บทที่ 15
รุ่ยเผิงแยกขาขาว ออกจากกันก่อนที่จะใช้นิ้วมือเล้าโลมดอกไม้ของรั่วอินอย่างหื่นกระหาย แม้เขาจะร่วมรักกับนางบ่อยครั้งเพียงใด แต่ช่องรักของนางก็ยังรัดเขาจนแทบจะหายใจไม่ออกเสียทุกครั้ง
รั่วอินสมองขาวโพลนไปหมด เมื่อถูกรุ่ยเผิงมอมเมาเช่นนี้ นางไม่อาจต้านทานเขาได้เลยสักครั้ง สุดท้ายนางก็ต้องยอมเขาอยู่ดี
ไอน้ำทำให้สายตาของรั่วอินพร่ามัว ดวงตาของนางมีน้ำเอ่อคลอจากอารมณ์ที่ถูกรุ่ยเผิงเล้าโลม รุ่ยเผิงจ้องมองใบหน้างามอย่างหลงใหล ยิ่งเห็นเช่นนี้ไหนเลยจะควบคุมความปรารถนาได้อีก
รั่วอินถูกรุ่ยเผิงยกเอวจนขาลอยขึ้นจากน้ำ นางรีบคว้าหินที่ขอบบ่อน้ำพุไว้เพื่อพยุงตัว ก่อนจะสั่นคลอนไปด้วยแรงกระแทกที่รุ่ยเผิงไม่ได้คิดว่าจะเบาลงสักนิด
เสียงครางหวานไพเราะทำให้เสี่ยวซีและสาวใช้ล่าถอยห่างออกไป ทั้งคู่อดที่จะคิดไม่ได้ว่าวันนี้มื้อเย็นคงได้กลายเป็นมื้อค่ำไปอีกแล้วเป็นแน่
รุ่ยเผิงขัดตัวให้รั่วอินก่อนจะอุ้มนางกลับเข้าไปในห้องพัก
“บวมหมดแล้ว” เขากระซิบบอกนาง เมื่อเขาช่วยนางล้างตัว
รั่วอินทุบไปที่อกแกร่งอย่างไม่สบอารมณ์ นางอยากจะร้องถามว่า เป็นท่านมิใช่หรือที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ แต่นางร้องจนเสียงแหบแห้งจึงได้แต่ปรือตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
ไม่ผิดจากที่เสี่ยวซีกับสาวใช้คิด เมื่อรุ่ยเผิงเรียกให้ตั้งโต๊ะก็เป็นเวลามื้อค่ำเสียแล้ว
รุ่ยเผิงพารั่วอินนางเที่ยวเล่นที่จวนพักตากอากาศอยู่สามวันจึงได้กลับเข้าเมืองกว่างหนานไป เขาอยู่จัดการเรื่องที่ศาลกว่างหนานต่ออีกห้าวันจึงได้เดินทางกลับเมืองหลวง
สาวใช้ที่เสี่ยวซีไปหามาไม่ได้นำนางกลับมาด้วย รุ่ยเผิงเห็นสายตาของรั่วอินที่มองนางอย่างอาลัยอาวรณ์ จึงไถ่ตัวนางแล้วให้เงินนางไปหนึ่งก้อน เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
หญิงสาวข้างกายของเขาจึงได้ยิ้มออกมาอย่างดี สาวใช้รีบคุกเข่าคำนับทั้งคู่อย่างซาบซึ้ง ถึงอยากจะตามกลับเมืองหลวงไปรับใช้ทั้งคู่ก็ไม่อาจทำได้
เพราะนางเพิ่งมารู้ในตอนหลังว่ารั่วอินติดตามรุ่ยเผิงมาที่เมืองกว่างหนานอย่างไม่มีฐานะ จึงทำให้นางอดที่จะเห็นใจรั่วอินที่เป็นสาวงามไม่ได้ แต่เรื่องอื่นนางไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยว เมื่อได้หนังสือไถ่ตัวทั้งยังมีเงินให้เริ่มชีวิตใหม่ นางจึงกลับไปที่หมู่บ้านของนางทันที
สามวันต่อมารถม้าของรุ่ยเผิงก็มาถึงเมืองหลวง เมื่อส่งรั่วอินเข้าจวนตะวันตกแล้ว เขาก็เดินทางไปที่ศาลต้าฉีทันที เพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่กว่างหนานอย่างละเอียด
เสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาเห็นคุณหนูของตนกลับมาก็ดีใจ ทั้งยังมีของติดไม้ติดมือมาฝากนางทั้งคู่อีกด้วย เกือบสองเดือนที่ทั้งสองไม่ได้รับใช้รั่วอิน จึงพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเสียพักใหญ่ จนรุ่ยเผิงกลับมาถึงจวนทั้งสามคนจึงได้แยกย้ายกัน
แต่สีหน้าของรุ่ยเผิงที่กลับมาจากศาลต้าฉีไม่ค่อยสู้ดีนัก รั่วอินนางก็ไม่ได้เอ่ยถาม เพราะนางรู้ดีว่านางไม่ควรยุ่งเรื่องงานของเขา
แต่นางก็เข้าไปนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ รุ่ยเผิงชื่นชอบการเอาใจของรั่วอิน หัวคิ้วของเขาคลายออกเพียงแค่ได้กลิ่นกายจากตัวของนาง อารมณ์ที่ขุ่นมัวทั้งหมดเหมือนจะหายไปจนสิ้น
เรื่องที่รุ่ยเผิงกลุ้มใจเห็นจะเป็นเรื่องคดีของโจวเหล่ยหลงที่ดูเหมือนฮ่องเต้จะให้เร่งจัดการโดยเร็วที่สุด เมื่อตอนที่เขาเดินทางไปกว่างหนานก็เหมือนจะจัดการเรื่องนี้ไปเกือบครึ่ง
เขาดึงมือของรั่วอินมาพรมจูบอย่างอาลัยอาวรณ์ หากบิดาของนางพ้นโทษตัวนางก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิมแล้ว และเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งตัวนางไว้ได้แต่ ไม่เช่นนั้นเรื่องที่เขาทำไว้ทั้งหมดคงได้ถูกเปิดโปงขึ้นมาแน่
เรื่องของโจวเหล่ยหลงอีกไม่เกินเดือนเขาคงได้รับการปล่อยตัวเป็นแน่ เพราะในยามนี้คนของกรมโยธาเข้าออกศาลต้าฉีอย่างครึกครื้น เพื่อสอบถามเรื่องงานจากเขา
โจวเหล่ยหลง เป็นขุนนางมาหลายปีเล่ห์กลของเขาก็ย่อมต้องมี เขาจะอ้างทุกครั้งเรื่องที่ตนเจ็บป่วยจนไม่อาจให้คำแนะนำพวกเขาได้ หรือไม่ก็บอกว่าเขาเป็นนักโทษ เรื่องในราชสำนักไม่อาจข้องเกี่ยวได้
เพราะมีเรื่องเขื่อนทางตอนใต้ที่กำลังสร้าง แต่คนในกรมโยธาไม่อาจจะจัดการได้ดีอย่างที่โจวเหล่ยหลงทำ ฮ่องเต้ก็ร้อนใจเพราะคำอ้างของโจวเหล่ยหลง จนเขาเร่งให้ศาลต้าฉี ปิดคดีความเสียโดยเร็ว
