บทที่ 12
ตลอดทางที่กลับสีหน้าของรุ่ยเผิงไม่สู้ดีนัก เขาเริ่มกลัวว่าจะเกิดเรื่องที่เขาควบคุมไม่ได้ขึ้น ยิ่งเห็นแววตาที่หื่นกระหายของตู้เสียนมองมาที่รั่วอิน เขาก็อยากจะเข้าไปสังหารตู้เสียนเสียเดี๋ยวนั้น
แต่เพราะเรื่องการตายต่อเนื่องของสตรีในเมืองกว่างหนาน ฮ่องเต้สั่งการเรื่องนี้มาด้วยพระองค์เอง เขาจำต้องจับตู้เสียนให้ได้คาหนังคาเขา
“นายท่าน” รั่วอินเอ่ยเรียกรุ่ยเผิง เมื่อมือของเขาที่กุมมือของนางอยู่บีบแน่นขึ้นจนนางเจ็บ
“เจ็บมากหรือไม่” เขาลูบมือนางอย่างเอาใจ
“ไม่เจ้าค่ะ” นางยิ้มหวานให้เขา
รุ่ยเผิงให้นางเรียกเขาว่านายท่าน เพื่อที่ผู้อื่นจะได้ไม่รู้ถึงตัวตนของเขา
“รั่วอิน ข้าต้องออกไปสืบคดี เจ้าอยู่ได้ใช่หรือไม่”
รั่วอินหันมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะทุกครั้งที่เขาออกไปสืบคดี นางก็ล้วนอยู่เพียงผู้เดียว
“ได้เจ้าค่ะ” แต่นางก็ยังเอ่ยตอบกลับไป
รุ่ยเผิงมองนางอยู่ครู่ ก่อนที่เขาจะออกไปจากห้อง รุ่ยเผิงไม่ได้ออกไปจากโรงเตี๊ยม แต่เขาเพียงไปอยู่ห้องด้านข้างแทน หากมีเรื่องอันใด เขาจะได้เข้ามาช่วยนางได้ทัน
รั่วอินที่อยู่ในห้อง นางก็คิดจะอาบน้ำ เพราะเนื้อตัวของนางมีแต่เหงื่อจากการที่ออกไปเดินซื้อของมาทั้งวัน รั่วอินจึงออกไปสั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกน้ำเข้ามาให้นาง
ตอนที่นางกำลังอาบน้ำอยู่ นางก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังพยายามเปิดเพื่อจะเข้ามาด้านใน นางคิดว่าเป็นรุ่ยเผิงที่กลับมาจึงได้ลุกออกจากอ่างน้ำ เพื่อไปเปิดประตู
แต่นางที่ยังไม่ทันได้สวมเสื้อผ้าให้ดี ประตูห้องก็ถูกเปิดออกเสียก่อนแล้ว รั่วอินหันไปมองอย่างตกใจ แต่กลับพบบุรุษที่นางไม่เคยเห็นหน้ายืนจ้องมองด้วยแววตาตกตะลึง
“งามนัก” ตู้เสียนเอ่ยออกมาราวกับอยู่ในห้วงฝัน
เขาหลับนอนมากับสตรีนับไม่ถ้วน แต่สตรีที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้ทั้งหมดมารวมกันก็ไม่อาจเทียบไป ทั้งขาขาวที่ยาวเรียว ผิวขาวดั่งหิมะ ใบหน้าที่งดงามจนไม่อาจจะละสายตาได้
ตู้เสียนเดินเข้ามาหารั่วอินอย่างเหม่อลอย รั่วอินรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ มือของนางสั่นเทาจนไม่อาจจะมัดเชือกที่เอวได้ แม้แต่เสียงนางก็ลืมที่จะร้องออกมา
“ท่านเข้ามาได้อย่างไร” นางเอ่ยถามเสียงสั่น ทั้งยังถอยหลังไปชิดผนังห้องอย่างหวาดกลัว
ตู้เสียนเห็นแววตาของนางกำลังเผยความกลัวออกมาก็ยิ่งตื่นเต้น คนงามกำลังจะหลั่งน้ำตา หากอยู่ภายใต้ร่างของเขา เสียงร่ำไห้ของนางจะน่าฟังมากเพียงใด
เมื่อตู้เสียนกักขังรั่วอินไว้ในอ้อมแขน เขาก็ซุกเข้าหาซอกคอของนาง
รั่วอินกรีดร้องสุดเสียงทั้งยังดิ้นรนเพื่อให้พ้นจากเงื้อมมือของเขา ตู้เสียนปิดปากของนางไว้แน่น ทั้งจ้องฉีกเสื้อผ้าของนางออกอย่างรุนแรง
รุ่ยเผิงได้ยินเสียงร้องของรั่วอินก็วิ่งออกมาจากห้องด้านข้างอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นบ่าวของตู้เสียนที่เฝ้าอยู่ด้านนอก เสี่ยวซีก็ตรงเข้าไปจัดการทันที
เมื่อเข้ามาด้านในห้อง แววตาของรุ่ยเผิงก็แข็งกร้าวขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าตู้เสียนจะลงมือรวดเร็วเพียงสี
เสื้อผ้าของรั่วอินหลุดลุ่ย ผมของนางสยายอยู่บนเตียงแววตาของนางบ่งบอกให้รู้ว่านางกำลังหวาดกลัวอย่างที่สุด ที่นางส่งเสียงร้องอีกไม่ได้ เพราะมือของตู้เสียนปิดปากของนางไว้แน่น
รุ่ยเผิงถีบไปที่ตัวของตู้เสียนจนเขาล้มไปกองกับพื้น รั่วอินดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นผู้ใด บังอาจมาขัดขวางข้า” ตู้เสียนเมื่อลุกขึ้นมายืนได้มั่นคงก็เอ่ยถามเสียงดัง
ไม่มีผู้ใดในเมืองกว่างหนานไม่รู้จัดบ่าวที่อยู่หน้าประตูของเขา แล้วเหตุใดถึงกล้าบุกเข้ามาเช่นนี้
รุ่ยเผิงไม่ได้ตอบคำถามของตู้เสียน แต่เขาตรงเข้าไปทุบตีตู้เสียนอย่างรุนแรง ตู้เสียนหมดสติไปแล้วเขาก็ยังไม่ยอมหยุดมือ จนเสี่ยวซีต้องเข้ามาดึงตัวเจ้านายของเขาไว้
“ใต้เท้า ประเดี๋ยวจะตายเสียก่อนขอรับ” เสี่ยวซีมองไปทางรั่วอินที่มุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเห็นใจ
แม้ผ้าห่มจะหนาเพียงใด แต่แรงสั่นที่เกิดจากตัวของคนด้านในเขาก็รู้ได้ว่านางกำลังเสียขวัญมากแค่ไหน
หากนางได้รู้ว่าเจ้านายของเขาปล่อยให้ตู้เสียนเข้ามาพบนางในห้อง ไม่รู้ว่าจะเสียใจมากเพียงใด
