บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

รุ่ยเผิงจับคางนางให้หันมาทางเขา เพิ่มทั้งเอ่ยอย่างข่มขู่

“ต่อไปหากเจ้ายังปล่อยให้ตนเองมีสภาพเช่นนี้อีก ข้าจะทำโทษสาวใช้ทั้งสองคนเสีย”

“ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ” นางก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

“ไม่กินข้าวกันก่อนเถิด” หากช้ากว่านี้เขาคงได้จับนางกินแทนข้าวเสียแล้ว

รุ่ยเผิงไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ยอมใจอ่อนกับนางมากเพียงนี้ ห้าวันที่ผ่านมา เขาไม่อาจนอนหลับสนิทได้สักวัน

จิตใจของรั่วอินดีขึ้นนางจึงกินข้าวได้มากขึ้น เพียงไม่นานนางก็มีน้ำมีนวลขึ้นดังเดิม รุ่ยเผิงก็มาค้างที่จวนตะวันตกไม่ขาด

ผ่านมาได้สองเดือน รุ่ยเผิงก็ต้องเดินทางไปสืบคดีที่ต่างเมือง เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงคิดที่จะพารั่วอินนางไปด้วย

“รั่วอิน ข้าจะพาเจ้าไปเมืองกว่างหนาน อีกสองวันออกเดินทาง”

“แล้ว...” เพราะรู้ว่าสิ่งที่นางกังวลคือเรื่องอันใด รุ่ยเผิงจึงได้เอ่ยขึ้นมาก่อนที่นางจะพูด

“ไม่มีผู้ใด มีเพียงข้ากับเจ้า ครั้งนี้ข้าต้องปลอมตัวไป เจ้าอย่าได้กังวล”

เขาลูบใบหน้าของนางอย่างรักใคร่ ก่อนจะออกไปทำงาน ทั้งยังสาวใช้ทั้งสองช่วยเตรียมของใช้ให้รั่วอิน เพื่อออกเดินทาง

สองวันต่อมารุ่ยเผิงก็พารั่วอินเดินทางออกจากเมืองหลวง โดยมีเสี่ยวซีเป็นผู้บังคับรถม้า รถม้าที่ใช้เดินทางไม่ใช่รถม้าของรองตุลาการรุ่ยเผิงจำต้องต่อแถวรอออกจากประตูเมืองเช่นชาวเมืองทั่วไป

เพียงรถม้าเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง รั่วอินนางก็เปิดผ้าม่านรถม้าเพื่อดูบรรยากาศด้านนอก รุ่ยเผิงยกยิ้มมุมปากกับท่าทางที่ตื่นเต้นเหมือนเด็กของนาง

“มีอันใดน่าดูกัน” เขาเอ่ยถามอย่างหยอกเย้า

“ข้ามิได้ออกมานอกเมืองนานแล้วเจ้าค่ะ” รั่วอินพูดอย่างเขินอาย

นางปิดผ้าม่านลงเมื่อรู้ว่าทำท่าทางที่ไม่เหมาะสม

“มานี่” รุ่ยเผิงเอ่ยเรียกให้นางมานั่งข้างเขา

รั่วอินลุกขึ้นไปอย่างเชื่อฟัง แต่เมื่อนางจะนั่งลงเขากลับดึงตัวนางให้นั่งลงบนตัก

“ไว้ข้าจะพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นดีหรือไม่” จมูกของรุ่ยเผิงซุกอยู่ที่ซอกคอของรั่วอิน

“เจ้าค่ะ” นางไม่ได้คิดว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูด เพราะงานของเขาก็แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนแล้ว

รุ่ยเผิงออกเดินทางมาเมืองกว่างหนานในครั้งนี้ เพื่อสืบเรื่องการตายของสตรีหลายรายภายในเมือง เจ้าหน้าที่ของเมืองกว่างหนานก็ไม่อาจหาเบาะแสได้พบหลังจากที่ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว

ทั้งยังมีจำนวนศพที่เพิ่มขึ้น จนตอนนี้สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเสียชีวิตไปแล้วห้าราย

ฝ่ามือของรุ่ยเผิงเริ่มจะซุกซน เขาล้วงมือเขาไปในสาบเสื้อของรั่วอินอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังบีบเคล้นเนินเนื้องามอย่างปรารถนา

"ใต้เท้า" นางเอ่ยเสียงร้องอย่างอ้อนวอน

รั่วอินนางไม่เคยขัดใจเขาในเรื่องเช่นนี้ แต่นี่ทั้งคู่อยู่ในรถม้า

“เด็กดี อยู่นิ่งๆ” รุ่ยเผิงจะไม่รู้ความคิดของนางได้อย่างไร

รั่วอินนางเป็นคุณหนูในห้องหอ คงอับอายที่ต้องทำเรื่องเช่นนี้เมื่ออยู่ด้านนอก ทั้งยังเป็นตอนฟ้าสว่าง

“ประเดี๋ยวเสี่ยวซีได้ยิน” นางกลัวว่าเสี่ยวซีที่บังคับรถม้าจะรู้ว่าด้านในกำลังทำสิ่งใดอยู่

“เจ้าก็ร้อง ให้เบาเสียหน่อย” สายตาของรุ่ยเผิงที่มองนางกำลังหยอกล้ออย่างนึกสนุก

รั่วอินยื่นปากอย่างไม่พอใจ รุ่ยเผิงหัวเราะขบขันอยู่ในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าของนาง น้อยครั้งหนักที่นางจะแสดงท่าทีไม่พอใจหรืองอนเขาอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้

รุ่ยเผิงจับกระโปรงของรั่วอินยกขึ้นมากองอยู่ที่สะโพกของนาง เขาหยอกล้อดอกไม้งามของนางจนพอใจก่อนที่จะยกตัวนางขึ้นเขาสอดใส่ลำทวนเขามา

รั่วอินกัดปากแน่น เพื่อไม่ให้ตนเองส่งเสียงครางที่น่าอับอายออกมา

“อินอิน” เขาร้องเรียกนางด้วยเสียงแหบพร่า รั่วอินไม่ทันได้ยิน เพราะหัวของนางขาวโพลนไปกับความเสียวซ่านที่เขามอบให้

รุ่ยเผิงจับยึดสะโพกของนางไว้แน่น ก่อนจะกระแทกอย่างร้อนแรง ก่อนจะพลิกตัวนางให้หันกลับมาทางเขาแล้วบดจูบอย่างหื่นกระหาย

กว่าเขาจะยอมปล่อยตัวนางก็ถึงที่พักแล้ว รุ่ยเผิงให้เสี่ยวซีไปติดต่อห้องพัก เมื่อได้เรียบร้อย เขาถอดเสื้อคลุมห่อตัวรั่วอินไว้ แล้วอุ้มเข้าไปด้านในทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel