บทที่ 1
ฉันมองดูสามีของฉันจากไปพร้อมกับอวี๋เสี่ยวเหยียนรักแรกของเขาต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูกประดังประเดเข้ามา
น้ำท่วมยังคงแผ่ขยายไปทั่วร่าง ฉันทำได้เพียงขยับแขนและเท้าต่อไปรอให้ปาฏิหาริย์มาถึง
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีขนาดนั้น
เวลาผ่านไปนานมากแล้ว ฉันรอสามีของฉันที่จะกลับมาช่วยไม่ไหวและฉันก็รอนักกู้ภัยคนอื่นๆ ไม่ไหวแล้วเช่นกัน
มือและเท้าของฉันค่อยๆ อ่อนแรงลงผสมอาการหดเกร็งเล็กน้อยของกล้ามเนื้อ
ฉันไม่มีแรงขยับแล้ว
ความสิ้นหวังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันมองดูคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามาข้างหน้าฉันและหลับตาลงอย่างสงบ
เพราะอะไรถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้นะ?
เช้าวันนี้จู่ๆ อวี๋เสี่ยวเหยียนก็โทรหาฉัน บอกว่าเธอต้องการปรับความสัมพันธ์กับฉันและกำจัดความเข้าใจผิดระหว่างเราทั้งสอง เธอจึงตั้งใจชวนฉันไปล่องแก่ง
ฉันรับปากเธอ
เพียงแต่ไม่คิดว่าจะโชคร้ายขนาดที่ต้องเจออุทกภัยกระทันหัน
ตอนแรกฉันไม่ได้ตื่นตระหนก
เพราะเฉินอี้หรานเป็นหัวหน้านักกู้ภัย
หลังจากที่เขารู้ว่าฉันเจอปัญหา เขาจะต้องรีบมายังที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุดแน่นอน
แต่สิ่งที่ฉันคิดไม่ถึงก็คือเฉินอี้หรานมาก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะฉัน
“แพนี่บรรทุกคนได้เพียงสองคน ไม่อย่างนั้นจะไม่ปลอดภัย”
“คุณลงไปก่อน”
เฉินอี้หรานมองมาที่ฉันอย่างเฉยเมยราวกับว่าเขากำลังมองสิ่งของ
“คุณว่าอะไรนะ?”
ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลย
อันที่จริงสองสามวันมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินอี้หรานและฉันไม่ลงรอยกันเท่าไหร่นัก
เรียกได้ว่าติดจะเย็นชาด้วยซ้ำ
และตัวการก็คือยายคนรักเก่านั่น อวี๋เสี่ยวเหยียน
ในวันครบรอบแต่งงานของเรา อวี๋เสี่ยวเหยียนเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดไตเฉียบพลัน เฉินอี้หราน
พาเธอไปโรงพยาบาลโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ในวันที่ฉันตรวจสุขภาพก่อนคลอด โรคซึมเศร้าของอวี๋เสี่ยวเหยียนกำเริบอย่างปัจจุบันทันด่วน เฉินอี้หรานทิ้งฉันไว้ตามลำพังและอยู่ปลอบเธอตลอดทั้งวันและไม่ได้กลับมาจนจะเช้าตรู่
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อไหร่ที่เกี่ยวกับฉัน อวี๋เสี่ยวเหยียนก็มักจะบังเอิญป่วยอยู่เสมอ เฉินอี้หรานก็จะเชื่อและมักจะทิ้งฉันไว้ตามลำพัง
ด้วยเหตุนี้เขาและฉันทะเลาะกันครั้งใหญ่ และยังคงอยู่ในสงครามเย็นจนถึงทุกวันนี้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ฉันก็ยังเชื่อว่าเฉินอี้หรานจะเลือกช่วยฉัน
เพราะในท้องของฉันยังมีลูกของเราซึ่งอายุได้เจ็ดเดือนแล้ว
“ฉันบอกให้ลงไป ไม่ได้ยินเหรอ?”
“ถ้าคุณไม่ท้องก็คงดีหน่อย แต่ถ้าตอนนี้ฉันพาคุณไปด้วย แพลำนี้ล่มแน่”
ฉันลังเลไม่อยากลงไป แต่เฉินอี้หรานก็ถีบฉันออกไป
ด้วยความตื่นตระหนก ฉันจึงคว้าแขนเสื้อของเฉินอี้หรานไว้แน่นและขืนร่างท่อนบนไว้
“อี้หราน ฉันว่ายน้ำไม่เป็นและฉันก็ท้องลูกอยู่ ฉันลงไปไม่ได้ ฉัน...”
“อย่าเห็นแก่ตัวนักสิ ฉันรู้ว่าเธอว่ายน้ำได้”
เฉินอี้หรานมองมาที่ฉันด้วยสายตาตำหนิ
“บอกแล้วไงว่าจะกลับมาช่วย คุณเลิกโวยวายไร้สาระซะทีได้มั้ย?”
“เสี่ยวเหยียนไม่เหมือนคุณ เธอร่างกายอ่อนแอและว่ายน้ำไม่เป็น คุณแข็งแกร่งราวกับวัว!”
“ถ้าเราไม่ช่วยเธอก่อน เธอจะตาย”
แต่ฉันก็จะตายเหมือนกันนะ
ฉันมองดูเฉินอี้หรานงัดนิ้วของฉันออกทีละนิ้วทั้งยังได้ยินเสียงกระดูกหักอย่างคมชัด
นิ้วของฉันถูกเขาหัก
ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้ฉันปล่อยมือและตกลงไปในน้ำ
“ดูสิ นี่ไม่ได้ว่ายน้ำเป็นเหรอ?”
“เมื่อกี้ฉันเกือบจะเชื่อสิ่งที่คุณแกล้งทำแล้ว”
เมื่อเห็นฉันตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำสุดกำลัง เขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา
“ตอนเธอกับแม่ไปเที่ยว ตกน้ำไปแล้วก็ว่ายน้ำกลับมาขึ้นฝั่งคนเดียวได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนั้นทำไม ตอนนี้ก็ต้องทำได้”
“นึกแล้วก็น่าโมโห เสียแรงจริงๆ ที่แม่รักคุณมากขนาดนั้น”
ร่างกายของฉันกำลังสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาแห่งความสิ้นหวังก็ไหลออกมาหยดลงสู่น้ำท่วมที่อยู่เบื้องล่างของฉัน
“คุณยังทำตัวน่าสงสารเก่งเหมือนเดิม”
เฉินอี้หรานมองมาที่ฉันด้วยความรังเกียจ
“เลิกแสดงละครได้แล้ว ทำดีเพื่อลูกของคุณหน่อยเถอะ คุณยังทำร้ายเสี่ยวเหยียนไม่พออีกเหรอ? ตอนนี้ยังต้องการจะเอาชีวิตเธออีก!”
“ใจสกปรกจริงๆ”
ฉันทำร้ายเสี่ยวเหยียนเมื่อไหร่กัน?
ฉันอยากจะถามแต่ก็ถามไม่ได้
น้ำท่วมยังท่วมปากฉันอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่ฉันอ้าปากจะต้องดื่มน้ำสกปรกเข้าเต็มปาก
ฉันมองดูเงาร่างของเฉินอี้หรานที่หันหลังกลับและจากไปพร้อมกับอวี๋เสี่ยวเหยียน หัวใจของฉันปวดร้าวเกินทน
ฉันกับเฉินอี้หรานรู้จักกันจากการดูตัวและแต่งงานกันเพราะเรื่องอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ทำให้เขารู้สึกแย่กับฉัน
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ฉันสวมบทบาทเป็นภรรยาที่ดีอย่างจริงจัง ทำให้เพื่อนและญาติของเฉินอี้หรานเปลี่ยนทัศนคติที่เคยมีต่อฉัน
มีเพียงเฉินอี้หรานเท่านั้นที่เย็นชากับฉันมาโดยตลอด
ห้าปีมาแล้วฉันก็ยังไม่สามารถละลายกำแพงน้ำแข็งของเขาได้ ตอนนี้ก็ผลักฉันลงจากแพช่วยชีวิตที่มีเพียงลำเดียวเพราะอวี๋เสี่ยวเหยียน
เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองฉันเพื่อให้แน่ใจว่าฉันปลอดภัย
เมื่อฉันจมลงสู่พื้นน้ำ ดวงตาของฉันว่างเปล่า
หลายปีที่ผ่านมา ฉันเหนื่อยมากจริงๆ
น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้ว เฉินอี้หรานก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วฉันว่ายน้ำไม่เป็น
