บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

บริษัท

เวลา 11 : 15 น.

แสงแดดที่ส่องลงกระทบผิวหนังแทบไหม้แต่กลับไม่ได้ทำให้หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งที่เดินลงมาจากรถแท็กซี่มีอาการหงุดหงิดแม้แต่น้อย เธอเดินตรงไปที่ตึกหนึ่งด้วรอยยิ้มสดใส ในมือของเธอถือปิ่นโตขนาดเล็กสีหวานและมีกล่องขนมที่เป็นของโปรดของสามี เธอคอยเอาใจใส่คนเป็นสามี ถึงแม้ว่าเขาจะเย็นชาและไม่เคยรักเธอเลยก็ตามแต่เธอก็ยังคอยทำให้เขาเสมอมาตลอดหนึ่งปีที่แต่งงานกัน เธอคือ ลิน มาลินี ส่วนสามีของเธอคือ ภีม ภีมวัตร เขาเป็นถึงประธานบริษัทตั้งแต่ยังเด็กจนตอนนี้เขาอายุ 30 ปี บริษัทของเขาเจริญเติบโตขึ้นทุกวันเพราะความเก่งของเขา

"สวัสดีค่ะ ลินมาขอพบพี่เหนือค่ะ" มาลินีเดินเข้ามาภายในตึกเธอเดินตรงไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ก่อนจะบอกพนักงานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ถึงเธอจะเป็นภรรยาของท่านประธาน เธอก็ไม่อาจขึ้นไปหาเขาโดยพละการ

"สวัสดีค่ะ คุณลินรอสักครู่นะคะ" พนักงานสาวก้มหัวให้หญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

"เชิญคุณลินขึ้นไปได้เลยค่ะ ดิฉันได้แจ้งกับเลขาส่วนตัวของท่านประธานเรียบร้อยแล้วค่ะ"

"ขอบคุณค่ะ" มาลินีเอ่ยขอบคุณพนักงานสาวก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ด้วยความตื่นเต้น

ติ้ง~

เสียงประตูลิฟต์เปิดออกหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินออกจากลิฟท์ ด้วยความประหม่า

"สวัสดีค่ะ พี่นนท์" มาลินียกมือไหว้เลขาส่วนตัวของเขาอย่างสุภาพ

"สวัสดีครับ คุณลิน" นนท์พยักหน้ารับไหว้ก่อนจะเอ่ยทักทายหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"เอ่อ...ลินขอเข้าไปหาเขาได้มั้ยคะ" มาลินีเอ่ยถามด้วยความเกรงใจและประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

"ได้ครับ ตอนนี้ท่านประธานไม่มีงานด่วนครับ" นนท์เอ่ยตอบหญิงสาวทันที เขาไม่ได้แจ้งท่านประธานเพราะคิดว่าไม่จำเป็นและอีกอย่างหญิงสาวตรงหน้าก็เป็นถึงภรรยาของเขา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"เชิญครับ" มาลินีที่ได้ยินชายหนุ่มตอบกลับมาจึงเปิดประตูทันที

"ปริมมาแล้วเหรอพี่กำลังหิวอยู่พอดีเลย" ชายหนุ่มพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร หญิงสาวหยุดชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคนเป็นสามีเรียกผู้หญิงที่เขารัก เขาไม่เคยรอเธอเลยสินะ

"มาทำไม" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าเป็นภรายาที่เขาไม่เคยให้ความสำคัญก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าความเย็นชาทันที

"เอ่อ...ลินทำอาหารกลางวันมาให้ค่ะ" มาลินีฝีนยิ้มเมื่อเห็นอาการไม่พอใจของสามีที่แสดงออกมา

"ใครสั่ง" ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

"เอ่อ...ไม่มีค่ะ" มาลินีส่ายหัวไปมาก่อนจะก้มหน้ามองปิ่นโตในมือด้วยความเสียใจ

"กลับไปซะแล้วก็ไม่ต้องเสนอหน้ามาที่นี้อีก" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง

"พี่เหนือ~" เสียงหวานของปริมดังขึ้นหลังจากที่เธอเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะ

ชายหนุ่มหันไปตามเสียงก่อนจะยิ้มออกด้วยความดีใจ หญิงสาวที่มองคนเป็นสามียิ้มหวานให้เธอคนนั้นด้วยความเจ็บปวด เธอไม่เคยได้รับรอยยิ้มและสายตาอ่อนโยนจากเขาเลยสักครั้ง

"อุ้ย...ปริมขอโทษค่ะคิดว่าพี่เหนืออยู่คนเดียว" ปริมแอบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าภรรยาของเขาก็อยู่ที่นี้

"ไม่เป็นไรครับ...เขาจะกลับแล้วไหนทำอะไรมาให้พี่บ้างเนี่ย" ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาปริมก่อนจะรั้งแขนเธอให้เดินไปนั่งที่โซฟาโดยไม่สนใจภรรยาที่ยืนอยู่ เขาทำเหมือนเธอเป็นธาตุอาการ

"ว้าว น่ากินจังเลยครับ...อร่อยเหมือนเดิมรึเปล่าครับ" หญิงสาวมองภาพนั้นด้วยความอิจฉา น้ำเสียงและท่าทางที่เขามีต่อผู้หญิงคนนั้นชั่งต่างกับเธิโดยสิ้นเชิง

หญิงสาวก้มมองปิ่นโตที่เธอตั้งใจทำมาให้เขาด้วยความเสียใจก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องทำงานเขาอย่างเงียบๆ เพราะต่อให้อยู่ต่อก็ไร้ตัวตนสำหรับเขาอยู่ดี

"พี่เหนือทำไมพี่ถึงไม่ทานของภรรยาของพี่ละค่ะ" ปริมหันไปมองหญิงสาวที่เดินออกจากห้องด้วยความสงสารเธอรู้ว่าเขาทั้งสองแต่งงานเพราะความต้องการของผู้ใหญ่และเธอมองออกว่าหญิงสาวมีใจให้ชายหนุ่มแต่ความเย็นชาที่ทิศเหนือมีต่อหญิงสาวก็พอจะดูออกว่าชายหนุ่มไม่มีใจให้หญิงสาวเลย

"ก็พี่ไม่อยากกินของเขาพี่อยากกินของปริมมากกว่า" ชายหนุ่มเอ่ยตอบกลับทันที

"จริงๆ แล้วปริมไม่ควรมาหาพี่เลย...พี่แต่งงานแล้วปริมไม่อยากถูกมองว่าเป็นมือที่สามของใคร" ปริมพูดขึ้นแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้ารู้สึกผิด

“ไม่มีใครแทนปริมได้… พี่ไม่สนว่าคนอื่นจะมองยังไง พี่แค่อยากให้ปริมอยู่ข้างพี่ก็พอ” ปริมเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจไหววูบอย่างห้ามไม่อยู่ คำพูดของเขาทำให้ความรู้สึกผิดที่มีเมื่อครู่จางหายไป เหลือเพียงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่เต็มอก เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่แววตาที่เขามองเธอ...มันยากเกินกว่าจะหันหลังกลับ

ด้านลิน

หญิงสาวก็เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธอยังไม่อยากกลับคอนโดที่เป็นเรือนหอของเธอและเขา เพราะแม้จะกลับไป…ก็มีแต่ความเงียบเหงาที่กรีดแทงใจ

หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวใต้ร่มไม้ ก่อนจะเปิดฝาปิ่นโตอย่างแผ่วเบา กลิ่นแกงจืดเต้าหู้หมูสับลอยออกมาอุ่น ๆ น้ำซุปใสที่เธอใช้เวลาต้มเกือบชั่วโมง พร้อมหมูสับที่ปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ…ทุกอย่างเธอทำด้วยความตั้งใจ เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยพูดติดปากว่า 'ชอบกินแกงจืดของแม่' เพียงแค่นึกถึง เธอก็เผลอยิ้มบางๆ แต่รอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงความขมในใจอาหารตรงหน้าไม่ได้ถูกทำขึ้นเพื่อเธอเอง แต่เพื่อคนที่ไม่เคยแม้แต่จะมอง

"หึ ตั้งใจทำมาให้เขาสุดท้ายก็ต้องมานั่งกินเอง" หญิงสาวพึมพำออกมาแผ่วเบาก่อนจะตักแกงจืดและข้าวเข้าปากอย่างเงียบๆ

ผ่านไปสักพักหญิงสาวก็ทานข้าวจนหมด เธอนั่งมองแม่น้ำที่ไหลผ่านไปเรื่อยเปื่อย

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นหญิงสาวหยิบออกมาจากกระเป๋าทันที

-คุณแม่-

"ฮัลโหลค่ะ คุณแม่" หญิงสาวรับสายคุณแม่ของสามีด้วยความตื่นเต้น

"หนูลินทำอะไรอยู่จ๊ะ" คุณวนิดาเอ่ยถามลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"ลินเพิ่งทานข้าวเสร็จค่ะ...คุณแม่สบายดีมั้ยคะ" หญิงสาวเอ่ยตอบแม่สามีด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเธอพยายามทำตัวให้สดใสแม่ในใจจะแตกสลาย

"แม่สบายดีจ๊ะลูก..วันนี้ช่วยพี่เขามากินข้าวที่บ้านได้มั้ยลูก"

"เอ่อ...ลินตอบไม่ได้นะคะ...ช่วงนี้พี่เหนือยุ่งๆ ด้วยค่ะ" หญิงสาวนิ่งอึ้งไปก่อนจะหาอ้างไป เธอไม่กล้าบอกเขาหรอก วันนี้เขาจะกลับมากินข้าวกับเธอรึเปล่ายังไม่รู้เลย

"หรอลูก...ไม่เป็นไรคอยมาตอนพี่เขาว่างก็แล้วกันนะ แม่วางแล้วน้า~"

"ค่ะ...คุณแม่" หญิงสาวถอดหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไป

คอนโด

เวลา 19 : 25 น.

ภายในห้องครัวที่มีกลิ่นอาหารลอยอบอวลไปทั่วห้อง หญิงสาวตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ว่าคนเป็นสามีไม่เคยได้ลิ้มรสมันเลยสักครั้งแต่เธอก็ยังหวังว่าเขาจะทานมันสักครั้ง เธอมองอาหารมากมายที่จัดเตรียมเสร็จสิ้นอยู่บนโต๊ะอาหารก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

“คืนนี้…ะี่จะกลับมากินสักคำไหมนะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ในใจเธอเจ็บหน่วงเมื่อคิดถึงบ่ายวันนี้ ภาพที่เขายิ้มให้ผู้หญิงอีกคนยังชัดเจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงลุกขึ้นมาทำอาหารไว้รอเขาเหมือนทุกวัน เหมือนคนโง่ที่ยังฝากความหวังไว้กับสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

เสียงนาฬิกาแขวนบนผนังดังติ๊กต่อก…แต่ละวินาทีเหมือนกรีดลึกลงกลางอก มาลินีนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่า เธอวางมือลงบนโต๊ะ จ้องมองถ้วยแกงจืดที่ยังมีควันกรุ่น น้ำตาเอ่อขึ้นคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบกะพริบตาถี่ ๆ ไม่ยอมให้มันไหลออกมา

“ขอให้สักวัน…พี่จะลองชิมฝีมือลินสักครั้ง” เสียงพร่ากระซิบเบาราวกับอ้อนวอนความเงียบ ห้องครัวที่สว่างไสวดูอบอุ่น แต่กลับหนาวเย็นจับใจ เพราะเก้าอี้อีกฝั่งยังคงไร้เงาของเขา…เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา

แกร๊ก

เวลา 22 : 35 น.

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงหญิงสาวก็ยังนั่งรอคนเป็นสามีอยู่ที่โต๊ะอาหารแต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูหญิงสาวรีบลุกขึ้นเดินไปหาเขาทันที

"พี่เหนือ..." หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อเขาแต่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเพราะเขาเดินผ่านหน้าเธอไปเหมือนเธอเป็นอากาศ หญิงสาวมองตามหลังเขาที่เดินหายเข้าไปภายในห้องนอนของเชาก่อนจะก้มหน้าลงพร้อมกับยิ้มสมเพชในตัวเอง

หญิงสาวเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารเธอมองอาหารพวกนั้นด้วยสายตาเศร้าหมองก่อนจะนั่งลงทานกินคนเดียวเงียบๆ แต่สายตาของเธอยังค่อยมองไปที่ประตูห้องนอนของเขาเพื่อหวังว่าเขาจะออกมาทานกับเธอแต่ก็ไม่เห็นเจ้าของห้องออกมาเลย

หญิงสาวนั่งทานไปสักพักก่อนจะลุกขึ้นหยิบจานไปล้างจานข้าวของเธอหมดไปแค่ครึ่งจานแต่เธอทานต่อไปไม่ไหวแล้วเพราะมันจุกมันปวดหนึบไปทั้งหัวใจ

"ฝันดีนะคะ" หลังจากเธอเก็บข้าวภายในห้องครัวเสร็จเธอหันหน้าไปมองประตูห้องเขาก่อนจะพึมพำออกมาแผ่วเบา เมื่อหญิงสาวพูดจบเธอหันหลังเดินไปยังห้องนอนของตัวเองที่มีขนาดเล็กกว่าของห้องนอนของชายหนุ่ม เธอและเขาแยกห้องนอนกันมาตั้งแต่แต่งงานกันมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel