7 หนุ่มห้องตรงข้าม
"โอเค เรียบร้อยครับ เลิกกองได้"
เสียงหัวหน้าช่างภาพดังขึ้นเมื่อได้ภาพสุดท้ายที่พึงพอใจ จากที่พี่แจมบอกว่าใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง ดันกลายเป็นสามชั่วโมงไปเสียได้ เพราะรูปเดี่ยวของฉันคนเดียวก็ต้องถ่ายแก้ไปเกือบชั่วโมงจนฉันรู้สึกสงสารตากล้องขึ้นมาทีเดียว
ไว้ฉันจะไปฝึกมาใหม่นะ T_T
"ไม่ค่อยมีสมาธิเหรอเรา? ทำไมวันนี้โพสต์ท่าไม่ค่อยดีเลย"
พี่แจมถามเมื่อฉันกำลังเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันหันมายิ้มเจื่อนๆให้
"ก็...ประมาณนั้นค่ะ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะ"
"ไม่เป็นไรๆ พี่ห่วงกลัวว่าน้องหน่าจะไม่โอเคน่ะ" พี่แจมบอก "ไม่ได้เกี่ยวกับการแต่งงานใช่รึเปล่าจ๊ะ?"
พี่แจมถามต่อ ฉันหันไปมองอย่างงงๆ
"เกี่ยวอะไรกับการแต่งงานเหรอคะ?"
"ก็ตอนแรกน้องหน่าบอกพี่ว่าหลังแต่งงานจะงดรับงานเดือนนึงเพราะจะไปฮันนีมูนกับคุณฮันเตอร์ แต่อยู่ๆหลังแต่งได้แค่วันเดียวก็ไลน์มาบอกพี่ว่าจะรับทุกงานเหมือนเดิมแล้ว พี่ก็เป็นห่วงว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่าน่ะจ้ะ"
พี่แจมบอก
นี่ฉันคนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงจะงดรับงานเดือนนึงน่ะ? รายได้หายไปเป็นล้านเลยนะ ยัยน้อยหน่า ยัยบ้าเอ๊ย!
"อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่แจม คุณฮันเตอร์เขางานยุ่งก็เลยจะไม่ไปฮันนีมูนกันแล้ว หน่าก็จะขอรับงานปกติเลย มากกว่าปกติก็ได้นะคะ วันละสามสี่งานติดกันทุกวันเลยก็ได้ค่ะ"
"โอ้โห ขนาดนั้นเลยเหรอ? ร้อนเงินเหรอเรา"
พี่แจมแกล้งแซวพลางหัวเราะ อยากตอบใจจะขาดว่าเดาถูกแล้วค่ะพี่ ฉันร้อนเงินมาก และถ้าพี่รู้ว่าฉันร้อนเงินจำนวนสามร้อยล้านก็อาจจะหางานมาให้ฉันวันละแปดงานเลยก็ได้
"แล้วเดี๋ยวน้องหน่าจะกลับที่ไหนล่ะจ๊ะ? บ้านคุณฮันเตอร์หรือว่าคอนโด?"
คำว่าคอนโดของพี่แจมทำเอาฉันหูผึ่ง ใช่สิ ฉันยังไม่เคยเห็นที่อยู่ของตัวเองในโลกนี้เลยนี่นา อยากเห็นจังว่าดาราตัวท็อปแบบฉันนี่จะอยู่ยังไง
"คอนโดค่ะ พี่แจมไปส่งหน่าหน่อยได้มั้ย?"
ฉันรีบบอกทันที พี่แจมพยักหน้า
"ได้สิจ๊ะ"
"งั้นเดี๋ยวหน่าไปเปลี่ยนชุดแป๊บนึง แล้วเราไปกันเลยนะคะ"
ฉันบอกก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องแต่งตัวไปเปลี่ยนชุดแล้วรีบออกมาเก็บของทันที อยากเห็นคอนโดตัวเองใจจะขาดแล้ว ><
.
.
.
"นี่พี่เพิ่งให้คนเข้ามาทำความสะอาดเมื่อวานเอง ห้องก็เลยไม่ค่อยรกแล้วล่ะ"
พี่แจมบอกขณะเปิดประตูห้องที่คอนโดให้ฉันเข้าไป เป็นคอนโดขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่พี่แจมบอกว่าดาราหลายคนก็มาซื้ออยู่กันเพราะระบบความปลอดภัยดีและค่อนข้างเป็นส่วนตัว ภายในห้องตกแต่งโทนสีครีมสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ที่ผนังห้องนั่งเล่นมีรูปฉันถ่ายแบบรูปใหญ่ติดผนังอยู่
เห็นรูปตัวเองเท่าฝาบ้านแบบนี้แล้วก็ไม่ชินเลยแฮะ -_-
ฉันเดินสำรวจห้องต่างๆอย่างสนใจ ทั้งห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำ จนมาถึงห้องแต่งตัวที่พบว่าเสื้อผ้าบางส่วนหายไป ก็คงเป็นเพราะว่าเก็บเอาไปไว้ที่ห้องของฮันเตอร์นั่นแหละ
คอนโดนี่ต่างจากบ้านจริงๆของฉันอย่างสิ้นเชิง บ้านฉันเป็นบ้านหลังเล็กๆชั้นเดียว ห้องนอนก็มีแต่ตุ๊กตาเต็มไปหมด เสื้อผ้าสวยๆแพงๆก็ไม่ค่อยจะมีกับเขาหรอกเพราะฉันไม่ชอบแต่งตัวเท่าไหร่นักจนโดนยัยเนมว่าอยู่บ่อยๆว่าเป็นคนสวยที่ชอบทำตัวไม่สวย -*- ยิ่งของแบรนด์เนมยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ตลาดนัดเท่านั้นที่ฉันคู่ควร
"น้องหน่าจ๊ะ พอดีที่บ้านพี่โทรมาให้รีบกลับด่วนน่ะ น้องหน่ามีอะไรจะให้พี่ช่วยอีกมั้ย?"
พี่แจมเดินมาถาม ฉันรีบส่ายหน้าทันที
"ไม่มีแล้วค่ะพี่แจม เอ้อ รถหน่าจอดอยู่ชั้นไหนนะคะ?"
ฉันถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจำเป็นต้องใช้รถ
"ชั้นสี่จ้ะ กุญแจรถวางอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม" พี่แจมบอก "งั้นพี่ไปก่อนล่ะ มีอะไรก็โทรหรือไลน์มาได้เลยนะจ๊ะ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่แจม"
ฉันบอกก่อนที่พี่แจมจะเดินออกไป เอาล่ะ...ฉันไปดูรถตัวเองซะหน่อยดีกว่า
ฉันอาบน้ำล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถที่ห้องนั่งเล่น โอ้โห รถยุโรปซะด้วย แค่กุญแจก็หรูแล้ว ราคาน่าจะแพงมากเชียวล่ะ
ส่วนฉันในอีกโลกนึงน่ะเหรอ...ขับรถคันเดิมมาสิบปี ซ่อมแล้วซ่อมอีก ยังไม่มีปัญญาเปลี่ยนใหม่เลยจ้า
ฉันเปิดประตูห้องออกไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ห้องตรงข้ามเปิดประตูออกมา เขามองหน้าฉันแล้วยิ้มกว้าง
"เจอกันอีกแล้วนะครับ"
"อ้าว พี่คินน์" ฉันทักพลางยิ้มกลับ "อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?"
ฉันถาม พี่คินน์มองหน้าฉันพลางขมวดคิ้ว
"พี่อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วนะ น้องน้อยหน่าจำไม่ได้เหรอ?"
เขาถามทำเอาฉันชะงัก ก่อนจะยิ้มตอบแห้งๆ
"หน่านึกว่าพี่คินน์ย้ายไปที่อื่นแล้วน่ะค่ะ พักหลังไม่ค่อยเจอเลย"
ฉันแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ แต่ก็ดูจะได้ผล พี่คินน์พยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
"แล้วนี่น้องหน่าจะไปไหนครับ?"
"ว่าจะออกไปทานข้าวน่ะค่ะ พี่คินน์ล่ะคะ?"
"พอดีเลยครับ พี่ก็จะไปทานข้าวเหมือนกัน งั้นไปด้วยกันมั้ย? เมื่อกี๊ที่ตึกตอนถ่ายแบบก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย"
เขาชวน อืม...ก็ไม่เลวนะ บางทีการได้คุยกับพี่คินน์อาจจะทำให้ฉันรู้เรื่องราวของวงการมายาในโลกนี้ รวมถึงตัวของฉันและอันนามากขึ้นก็ได้
"ก็ได้ค่ะ"
ฉันตอบรับก่อนที่จะเดินตามพี่คินน์ไป
พี่คินน์พาฉันมาทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก เห็นเขาบอกว่าร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนเขา คนที่มาส่วนมากก็จะเป็นพวกดารา ไฮโซ คนมีระดับเพราะราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ร้านแพงๆแบบนี้ก็มีข้อดีตรงที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่ค่อยมีใครมาแอบถ่ายรูปไปลงเพจซุบซิบดาราอะไรเท่าไหร่นัก
"แบบนี้พี่คินน์ก็กินข้าวผัดกะเพราข้างทางไม่ได้เลยใช่มั้ยคะเนี่ย?"
ฉันถามเมื่อเราสองคนสั่งอาหารเสร็จ เห็นเมนูผัดกะเพราหมูจานละสามร้อยบาทแล้วแทบจะเป็นลม
"ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?"
พี่คินน์ถามกลั้วหัวเราะ
"ก็แบบนั้นมันไม่ส่วนตัวรึเปล่า? อาจจะมีแฟนคลับแอบถ่ายหรือขอถ่ายรูปก็ได้ไงคะ"
"อืมม...จริงๆปกติพี่ไม่ซีเรียสเรื่องถ่ายรูปกับแฟนคลับนะ แต่บางทีเราก็อาจจะต้องบอกเขาว่าขอทานข้าวแป๊บนึงเดี๋ยวมาถ่ายด้วย อะไรแบบนี้น่ะครับ"
"งั้นเราไปกินแบบนั้นกันก็ได้นะคะ ร้านนี้ราคาแรงเกินอ่ะ"
ฉันบอกอย่างเกรงใจ
"ถ้าเรามาทานด้วยกันแบบนี้ ก็ต้องร้านนี้แหละถูกแล้วครับ เพราะถ้าพี่พาน้องน้อยหน่าไปร้านข้างทางแล้วมีคนแอบถ่ายไปลงเพจกอสซิปก็จะเป็นข่าวต้องมาคอยแก้กันวุ่นวายอีก แล้วยิ่งน้องน้อยหน่าเพิ่งแต่งงานแบบนี้มันจะยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่"
พี่คินน์อธิบาย
เออ ก็จริงของเขาแฮะ
"จริงสิ พูดถึงเรื่องแต่งงาน พี่ยินดีด้วยนะครับ"
พี่คินน์บอก ฉันยิ้มรับบางๆ
"ขอบคุณนะคะ"
ฉันตอบตามมารยาท ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้รู้สึกเหมือนตัวเองแต่งงานแล้วสักนิด งานแต่งก็ไม่ได้ไป แหวนก็ไม่มีใส่ แถมผัว - - เอ๊ย กับอีตาสามีก็ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างนอน ไม่ได้มีอะไรเหมือนคนแต่งงานเลยแม้แต่น้อย
"มันไม่ได้เป็นเหมือนที่ในทวิตเขาลือกันใช่มั้ย?"
พี่คินน์ถามต่อจนฉันทำหน้างง
"ในทวิตลืออะไรเหรอคะ?"
"ก็ที่ว่าน้องน้อยหน่า...เอ่อ - - ที่รีบแต่งงานก็เพราะ..."
พี่คินน์พูดอย่างกระอักกระอ่วน อ๋อ ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นเรื่องที่ยัยมีนาเคยบอกแน่ๆเลย
"ท้องก่อนแต่ง...ใช่มั้ยคะ?"
ฉันต่อประโยคให้ พี่คินน์พยักหน้าพลางยิ้มแห้งๆ
"ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าท้องเลยสักนิดค่ะ ถ้าจะท้องตอนนี้หน่ามีท้องเดียวคือท้องผูกค่ะ"
ฉันบอกก่อนที่เราสองคนจะหัวเราะกัน พี่คินน์มองหน้าฉันแล้วยิ้ม
"พี่ก็ว่าแล้วว่าระดับน้องน้อยหน่าคงปล่อยให้ตัวเองพลาดท่าเป็นข่าวแบบนั้นได้แน่ๆ แต่แต่งงานสายฟ้าแล่บแบบนั้นมันก็น่าคิดเหมือนกันนะครับ"
เขาบอก ทำเอาฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"มันไวมากเลยเหรอคะ?"
"ก็ไม่เชิงว่าไวหรอกนะครับ แต่น้องน้อยหน่ากับคุณฮันเตอร์ไม่เคยมีข่าวคบกันมาก่อนเลย แล้วจู่ๆก็ประกาศแต่งงานทันที คนเขาก็เลยตกใจกันน่ะ ขนาดอันนากับคุณแทนไทประกาศแต่งล่วงหน้าเป็นเดือนคนยังฮือฮากันเลย แต่คู่น้องน้อยหน่ากับคุณฮันเตอร์ก็มาตัดหน้าข่าวเขาไปซะงั้น"
คำพูดของพี่คินน์ทำให้ฉันคิดตาม
ประกาศแต่งงานทันทีเลยเหรอ แถมยังแต่งตัดหน้าอันนากับแทนไทซะด้วย? ถ้าเป็นแค่เรื่องใช้หนี้ก็ไม่เห็นเขาจะต้องรีบร้อนประกาศแต่งงานขนาดนั้นเลยนี่นา
...หรือว่ามันจะมีอะไรมากกว่านั้น?
.
.
.
หลังจากทานข้าวกับพี่คินน์เสร็จ เขาก็มาส่งฉันที่คอนโด ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องพิเศษอะไรมากมายเพราะเขากับฉันอยู่คอนโดเดียวกันแถมยังห้องตรงข้ามกันอีก การได้พูดคุยกับพี่คินน์ทำให้ฉันได้รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทการเป็นนางเอกซุปฯตาร์ของโลกที่ฉันกำลังอยู่นี้มากขึ้นอย่างที่คิดจริงๆ
ฉันคือนางเอกของช่องเท็นที่โด่งดังเป็นพลุแตกจากผลงานเรื่อง 'คืนนั้น...ฉันฝันถึงเธอ' ที่เป็นละครเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ย้อนเวลาไปในชาติภพที่แล้วของตัวเองเพื่อไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด และได้มีความรักที่สมหวังกับพระเอก เป็นละครแนวคอมเมดี้-พีเรียดที่เรตติ้งถล่มทลายแซงทุกช่อง ถ้าวันไหนละครของฉันออกอากาศถนนจะโล่งเป็นพิเศษเพราะทุกคนรีบกลับบ้านเพื่อดูละครเรื่องนี้แบบสดๆเพราะกลัวจะโดยสปอยล์ หลังจากนั้นฉันก็มีงานพรีเซนเตอร์ งานถ่ายแบบ และงานโฆษณาอื่นๆติดต่อเข้ามาแบบรัวๆ ทำให้ฉันได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอกตัวท็อปของช่องตีคู่มากับอันนาที่โด่งดังมาก่อนอยู่แล้ว เผลอๆอาจจะแซงด้วยซ้ำเพราะพี่คินน์บอกว่ามีช่วงหนึ่งที่อันนาหายไปจากการรับงานในวงการ สงสัยอาจจะเป็นเพราะตอนที่ฉันแต่งนิยายให้อันนาโดนแทนไทจับตัวไปเพราะความเข้าใจผิดนั่นสินะ
ส่วนเรื่องนิสัยส่วนตัวของฉันน่ะเหรอ...ด้วยความที่พี่คินน์เป็นผู้ชาย เขาก็อาจจะไม่กล้าพูดกับฉันตรงๆเพราะกลัวว่าจะเสียความรู้สึก แต่ก็พอจะจับประเด็นได้ว่าฉันค่อนข้างจู้จี้จุกจิกกับทีมงานและเอาแต่ใจพอสมควร ยิ่งพอได้มาเป็นนางเอกตัวท็อปของช่องแล้วยิ่งวีนเก่งเข้าไปใหญ่ ทำให้ทีมงานรวมไปถึงดาราหลายคนกลัวที่จะร่วมงานด้วย
อยากจะเอามือเขกกะโหลกตัวเองเวอร์ชั่นเก่าจริงๆให้ตายสิ!
"ขอบคุณมากนะคะพี่คินน์"
ฉันบอกเมื่อเราสองคนเดินมาถึงหน้าห้อง อยากจะขอบคุณเขาทั้งเรื่องที่เลี้ยงข้าวฉันในวันนี้ และข้อมูลต่างๆที่ฉันได้รู้เพิ่มจากเขาเยอะแยะเลยทีเดียว
"ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อยเอง" เขายิ้มตอบ "ถ้ามีอะไร...น้องหน่าก็มาเคาะห้องเรียกพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะครับ หรือไลน์มาก็ได้ มีไลน์พี่ใช่มั้ย?"
พี่คินน์ถาม ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
"เอ่อ ไม่แน่ใจอ่ะค่ะ เดี๋ยวหน่าขอเช็คแป๊บนะ"
ฉันบอกพลางเลื่อนนิ้วดูรายชื่อเพื่อนในไลน์ว่ามีชื่อพี่คินน์หรือเปล่า แต่จู่ๆก็ถูกเขาคว้าโทรศัพท์ไปจากมือ
"ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวพี่แอดไลน์น้องหน่าไปเลยแล้วกัน"
เขาพูดพลางจัดการสแกนคิวอาร์โค้ดแอดไลน์ฉันแล้วส่งสติ๊กเกอร์มาให้เองเสร็จสรรพก่อนจะยื่นมือถือคืนมาให้
"เรามีไลน์กันแล้วเนอะ" เขายิ้มพลางชูโทรศัพท์ขึ้นมา "มีอะไรก็ทักพี่มาเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ"
เขาบอก ฉันได้แต่ยิ้มรับแล้วพยักหน้า
"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
ฉันบอกขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูห้องเข้ามา ตั้งใจว่าคืนนี้จะนอนคอนโดตัวเองนี่แหละเพราะขี้เกียจขับรถไปห้องฮันเตอร์แล้ว อีกอย่าง...ห้องเขาอยู่ที่ไหนฉันก็จำทางไม่ได้ จะให้โทรหรือไลน์ไปถามก็ไม่มีเบอร์
อ่ะ งงมั้ยล่ะ? แต่งงานกันแต่ไม่มีแม้กระทั่งเบอร์โทรหรือไลน์ไว้ติดต่อกัน งงมั้ย? ฉันก็งง -*- แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันกับเขาไม่ได้จำป็นต้องติดต่อพูดคุยกันอยู่แล้ว ไว้วันไหนเจอกันก็ค่อยถามโลเคชั่นห้องเขาแล้วเซฟไว้ในแอพพลิเคชั่นแผนที่ในโทรศัพท์อีกทีก็ได้
"กรี๊ดดดด!!!"
ฉันร้องเสียงดังอย่างตกใจเมื่อเปิดไฟในห้องแล้วพบร่างสูงโปร่งในชุดสูทนั่งไขว้ห้างอยู่ที่โซฟา น - - นี่มัน...
"ฮันเตอร์!"
