บทนำ
“ผมไม่แต่ง!” เสียงกึกก้องของ กวินภพ มลทนาพร ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมลทนาพรตระกูลเก่าแก่ที่ใครต่างก็รู้จักกันดีในฐานะตระกูลของเจ้าหลวงผู้ดีเก่าที่ถูกสืบทอดมายังรุ่นต่อรุ่น ดังขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ภายในบ้าน
ทันทีที่ได้รับทราบถึงพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์ มลทนาพร ผู้เป็นปู่ที่เพิ่งจะล่วงลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจากทนายประจำตระกูลที่เริ่มต้นอ่านพินัยกรรมมานานร่วมหนึ่งชั่วโมงด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าข้อความในพินัยกรรมนั้นต่างสร้างความตกใจให้กับเหล่าบรรดาญาติที่เดินทางมาร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมในวันนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกวินภพ ผู้เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของผู้ลาลับที่เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อน
ชายหนุ่มยอมรับได้ทุกอย่างที่ถูกเขียนเอาไว้ในพินัยกรรม ที่ใคร ๆ ต่างก็พากันให้ความสนใจกับมัน เว้นก็แต่คำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นปู่ ที่บังคับให้เขาแต่งงานกับสาวใช้ภายในบ้าน ผู้หญิงที่เขาเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไรคนนั้น!
เพียงเพราะอยากจะตอบแทนที่พ่อกับแม่ของหล่อนเคยเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงช่วยชีวิตของท่านเอาไว้ ก่อนที่คนพวกนั้นจะถูกศัตรูของท่านสั่งคนไปตามเก็บ เหลือไว้แต่หล่อนซึ่งเป็นลูกสาว
“ใจเย็น ๆ ก่อนสิตาวิน ว่าต่อไปสิคะคุณดล” คุณหญิงลัดดาวัลย์ มลทนาพร เอ่ยบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองก่อนจะหันไปเอ่ยต่อกับภูวดล ทนายประจำตระกูล เพื่อให้เริ่มอ่านเนื้อหาส่วนที่เหลือ ของพินัยกรรมต่อไปอย่างใจเย็นตามนิสัย
“เอ่อ…ได้ครับคุณผู้หญิง การแต่งงานระหว่างคุณกวินภพและนางสาวมัทนาจะต้องถูกต้องตามประเพณีทุกอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทั้งคู่จำต้องจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหากคุณกวินภพหรือบรรดาญาติสนิทคนใดต้องการที่จะคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้ก็สามารถทำได้ในทันที แต่ทรัพย์สมบัติทั้งหมดซึ่งได้แก่บ้านมลทนาพรและบ้านพักตากอากาศจำนวนยี่สิบหกแห่งทั่วประเทศ ที่ดินทั้งหมดที่ตัวของข้าพเจ้านั้นครอบครองอยู่ และยังรวมไปถึงหุ้นต่าง ๆ ของบริษัทฯ จะตกเป็นของนางสาวมัทนา ดวงใจ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นในทันที ทั้งสองจะไร้ซึ่งพันธะต่อกันก็ต่อเมื่อแต่งงานไปแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่งปี และถ้าหากใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายร้องขอการหย่าจะต้องยกสมบัติทั้งหมดให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้าหากยังไม่ถึงระยะเวลาที่ข้าพเจ้ากำหนด ทั้งสองมีจุดประสงค์ที่จะหย่าร้างก็สามารถทำได้ แต่ทรัพย์สมบัติที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้นก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยเช่นกัน โดยจะมอบให้แก่นายกวินภพ มลทนาพร สี่สิบเปอร์เซ็นต์ และที่เหลืออีกหกสิบเปอร์เซ็นต์จะตกเป็นของนางสาวมัทนา ดวงใจ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ข้าพเจ้า นายไกรวิทย์ มลทนาพร ขอยืนยันว่าตลอดการเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมานั้นข้าพเจ้ามีสติครบถ้วนทุกประการ ลงชื่อ…นายไกรวิทย์ มลทนาพร” ทนายอาวุโสอ่านพินัยกรรมที่เหลืออยู่จนจบก่อนจะจ้องมองบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจเพื่อรอฟังคำตอบ และไม่ว่าเขาจะตอบกลับมาแบบไหน สิทธิ์ขาดก็ย่อมที่จะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวอยู่ดี
“คุณปู่ต้องบ้าไปแล้ว” คนที่เพิ่งข่มใจฟังข้อความที่เหลือในพินัยกรรมจนจบสบถขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงโปร่งดุจนายแบบมืออาชีพที่ผสมผสานความหล่อไว้ได้อย่างลงตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าจะลุกขึ้นเต็มความสูง พร้อมทั้งก้าวเดินออกไปจากห้องโถง มุ่งหน้าไปหาใครบางคนที่น่าจะตอบคำถามเขาได้ดีกว่าใคร ๆ ว่าเป็นเพราะอะไร ปู่ของเขาถึงได้เขียนพินัยกรรมบ้า ๆ ฉบับนี้ขึ้นมา
“นั่นลูกจะไปไหนตาวิน เดี๋ยวก่อนสิตาวิน” คุณหญิงลัดดาวัลย์ร้องถามก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามหลังลูกชายออกไปติด ๆ เพราะพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปที่ไหน
