บทที่ 6
รุ่ยเผิงถอดเสื้อผ้าออก แล้วขึ้นเตียงไปสวมกอดรั่วอินไว้ เขาใช้ร่างกายเพื่อให้นางคลายหนาว
รั่วอินนอนนิ่งไม่กล้าขยับ นางหนาวมากจริงๆ ทั้งยังแสบผิวไปทั้งร่างกาย ความร้อนจากตัวของรุ่ยเผิงเพียงไม่นาน ร่างกายของรั่วอินก็อบอุ่นขึ้น
“ใต้เท้า” นางร้องเขาเสียงเบา เพื่อจะบอกว่านางดีขึ้นแล้ว
“อืม” เขาส่งเสียงเพื่อให้นางพูด ไม่น่าเชื่อว่าร่างนุ่มนิ่มที่เขากอดอยู่จะเป็นยากำหนัดที่รุนแรงกับเขามากเพียงนี้
“ข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยเสียงหวานออกมาอย่างแผ่วเบา
“หุบปาก แล้วนอนเสีย” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างไม่สบอารมณ์
ดีเพียงใดแล้วที่ข้ากอดเจ้าเช่นนี้ ยังไม่สำนึก แล้วยังเอ่ยปากไล่อีก รุ่ยเผิงกำชับร่างบางในอ้อมแขนแน่นขึ้นอย่างมีโทสะ
รั่วอินจำต้องยอมอึดอัด ข่มตาหลับไป เพราะไม่อยากเพิ่มความขุ่นเคืองให้เขามากไปกว่านี้
รุ่งเช้าวันต่อมา เขาจึงยอมคลายสตรีในอ้อมแขนออก แล้วลุกไปเตรียมตัวไปทำงาน ในตอนแรกเขาคิดว่านางจะตื่นขึ้นมาช่วยเขาเตรียมตัวแต่นางกลับนอนหลับอย่างสบายอยู่ใต้ผ้าห่ม
รุ่งเผิงรีบแต่งตัวแล้วออกจากเรือนไปอย่างไม่สบอารมณ์ เสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาเตรียมอาหารเช้าไว้เขาก็ไม่ยอมกิน
รั่วอินนางรู้สึกตัวตื่นก็เป็นเวลาสายเสียแล้ว ทั่วทั้งหมดปวดเมื่อยจนไม่อยากจะนึกขยับตัว
เสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาเข้ามาช่วยนางล้างหน้าแต่งตัว เมื่อเห็นร่างของรั่วอินที่เปลือยเปล่าลุกออกมาจากผ้าห่มทั้งคู่ก็สูดหายใจเข้าอย่างตกตะลึง
เหตุใดนายท่านจึงไม่รักถนอมสาวงามเช่นนี้ ไม่มีส่วนใดของรั่วอินที่รุ่ยเผิงไม่ทิ้งรอยไว้เลย ทั้งคู่มองนางอย่างเห็นใจแล้วช่วยใส่เสื้อผ้าให้นาง
รั่วอินนางกินอาหารได้ไม่เยอะ เพราะปกตินางก็กินน้อยอยู่แล้ว นางหนักหัวจนอยากจะนอนพัก เสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาจึงประคองนางกลับไปส่งที่ห้องนอน
นางช่วยทายาให้รั่วอิน เมื่อเห็นช่องทางรักที่บวมเบ่งแต่ไม่ถึงกับฉีกขาด ก็อดจะเห็นใจไม่ได้ หากเป็นพวกนางโดนเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีสภาพอย่างไร
ยิ่งรั่วอินนางเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เท้าแทบไม่ถูกดิน เนื้อตัวนุ่มนิ่มราวกับทำขึ้นด้วยน้ำ โดนแตะเพียงนิดก็เกิดรอยแดงแล้ว
แต่นายท่านของพวกนาง ไม่แม้แต่จะเบามือสักนิด เนื้อตัวของรั่วอินนางจึงดูน่าสงสารยิ่งนัก
มื้อกลางวันรั่วอินก็ไม่ยอมลุกขึ้นมากินอาหาร เพราะว่านางปวดหัวจนลุกไม่คิด และไม่ได้บอกกับสาวใช้ทั้งสอง เพราะกลัวว่าจะหาว่านางเรื่องมาก
คืนนั้นรุ่ยเผิงไม่ได้กลับมาที่จวนหลังน้อย รั่วอินนางก็ไม่ได้รับรู้ เพราะนางนอนพักทั้งวัน ในมื้อเย็นเสี่ยวหงก็ทนไม่ไหว ช่วยประคองนางขึ้นมาป้อนข้าวต้ม
“คุณหนูทานเสียหน่อยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยเสียงเบา เพื่อให้รั่วอินที่ถูกประคองอยู่อ้าปากให้นาง
รั่วอินลืมตาไม่คิด แต่ก็ยอมอ้าปากให้เสี่ยวหงป้อนอย่างดี นางกินไปได้เพียงไม่กี่คำก็ไม่ยอมกินอีกแล้ว
เสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาช่วยเช็ดตัวให้นางเพื่อให้นางนอนสบายขึ้น รอยแดงไม่ได้จางลงเลยสักนิด ทั้งยังรอยฝ่ามือก็เริ่มเขียวแล้ว
คืนนั้นรั่วอินนางก็มีไข้ขึ้นเสียง เสี่ยวหงมาดูนางอีกครั้ง เพื่อจะถามว่านางต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรั่วอินนางเพ้ออย่างน่าสงสาร
ทั้งสองไม่รู้จะจัดการอย่างไร เพราะเรื่องที่นางอยู่ในจวนหลังนี้มิอาจบอกให้ผู้อื่นรู้ได้ ทั้งยังไม่อาจตามหมอมาโดยไม่บอกให้นายท่านรู้ก่อนได้ด้วย
เสี่ยวหงจึงไปหารุ่ยเผิงที่จวนของเขา เพื่อบอกเรื่องที่รั่วอินนางเป็นไข้สูง แต่ก็พบเพียงบ่าวหน้าประตูแจ้งว่านายท่านยังไม่กลับมาที่จวน
นางจึงต้องกลับไปที่จวนหลังน้อย เพื่อดูแลรั่วอินเท่าที่จะทำได้
รุ่ยเผิงตอนนี้นั่งอยู่ภายในหอเริงรมย์กับเจ้าหน้าที่ในศาลต้าฉี เขาไม่ชื่นชอบสถานที่เช่นนี้นัก แต่ที่ตามมาด้วยในครั้งนี้เป็นเพราะยังมีโทสะเรื่องของรั่วอินอยู่
ยิ่งนึกถึงหลังการร่วมรักเสร็จสิ้นนางเอาแต่ร้องไห้ เหมือนจะรังเกียจตัวเขาเสียอย่างนั้น ก็ทำให้รุ่ยเผิงยิ่งดื่มสุราลงไปอีกหลายจอก
คณิกาอันดับหนึ่งเมื่ออยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ยังเย้ายวนเทียบกับสตรีที่เขานอนกอดเมื่อคืนไม่ได้แม้เพียงนิด
