ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่

224.0K · จบแล้ว
เทียนเหอ
156
บท
38.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“หากรักแล้วต้องถูกเอาเปรียบมากมายถึงเพียงนี้ ข้าควรจะยังรักท่านต่อไปอยู่อีกหรือ...” เมื่อผู้ให้กำเนิดออกคำสั่งให้แต่งงาน ทว่าหัวใจดวงน้อยของเสวียนหนิงอันกลับไม่เหลือพื้นที่ไว้ให้ผู้ใด นอกจากบุรุษที่นางใฝ่ฝันว่าจะได้เขามาเป็นสามี ด้วยเหตุนี้พ่อค้าสกุลหลี่ที่เพิ่งสูญเสียภรรยาได้ไม่นาน จึงถูกสาวงามวางแผนลวงและจำต้องแต่งนางเข้าบ้านในฐานะ ‘ภรรยาลับ’ ************************ เสวียนหนิงอันเป็นถึงบุตรสาวของตวนอ๋องเลื่องชื่อ แต่กลับลดตัวมอบความรักให้กับพ่อค้าอายุมากแทนการคบหาชายหนุ่มอนาคตไกล มีสิ่งเดียวที่เขามอบให้ได้คือการทำให้นางมีความสุขอย่างที่ภรรยาสมควรได้รับจากสามี ทว่าร่วมเรียงเคียงหมอนมิทันข้ามวัน เขาก็หักหลังนางด้วยการมอบน้ำแกงเลี่ยงบุตรให้เสียแล้ว “เหตุใดจึงไม่ดื่มน้ำแกงบำรุง” “หมอหวงให้ข้ากินสมุนไพรบำรุงร่างกายมาตั้งแต่เริ่มมีระดู ร่างกายแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำแกงบำรุงเพื่อช่วยตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” “ที่แท้เจ้าไม่อยากตั้งครรภ์” หลี่จินหมิงชิงชังตนเองนักที่ต้องเล่นละครฉากใหญ่ โกหกภรรยาคนงามอย่างหน้าไม่อายที่สุด “น้ำแกงนี้สตรีที่แต่งเข้าสกุลหลี่ดื่มทุกราย หากเจ้าไม่ต้องการมีลูกกับพี่ก็มิเป็นไร ค่อยบอกซุนหยาว่ามิต้องนำมาให้แล้ว” “ท่านพี่อย่าเข้าใจผิดไป” เสวียนหนิงอันไม่กล้าดื่มก่อนหน้าเพราะเกรงว่าในน้ำแกงจะมีส่วนผสมขัดกับสมุนไพรที่กินอยู่เป็นประจำ แต่ในเมื่อเขากล่าวถึงขั้นนี้แล้ว “หนิงเอ๋อร์จะดื่มเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ วันต่อไปก็จะดื่มไม่ให้ขาด ท่านพี่อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันยกน้ำแกงเจ้าปัญหาดื่มรวดเดียวหมดในชั่วพริบตา! “เจ้าตามใจพี่อีกแล้ว ไม่กลัวว่าวันหน้าจะถูกเอาเปรียบหรืออย่างไร” “ไม่กลัวเจ้าค่ะ” เสวียนหนิงอันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อนั่งบนตักแกร่ง ใบหน้าเล็กซบลงบ่ากว้างอย่างเอาใจ “รักท่านหมดหัวใจ อยากเอาเปรียบมากเพียงใดก็ทำตามใจเถิดเจ้าค่ะ” หลี่จินหมิงเกลียดชังตนเองจนมิรู้จะใช้คำพูดใดมาบรรยาย หลอกลวงภรรยาเช่นนี้ยังสมควรได้รับความรักจากนางอยู่หรือ

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณแต่งงานสายฟ้าแลบจีนโบราณแต่งงานก่อนรักผู้ชายอบอุ่น

บทที่ 1

ลมร้อนพัดเอื่อยพากลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้นานาพรรณ ลอยฟุ้งผ่านเรือนใหญ่และเรือนเล็กในเขตรั้วบ้านพ่อค้าชื่อดังแห่งเมืองหลวง กลิ่นบุปผาใกล้โรยราอ่อนกว่าแรกผลิบานอยู่หลายส่วน ทว่ายังสามารถปลอบประโลมหัวใจของคนที่กำลังเฝ้ารออย่างกระวนกระวายให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง หากพิจารณาให้ดีจะได้กลิ่นดอกเหมยกุ้ย โดดเด่นที่สุด ความหอมเย้ายวนแทรกมาตามสายลมทำให้เจ้าของเรือนร่างบอบบางดุจต้นหลิวเผลอสูดลมหายใจลึก พลางภาวนาให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปด้วยดี

เทียนจะดับแล้ว…

บนโต๊ะกลางห้องมีเทียนมงคลสีแดงส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด ส่วนที่สัมผัสกับความร้อนค่อย ๆ ละลายอย่างเชื่องช้า น้ำตาเทียนทุกหยาดหยดล้วนมิหลุดพ้นจากการสังเกตของดวงตาหวานเศร้า นางเฝ้ามองเปลวเทียนสีสวยสลับกับประตูบานเล็กอย่างมีความหวัง สุดท้ายจึงตระหนักได้ว่าอีกไม่นานแสงสว่างในห้องคงหมดไป

บุรุษที่นางรอยังไม่เข้ามาในเรือน...

มีความเป็นไปได้ถึงเก้าส่วนว่าเขาจะไม่มา เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วมือเรียวเล็กก็พลันขยุ้มอาภรณ์สีแดงสดที่สวมอยู่อย่างไม่พอใจนัก นางยอมลดเกียรติตนเอง กระทั่งชุดเจ้าสาวสวยสมฐานะก็มิได้สวมใส่ มีเพียงชุดธรรมดาสีแดงทดแทน

ทุกอย่างผิดไปจากที่คุณหนูผู้สูงศักดิ์คาดหวัง ไม่มีการเข้าพิธีอย่างครบถ้วนถูกต้องตามประเพณีเพราะเหตุผลประหลาดที่เขาอ้าง แต่ในเมื่อเลือกแล้วนางจึงไม่มีสิทธิ์โอดครวญ

รักหมดหัวใจ...ต่อรองอันใดไม่ได้อีก

เสวียนหนิงอัน กวาดตามองรอบห้องนอน เครื่องเรือนทุกอย่างสะอาดสะอ้าน ทว่าเก่าคร่ำคร่าไม่น่ามอง ลึกเข้าไปด้านในมีห้องสำหรับอาบน้ำ แต่กลับไม่มีสาวใช้เตรียมน้ำร้อนให้อาบ จริง ๆ แล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตใดออกมาต้อนรับนาง นอกจากหญิงสูงวัยที่เปิดประตูเล็กหลังบ้านให้ในราวต้นยามโฉ่ว

นางนิ่วหน้าไม่พอใจ ชุดเจ้าสาวที่สวมอยู่แทบไม่นับว่าเป็นชุดเจ้าสาว หากไร้ผ้าคลุมหน้าสีแดงคงยากจะบอกได้ว่าหญิงงามในวัยสิบหกปีมาที่บ้านหลังนี้ในฐานะใด ไหนจะเรื่องที่เดินเข้าทางประตูเล็ก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่มีขบวนนำทางอันสมเกียรตินั่นอีก แต่ในเมื่อเขาแจ้งชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องต้องเป็นเช่นนี้ นางจึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม

“อย่างน้อยก็ควรอนุญาตให้นำสาวใช้มาด้วยสักสองคน...” นางพึมพำอย่างเบื่อหน่าย

หลังจากมั่นใจแล้วว่าค่ำคืนนี้ต้องอยู่ตามลำพัง เสวียนหนิงอันจึงตัดใจไม่รั้งรอเพราะไม่อยากรู้สึกผิดหวังไปมากกว่าที่เป็นอยู่ นางถอดผ้าคลุมหน้าวางไว้บนโต๊ะกลางห้อง เปลี่ยนเทียนเล่มใหม่เพื่อให้ยังพอมีแสงสว่างสำหรับทำธุระส่วนตัว แต่หลังจากเปิดหีบเล็ก ๆ ที่วางอยู่ถัดจากเตียง นางก็อารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง

เสื้อผ้าในหีบล้วนเป็นชุดที่นางเคยใส่เมื่อสองปีก่อน

เสวียนหนิงอันคว้าผ้าผืนเล็กตรงไปยังห้องอาบน้ำ ก่อนค่อย ๆ ล้างเครื่องประทินโฉมและทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำเย็น โชคดีที่ช่วงนี้อากาศไม่หนาวมาก กอปรกับร่างกายของนางทนต่อความหนาวได้เป็นอย่างดี ต่างจากเมื่อครั้งยังเยาว์ที่ต้องปกปิดเนื้อหนังด้วยอาภรณ์หนานุ่มอยู่เสมอ

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เสวียนหนิงอันจึงเตรียมดับเทียนเพื่อเข้านอน ทว่าเสียงกุกกักด้านนอกกลับทำให้นางต้องรีบคว้าผ้าสีแดงมาคลุมศีรษะ พลางย้ายร่างไปนั่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว

นางลอบมองผ่านผ้าผืนบาง พบว่าผู้มาเยือนคือเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวสะอาดตา ปักลวดลายสีทองวิจิตรงดงาม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีราคา ทว่าเสวียนหนิงอันมิได้ยินดีกับความหรูหราเหล่านั้น นางผิดหวังที่เขาไม่สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดง

“เหตุใดจึงไม่พักผ่อน” น้ำเสียงเย็นชาทำเสวียนหนิงอันปวดใจยิ่งนัก

“รอท่านพี่เจ้าค่ะ”

“หึ! ใครอนุญาตให้เรียกข้าว่าท่านพี่!”

“เราสองคนแต่งงานกันแล้ว มิให้ข้าเรียกท่านพี่แล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร” เสวียนหนิงอันถามเสียงสั่นสะท้าน ทราบดีว่าการแต่งงานในครั้งนี้ช่างไร้เกียรติ ไม่มีสิ่งใดถูกต้อง ไม่มีการคำนับบิดามารดาหรือฟ้าดิน เรื่องคำนับกันและกันยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เพราะเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งกับนาง

เขาถูกบังคับให้แสดงความรับผิดชอบ