บทที่ 8 หยุดพูดแล้วทำสักที
สำนักงานใหญ่ตระกูลจิรสิน
แก้วกัลยาปล่อยผมลอนยาวสยายสวมแว่นตาดำชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยสูทสีขาวเยื้องย่างเข้ามาในอาคารสำนักงานของตระกูลคู่แข่ง หากเป็นพนักงานหรือคนติดต่องานทั่วไปอาจไม่เป็นจุดสังเกตได้ทว่าด้วยความสวยสง่าอีกทั้งยังสวมแว่นตาอำพรางที่กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่เดินผ่านเธอจนต้องเหลือบมองอย่างแปลกใจว่าผู้หญิงสวยดูรวยคนนี้คือใคร
ร่างบางหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ขยับแว่นตาดำเล็กน้อยพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง
“ฉันมาติดต่อขอพบคุณอัศวนัยค่ะ”
“ได้นัดท่านไว้หรือไม่คะ?”
“ไม่ได้นัดค่ะ ช่วยแจ้งเขาทีว่าฉันเป็นคนที่เขาเคยช่วยไว้ที่ญี่ปุ่นอยากเจอเพื่อขอบคุณ” สายตาสวยกลอกไปมาอย่างลังเลเหตุผลของการสวมแว่นตาดำไม่ใช่เพราะกลัวว่าใครจะจำได้แต่จะซ่อนสายตาหลุกหลิกไม่มั่นใจตรงข้ามกับกิริยาสวยสับเลิศ ๆ เชิด ๆ ที่พยายามทำเพื่อกลบเกลื่อนความประหม่า
“สักครู่นะคะ” พนักงานประชาสัมพันธ์ตอบรับข้อความที่ได้มาก่อนจะรีบติดต่อไปยังเลขาของอัศวนัยซึ่งแน่นอนเขาอนุญาตให้เธอเข้าพบอยากรู้ว่าคนเจ้าเล่ห์จะมาไม้ไหนอีก
ห้องทำงานใหญ่ของรองประธาน
อัศวนัยวางมือจากการทำงานใจจดใจจ่อมองไปทางประตูห้องทำงานด้วยความตื่นเต้นจะเจอกับหญิงสาวที่ทำให้เขาเสียความรู้สึก กลอนประตูถูกบิดออกกายหนาหอบหายใจจ้องมองลุ้น ๆ ไม่วางตาแต่แล้วคนที่เข้ามาในห้องคือเลขาของเขานั่นทำให้เขาถึงกับเป๋ไหล่ตกเซ็ง ๆ
“มีอะไร?”
“คุณแก้วกัลยามาถึงแล้วค่ะ” เลขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยผายมือเชิญแก้วกัลยาเข้ามาภายในห้องทำงานของเจ้านายแล้วปิดประตูลง อัศวนัยนิ่งงันมองหญิงสาวสวยโฉบเฉี่ยวไม่ว่าจะเป็นเธอในรูปแบบไหนก็สะกดสายตาเขาได้อยู่หมัดทุกครั้ง
“กล้ามากที่มาเหยียบถึงถิ่นจะมาหลอกอะไรผมอีก”
“ฉันมาเจรจา” นิ้วเรียวถอดแว่นตาดำออกเผชิญหน้ากับโจทย์ที่เธอสร้างเรื่องปวดหัวให้กับเขา
“ไม่อยากคุย” หน้าหล่อขึงขังพูดห้วน ๆ ทำเป็นไม่อยากสนทนาด้วยทั้งที่ยอมเปิดใจฟังตั้งแต่รู้ว่าเธอมาขอพบ
“ฉันจำเป็นต้องหลอกคุณเพราะจะถูกจับแต่งงานกับชนินทรลูกชายของเจ้าสัวชัชชาย เขาเจ้าชู้ทำร้ายร่างกายผู้หญิงเป็นข่าวมาหลายครั้งฉันไม่อยากตายทั้งเป็นแบบนั้น”
“อยู่กับผมคุณอาจเจอขุมนรกก็ได้” คิ้วเข้มเลิกขึ้นคล้ายไม่สนใจแต่แอบห่วงหากเธอต้องแต่งงานกับชนินทรที่ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้และทำร้ายผู้หญิงสะบักสะบอม
“ฉันยังเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนใจร้าย ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ช่วยฉันทั้งที่ครอบครัวของเราเป็นคู่แข่งกัน”
“นั่นสิผมเคยช่วยชีวิตคุณไว้ แต่คุณกำลังจะทำลายชีวิตผม”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำลาย แค่อยากแต่งงานเป็นภรรยาของคุณ” เสียงหวานหม่นเศร้ามองสบตาหยั่งเชิงกันและกัน
“เห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ว่าตัวเองจะได้อะไร ไม่นึกถึงว่าผมต้องสูญเสียอะไรกับการกระทำของคุณ”
“ฉันขอโทษ ได้โปรดช่วยแต่งงานกับฉันนะคะ” ริมฝีปากบางขบเม้มช้อนตามองอย่างอ้อนวอน อัศวนัยนิ่งงันมองริมฝีปากบางที่ถูกดึงเม้มไปมาอย่างเผลอไผลทว่าคนทำกลับไม่รู้ตัว เขากะพริบตาถี่กำปากกาในมือแน่นเรียกสติตัวเองให้กลับมา
“ทำไมต้องเป็นผม?”
“คุณคือจิรสินคู่แข่งทางการค้าที่ทางบ้านฉันไม่ชอบ ฉันอยากเอาคืนพวกเขาที่ไม่สนความรู้สึกของฉัน ทำให้พวกเขาไม่พอใจที่ได้คุณมาเป็นลูกเขย”
“ผมต้องกลายเป็นเครื่องมือให้คุณเอาคืนครอบครัวด้วยงั้นเหรอ งั้นช่วยบอกเหตุผลดี ๆ ที่ผมต้องสละโสดเล่นละครฉากใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำให้ฟังสักหน่อยสิ”
“ฉันชอบคุณ” แก้วกัลยาตอบทันควันนี่คือสิ่งที่เธอมั่นใจไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรอง อัศวนัยชะงักเผลอยิ้มมุมปากรู้สึกดีได้ยินเธอพูดว่าชอบก่อนจะรีบหุบรอยยิ้มนั้นลงรวดเร็วไม่มั่นใจว่าเชื่อคำพูดของคนเจ้าเล่ห์อย่างเธอได้ไหม แก้วกัลยามองสีหน้าเขาลังเลคงเพราะเธอทำกับเขาไว้หลายอย่างจนหมดความเชื่อใจและคิดว่าเธอหลอกลวง
“ฉันชอบคุณจริง ๆ”
“แค่นี้เหรอ?” กายหนาเหยียดยืนเดินหน้าหน้าตึงเข้ามาใกล้กลบรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้เธอเห็น
“ใช่ เพราะการชอบคุณเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับฉัน”
“คิดว่าผมยังจะเชื่อคำพูดของคนโกหกปลิ้นปล้อนอีกเหรอ” นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่เงยมองสบตาไม่หลบเลี่ยงหลุกหลิกแสดงถึงความจริงใจที่มีให้แม้ว่าเขาจะเป็นหมากในเกมแต่ความรู้สึกชอบที่มีให้เขาคือเรื่องจริง ทว่าคนที่กำลังหวั่นไหวไม่ใช่หญิงสาวแต่กลายเป็นอัศวนัยกำลังใจอ่อนกำมือที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงพยายามข่มอาการตัวเองจนคอเกร็งไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขากำลังหวั่นไหว
“ถ้าอยากแต่งงานก็ต้องให้ผมเช็กของก่อน”
“.............”คิ้วเรียวขมวดสงสัย
“ผมอยากรู้ว่าของที่ได้รับมาจะคุ้มค่ากับความโสดที่ต้องเสียไปหรือเปล่า ถ้ามัวแต่นอนแข็งทื่อไม่เร้าใจก็ไม่ไหวนะ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างได้เปรียบและคิดว่าคนที่ทุ่มทุนทำทุกอย่างมาเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ยังไงก็ต้องตกลงเพื่อให้สำเร็จอย่างที่เธอตั้งใจ แก้วกัลยานิ่งงันตัวชากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่สักพักก็ถอนหายใจยาวค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมตัวหรูออกโยนไปบนโซฟา อัศวนัยจ้องมองหญิงสาวแสนสวยมีสายตามุ่งมั่นจนตัวเขาเองหวั่นใจ มือเรียวเอื้อมไปข้างหลังรูดซิปชุดเดรสรัดรูปลงช้า ๆ กายหนาร้อนวูบวาบใบหน้าหล่อคมคายแดงก่ำคล้ายกำลังฝืนทนต่อต้านกับความรู้สึกที่รุ่มร้อนอยู่ภายใน
ซิปชุดเดรสรูดลงถึงสะโพกก่อนจะถูกดึงออกทำให้ร่วงหล่นลงพื้นอย่างตั้งใจ ดวงตาสวยคลอด้วยน้ำใสพวงแก้มแดงระเรื่ออับอายกับการยืนเปลือยเหลือเพียงชุดชั้นในต่อหน้าผู้ชายที่ไม่แยแสในเรือนร่างของเธอ ถึงแม้จะว่าทำตัวเสื่อมเสียหน้าด้านยัดเยียดตัวเองให้ผู้ชายขนาดไหนก็ต้องทำเพราะไม่อยากแต่งงานกับชนินทร
“ไร้ค่า” สีหน้าแววตาเหยียดหยันทำให้แก้วกัลยาชะงักสายตาวูบไหวในสิ่งที่ตัดสินใจ มือเรียวบีบกำแน่นฝืนมองสบตาเขาอย่างท้าทายย่างกรายเข้าหากายหนาปลายเท้าเขย่งขึ้นเสมอแนบหน้าชิดแก้มสากกระซิบเบา ๆ พลางพ่นลมหายใจอุ่นรดเขาอย่างตั้งใจ
“หยุดพูดแล้วทำสักที”
“อยากได้เป็นผัวนักก็จะสนองให้” เสียงทุ้มแหบแห้งกรามแข็งบดขยี้กับเสียงลมหายใจหอบแรงคล้ายต้านทานการยั่วยุตรงหน้าไม่ไหว
หน้าหล่อผละมองหน้าสวยแสนยั่วเย้าเบียดกายแนบชิดดันให้เธอก้าวถอยไปยังโซฟาตัวยาวผลักให้นั่งลงก่อนจะปลดหัวเข็มขัดแบรนด์หรูออกโน้มลงเข้าไปใกล้กายสาวที่เงยมองแววตาสั่นไหว
“กล้าให้เหมือนตอนยั่วหน่อยสิ” ปลายจมูกโด่งสันเคลื่อนไล้แก้มเนียนผุดผ่องอย่างละเมียดละไม ร่างบางสะท้านขนลุกชันจิกเบาะโซฟาจนนิ้วเกร็งฝืนตัวเองไม่ประหม่าให้เขาเห็น ทว่าคนช่ำชองเจนจัดทุกสังเวียนก็ดูรู้ว่าเธอกำลังกลัวหากเป็นหญิงอื่นเขาจับกดจัดการให้เสร็จ ๆ ต่างคนต่างแยกย้ายแต่กับเธอต้องนุ่มนวลค่อย ๆ เล้าโลมทั้งที่เธอไม่ได้อ้อนวอนว่าอย่าทำรุนแรงเป็นตัวเขาเองที่อยากให้เธอซึมซับสัมผัสและไออุ่นของเขาอย่างลึกซึ้งพลีกายเป็นเขาของเองไม่ใช่เพราะเป็นเกมการต่อรองใด ๆ
