคันอื่นสวนมาเลย ถนนโล่งตลอดเส้นทางจนกระทั่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถก็เลี้ยวเข้าสู่โรงแรมที่พัก
“ถึงอาบิเชคโฮเต็ลแล้วค่ะ”
รานียา บอกเมื่อรถมาจอดด้านหน้าประตูทางเข้าของโรงแรม ฐานิกาทราบมาว่าโรงแรมอาบิเชค ถือเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งของประเทศสินาการ์เดีย สนนราคาค่าห้องอย่างต่ำสุดคืนละแสนบาท หากเป็นห้องสูทระดับหรูหราขึ้นไปอีกก็เป็นหลักหลายแสน จนถึงหลักล้านต่อการพักเพียงหนึ่งคืน ซึ่งฐานะอย่างฐานิกาคงไม่มีโอกาสได้ใช้บริการที่โรงแรมแห่งนี้ แต่ใครเลยจะคาดคิดว่าวันนี้เธอกำลังจะได้มาพักที่หรูหราราคาแพงเช่นนี้ได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท
สิ่งที่ฐานิกาได้รับทราบก็คือ ชื่อธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศสินาการ์เดีย ล้วนเป็นชื่อพระนามของพระราชา กับ พระราชีนี แล้วก็พระโอรส และพระธิดา เต็มไปหมด ไม่ค่อยมีชื่ออื่นให้ได้เห็นเพราะธุรกิจหลายอย่างล้วนเป็นของราชวงศ์บาฮะดูร์ทั้งสิ้น แม้แต่ชื่อโรงแรมใหญ่โตหรูหรางดงามน่าตื่นตาตื่นใจนี้ ก็ตั้งชื่อตามพระนามของเจ้าชายอาบิเชค พระราชโอรสของพระราชานูรี บาฮะดูร์กับพระราชินีมามุนี บาฮะดูร์ นั่นเอง
รานียา มาส่งฐานิกาถึงห้องพักชั้นบนสุดของโรงแรม เป็นห้องสูทหรูหรากว้างขวางที่ภายในห้องยังแยกเป็นห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง ห้องนอนเล็กอีกสองห้อง มีห้องโถงรับแขกที่ตกแต่งด้วยวัสดุอุปกรณ์ชั้นเยี่ยมจากฝรั่งเศส มีโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ มีห้องทำงานที่มีคอมพิวเตอร์วางอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมเก้าอี้หนังแท้ตัวใหญ่หนานุ่มน่านั่ง ถัดไปก็เป็นห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์การออกกำลังกายอยู่หลายอย่าง ซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีทั้งตู้อบไอน้ำ อ่างอาบน้ำสวยหรู จนฐานิกาไม่กล้าที่จะใช้ห้องน้ำ เพราะมันสวยงามดูดีจนอยากจะเอาไว้มองให้สบายตาสบายใจเท่านั้น
“คุณชอบห้องนี้ไหมคะ”
รานียา เอ่ยถามเมื่อพาฐานิกาเดินชมจนครบทุกห้อง
“ฉันชอบมากเลยค่ะ”
ฐานิกา บอกด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับไม่ให้รานียา จับได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นจนแทบจะร้องกรี๊ด ทุกอย่างในห้องนี้ล้วนแล้วแต่หรูหราราคาแพงทั้งนั้น
“สวัสดีค่ะคุณรานียา”
คำกล่าวทักทายดังมาจากประตูห้องที่เปิดอ้าไว้ หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ แต่งตัวเรียบร้อยในชุดเสื้อแขนยาวกระโปรงยาวลายสก๊อต เธอเดินมาใกล้รานียา และฐานิกา แล้วก็คุกเข่าลงกับพื้นพรมสีขาวนุ่มท่าทางของเธอดูอ่อนน้อมต่อสองสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา
“นี่คือมะลิ ผู้ที่จะมาคอยดูแลให้ความสะดวกแก่คุณในห้องนี้ค่ะ เจ้าหญิงแอชวารย่าส่งเธอมาพักเป็นเพื่อนคุณด้วย”
รานียา ผายมือให้ฐานิกาได้รู้จักกับหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ ฐานิการีบยื่นมือทั้งสองข้างไปให้ด้วยท่าทีเป็นมิตร แต่เธอคนนั้นกลับยกมือไหว้ฐานิกา แทนที่จะส่งมือมาให้สัมผัสเหมือนกับธรรมเนียมของประเทศนี้
“สวัสดีค่ะคุณฐานิกา”
มะลิ กล่าวคำทักทายเป็นภาษาไทยอีกต่างหาก ทำให้ฐานิกาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะยิ้มรับพร้อมรับไหว้ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“พูดไทยได้ด้วยเหรอเนี่ย” ฐานิกา ถามด้วยความแปลกใจระคนยินดี
“มะลิเป็นคนไทยค่ะ”
มะลิ ตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ส่งยิ้มให้กับฐานิกาอย่างเป็นมิตร
“ถึงว่าสิ..ชื่อของมะลิก็ออกจะคุ้นเคยแบบไทย ๆ”
ฐานิกาบอกน้ำเสียงกลั้วหัวเราะกังวาน
“ขอบคุณมากค่ะคุณรานียา ที่ให้สาวไทยคนนี้มาอยู่เป็นเพื่อน ฉันรู้สึกมีความสุขและอบอุ่นใจมากค่ะ”
ฐานิกา หันไปกล่าวกับรานียาด้วยน้ำเสียงยินดีสีหน้าบ่งบอกว่ามีความสุข
“ฉันดีใจมากค่ะที่คุณพอใจ และหวังว่าคุณจะท่องเที่ยวอยู่ในประเทศของเราอย่างมีความสุขตลอดหนึ่งเดือนที่คุณอยู่ที่นี่ค่ะ” รานียากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แน่นอนค่ะ คุณรานียา” ฐานิกาตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณแล้ว พรุ่งนี้จะมีคนพาคุณไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ภายในเมือง ส่วนฉันคงจะมีโอกาสได้พบคุณอีกครั้งในวันที่เจ้าหญิง
แอชวารย่าจะประทานเลี้ยงน้ำชาแก่คุณที่พระราชวังเปตาบา ฮะดูร์ แล้วฉันจะติดต่อมานะคะ แต่หากคุณอยากจะได้ข้อมูลอะไรก็อย่าได้เกรงใจโทรหาฉันได้ตลอดเวลา”
“ขอบคุณค่ะคุณรานียา ฉันซาบซึ้งใจในไมตรีของคุณมากค่ะ”
ฐานิกา กล่าวชื่นชม รานียาจึงโน้มตัวไปสวมกอดเพื่อร่ำลาฐานิกา แล้วก็เดินออกไปจากห้องเพื่อให้แขกพิเศษได้พักผ่อน
