ตอนที่ 4 เย็นชา
ตอนที่ 4
เย็นชา
คืนแรกหลังแต่งงาน ทั้งสองกลับมาที่คฤหาสน์ อินทิราขนข้าวของกลับมาเมื่อหลายวันก่อน เธอต้องนอนร่วมห้องเดียวกันกับสามีตามความต้องการของ วราภรณ์ แต่ดูเหมือนว่าวงศกรจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า มีแต่สายตาเยือกเย็นที่ปรายมองเธอเท่านั้น
หญิงสาวหอบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองวงศกร เขานั่งอยู่บนเตียง กำลังปลดเนคไท
“จะมองอีกนานไหม”
ชายหนุ่มเห็นได้จากหางตา เขารู้ว่าหญิงสาวกำลังแอบมองถึงได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ อินทิราสะดุ้งก่อนรีบเข้าห้องน้ำปิดประตู เธอทาบมือลงบนหน้าอกข้างซ้าย รูดตัวกับผนังนั่งลงที่พื้น สูดลมหายใจเพื่อระงับสติอารมณ์
เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามากที่แอบมองเขาจนเขาโดนจับได้ หญิงสาวจึงใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานนับชั่วโมง กว่าที่จะทำใจก้าวเดินออกไป
อินทิราสวมกางเกงขายาวและเสื้อยืดแขนสั้น ผมยาวสลวยปล่อยคลอเคลียใบหน้าและเเผ่นหลัง หญิงสาวคงไม่รู้ตัวว่าเสื้อที่เธอสวมอยู่มันบางมากแค่ไหน ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นแทบจะทะลุปรุโปร่ง
เขาสะบัดศีรษะเล็กน้อยไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่มีวันแตะต้องเธอ เพราะไม่ต้องการให้เกิดเรื่องยุ่งยากในอนาคต
เมื่ออินทิราออกมาจากห้องน้ำวงศกรก็เข้าต่อ เขาใช้เวลาไม่นานในการจัดการเนื้อตัวเสร็จ ชายหนุ่มสวมกางเกงขายาวและเสื้อยืด ผมที่เซ็ตเปิดหน้าเมื่อโดนน้ำก็กลับสู่สภาพเดิม ชายหนุ่มยืนอยู่ริมระเบียง ใส่ผ้าขนหนูเช็ดผมจนเเห้ง
หญิงสาวใจเต้นแรง มองดูมัดกล้ามภายใต้เสื้อยืดแล้ว เธอก็อดจินตนาการถึงเรื่องนั้นไม่ได้
หลังจากที่ผมชายหนุ่มเริ่มหมาดๆ เขาก็ตรงมาที่เตียง ขยับหมอนข้างไปวางไว้ตรงกลาง แบ่งอาณาเขตเสร็จสรรพ ทำให้อินทิราถึงกับหน้าเสีย
“เธอนอนฝั่งนั้นก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันนอนฝั่งนี้เอง”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ เขานอนลงปิดสวิตช์โคมไฟ ทิ้งให้หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น อินทิรารู้สึกน้อยใจ ที่ชายหนุ่มทำราวกับว่ารังเกียจเธอ
ตลอดทั้งคืนหญิงสาวนอนเกร็งจนปวดคอ เธอไม่กล้าขยับมากเพราะกลัวว่าจะรบกวนคนข้าง ๆ
อินทิราตื่นแต่เช้า รู้ว่าวงศกรต้องไปทำงานเธอจึงรีบตื่นมาเตรียมเสื้อผ้าให้เขา หญิงสาวลงมาข้างล่าง เพื่อมาเตรียมหารให้สามี คิดว่านี่คงเป็นหน้าที่ที่ภรรยาอย่างเธอควรทำ
ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน โดยมี วราภรณ์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะคอยสังเกตท่าที
“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างหลับสบายดีไหม”
วราภรณ์เอ่ยถามอินทิรา หญิงสาวพยักหน้าทั้งที่ความจริงแล้วเธอยังคงรู้สึกปวดคอลามไปถึงหลัง
“ถ้าเป็นไปได้มีหลานให้แม่เร็วๆก็ดีนะ อยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน”
ถ้ามีเสียงเด็กในบ้านบ้างก็คงจะดี วราภรณ์อยากอุ้มหลานใจจะขาด จึงขอร้องให้ลูกชายและสะใภ้ป้ายแดงรีบๆมีทายาท
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขากินอาหารจนเกลี้ยงจานรู้สึกว่าวันนี้รสชาติค่อนข้างถูกปากโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือของใคร วงศกรลุกขึ้นก่อนขอตัวไปทำงาน เขาเดินออกไปด้วยท่าทางเย็นชาไม่แม้แต่จะปรายตามองภรรยาด้วยซ้ำ
อินทิรารอจนกว่าชายหนุ่มจะออกไป เธอจึงขอตัวไปทำงานเพราะตอนนี้สายมากแล้ว
“อินขอตัวก่อนนะคะคุณผู้หญิง”
วราภรณ์พยักหน้า พอทั้งสองออกไปเธอก็กลับมาเหงาอีกครั้ง เมื่อก่อนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวหลายตัว แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูพวกมันจึงทยอยล้มป่วยและตายลง นับตั้งแต่วันนั้นเธอจึงไม่เอาตัวอะไรมาเลี้ยงอีก
ทุกวันนี้เธอวางมือจากบริษัทแล้วให้ลูกชายเป็นคนดูแลอย่างเต็มตัว จึงไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายเพราะไม่มีอำนาจในการตัดสินอะไรทั้งนั้น เนื่องจากเธอไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในบริษัท ได้แต่คอยช่วยเหลือลูกอยู่ห่างๆในเรื่องที่เขาต้องการให้ช่วย
แต่ระยะหลังวงศกรสามารถจัดการปัญหา ทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง เธอจึงไม่มีอะไรทำ จะไปเปิดร้านอะไรเล็กๆก็กลัวว่าจะดูแลไม่ไหว ตอนนี้จึงเริ่มหาต้นไม้และดอกไม้มาปลูกฆ่าเวลาไปวันๆ
ตกเย็นอินทิรารีบกลับบ้าน เธอกลับมาก่อนวงศกรเพื่อที่จะทำอาหารให้เขารับประทานเหมือนตอนเช้า วันนี้หญิงสาวลงมือทำเมนูโปรดของชายหนุ่ม ทะเลผัดผงกะหรี่จานใหญ่ถูกตั้งลงบนโต๊ะ เป็นจังหวะเดียวกับที่วงศกรเดินเข้ามาพอดี เมื่อได้กลิ่นอาหารเขาก็รีบตรงมาที่ครัวทันที
“มานั่งด้วยกันสิลูก อินตักข้าวได้เลย”
อินทิรารีบตักข้าวใส่จานทุกคน รวมทั้งตัวเธอด้วย ตอนนี้หญิงสาวนั่งร่วมโต๊ะกับวราภรณ์ในฐานะสะใภ้ จากที่เมื่อก่อนต้องไปนั่งกินรวมกับคนรับใช้หลังครัว
“แม่ไปค้นเจอยาจีนมา เป็นยาบำรุงอย่างดีเลยนะเหมาะสำหรับผู้หญิงที่อยากมีลูก เดี๋ยวอินเอาไปต้มกิน กินให้หมดเลยนะ มดลูกจะได้แข็งแรง”
เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย วงศกรแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการเข้าใกล้แล้วแบบนี้เธอกับเขาจะมีลูกได้ยังไง หญิงสาวได้แต่ยิ้มเจื่อนรับยามาวางไว้บนตัก เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม ได้แต่เขี่ยข้าวในจานตัวเองไปมา
“แล้วจะไปฮันนีมูนกันที่ไหนคิดไว้หรือยัง”
วราภรณ์เอ่ยถาม แต่ลูกชายหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ เขาโบ้ยให้หญิงสาวเป็นคนตอบแทน
“ช่วงนี้อินยังงานยุ่งอยู่เลยค่ะ หัวหน้าบอกว่ายังลาไม่ได้ คงต้องรอสักพักค่ะ”
วราภรณ์พยักหน้าเข้าใจ เดิมทีเธอต้องการให้อินทิราลาออกและมาดูแลลูกชายเต็มตัว แต่หญิงสาวขอร้องเอาไว้ เธอต้องการที่จะทำงานที่นี่ต่อไป ไม่อยากลาออก วราภรณ์จึงไม่บังคับ เพราะลึกๆก็รู้สึกผิดที่บังคับหญิงสาวให้แต่งงานกับลูกชายโดยไม่เต็มใจ
แต่เธอก็มั่นใจว่าสิ่งที่เธอทำนั้นคือความหวังดี ในอนาคตหากอินทิราได้ดูแลบ้านหลังนี้เธอก็คงสบายใจ เพราะรู้ว่าหญิงสาวจะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีแน่นอน ทั้งหน้าที่แม่และหน้าที่ภรรยา เหมือนกับที่เธอทำดีมาตลอดในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือแม้แต่เรื่องเรียนก็ตาม
“ผมขอตัวก่อนนะครับแม่”
ชายหนุ่มรวบช้อน หยิบกระเป๋าเอกสารเดินออกไปจากห้องอาหาร คนเป็นแม่ไม่ได้รู้สึกเลยว่า ลูกชายผิดปกติ เพราะวงศกรก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
อินทิรากินข้าวไม่ลง เธอรู้สึกอึดอัดเพราะสามีดูเหมือนว่าจะไม่ชอบหน้า เขาไม่ยอมพูดคุยกับเธอ ทำราวกับว่าเธอเป็นธาตุอากาศที่ลอยวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้
