บทที่6
“งานง่ายๆ ก็แค่สวมบทเป็นแฟนกำมะลอให้กับผู้ชายคนนึงที่ไม่อยากถูกย่าของเขาจับแต่งงานเท่านั้นเองแก” ปลายตะวันจำต้องยอมบอกออกไปตามความจริงก่อนจะลอบยิ้มให้กับท่าทีตกใจอย่างหนักของเพื่อนรักเมื่อได้เห็นปันตาเบิกตาโพลงขึ้น
“ว่าไงนะ!! นี่แกจะบ้ารึไงตะวัน! แล้วผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใคร แล้วแกไปรู้จักเขาได้ยังไง นี่ฉันพลาดอะไรไปเนี่ย แค่ไปสัมนาแค่สองอาทิตย์มีอะไรเกิดขึ้นบ้างเล่ามาเดี๋ยวนี้นะยะ!!” ปันตากำชับเสียงแข็งก่อนจัองมองเพื่อนรักอย่างคาดคั้น แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้แต่อย่างไรในความเป็นเพื่อนก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ปลายตะวันไม่มีใคร เธอตัวคนเดียวตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อแม่แยกทางกัน จะมีก็แต่คุณยายที่เพิ่งจะเสียไปเมื่อหลายปีก่อนที่เป็นคนเลี้ยงดูเธอมา จนเมื่อท่านเสียเพื่อนรักของเธอก็ไม่เหลือใครอีกเลยนอกจากเธอที่คอยเป็นทั้งเพื่อนและไหล่ให้ซบยามเหนื่อยล้า
“เรื่องมันยาวนะแก…”
“แต่ฉันมีเวลาฟังแกทั้งคืน รีบๆ เล่ามาเดี๋ยวนี้ตะวัน!” เมื่อเจอเข้ากับสายตาเอาเรื่องของเพื่อนเข้าปลายตะวันจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับปันตาได้ฟัง อาจจะมีข้ามไปบ้างในช่วงที่ไม่เหมาะสมจะเล่าแต่เธอก็เล่าเกือบๆ จะทั้งหมดออกมา
“แกไว้ใจเขาได้แน่เหรอตะวัน นี่ถึงขั้นต้องย้ายไปอยู่ที่คอนโดเขาแบบนี้ถ้าเกิดไอ้หมอนั่นมันจับแกปล้ำขึ้นมาจะทำยังไง!”
“คุณธามเขาเป็นสุภาพนะแก อีกอย่างเขาก็มีคนรักอยู่แล้วแต่ว่าตอนนี้เธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาก็เลยจ้างให้ฉันรับบทนี้แทนแฟนตัวจริงของเขาไปก่อน แค่เดือนเดียวเองปัน อีกอย่างแกคิดเหรอว่าเพื่อนแกคนนี้จะปล่อยให้ใครมาข่มขืนเอาได้ง่ายๆ”
“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เป็นห่วงแกอยู่ดีนั่นแหละ แต่แกรับเงินก้อนแรกเขามาแล้วนี่เนอะ ถ้างั้นแกก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะตะวัน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแกต้องรีบโทรบอกฉันเป็นคนแรกเลยรู้ไหม!” ปันตากำชับเสียงแข็งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“จ้าเพื่อนรัก รับรองว่าถ้ามีอะไรฉันจะบอกแกคนแรกเลย” ทั้งสองยิ้มให้กำลังใจกันและกันก่อนปันตาจะเอ่ยปากช่วยเพื่อนออกไปหาอะไรทานกันเหมือนอย่างทุกที หญิงสาวที่กำลังมีความสุขอยู่นั้นไม่ได้รับรู้เลยว่าการหายไปของเธอนั้นกำลังสร้างความวุ่นวายให้กับใครอีกคนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
อีกด้านหนึ่ง
“ว่าไงนะครับคุณแม่! ปันตายังกลับไปไม่ถึงบ้าน! เป็นไปไม่ได้ครับ ก็ผมก็เพิ่งจะ…” ไล่เธอลงไปจากรถกลางทางที่เต็มไปด้วยหญ้ารกชันและนานๆ ครั้งจะมีรถผ่านไปสักคัน เท่านั้นเอง กิตติต่อเติมประโยคที่เหลือแต่ภายในใจเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าเขาทำอะไรลงไปก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยหัวตัวเองเบาๆ ในขณะที่ฟังผู้เป็นแม่ตวาดใส่กันในโทรศัพท์เหมือนจะรู้ว่าเขาไม่ได้ส่งปันตาถึงหน้าบ้านตามที่ท่านได้กำชับสั่งกันเอาไว้ในตอนแรก
“ครับ ผมจะตามหาเธอเอง คุณแม่บอกคุณลุงนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเจอแล้วผมจะรีบติดต่อไปครับ” ชายหนุ่มย้ำก่อนจะรีบกดวางสายไปไม่รอให้อีกคนได้ด่าอะไรออกมาอีก
“เกิดอะไรขึ้นวะ หน้าเครียดเชียว” ธาม เพื่อนสนิทของเขาเอ่ยถามขึ้นก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากราวกับมันคือน้ำเปล่า เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะเขารีบจะไปหาแฟนสาวแต่ครั้นพอจะถึงคอนโดของเธอรุจิรากลับโทรมาบอกว่ามีงานด่วนต้องรีบไปจึงทำให้เขาไปเก้อเลยต้องโทรเรียกเอาเพื่อสนิทให้ออกมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนกัน
“ที่บ้านฉันมีเรื่องนิดหน่อยวะ แกดื่มไปคนเดียวล่ะก็ ฉันต้องรีบไป” กิตติบอกเพื่อนรักก่อนจะเดินออกมาจากผับท่ามกลางเสียงร้องโวยวายเบาๆ ของเพื่อนที่หัวเสียไม่น้อยเมื่อถูกทิ้งเข้าให้
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาอธิบายอะไรทั้งนั้นเพราะต้องตามหายัยตัวแสบที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน หรือเป็นตายร้ายดีอย่างไรให้เจอเสียก่อน ชายหนุ่มเริ่มต้นจากจุดเดิมที่เขาทิ้งปันตาเอาไว้แต่เมื่อขับวนดูหลายๆ รอบก็ไม่พบอะไรผิดปกติเลยสักอย่างเดียว
ครั้นพอโทรเข้าเครื่องของเธอก็ดันปิดเครื่องไปซะได้ นั่นเลยยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงจนแทบจะคุมสติของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่!
“ยัยบ้าเอ้ย! หายไปไหนของเธอกันแน่นะปันตา” ชายหนุ่มตะโกนลั่นรถอย่างคนไม่คิดไม่ตกเพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องไปตามหาปันตาที่ไหน ด้วยความไม่รู้เขาจึงตัดสินใจขับรถไปยังบ้านของเธอพร้อมๆ กับความรู้สึกเป็นห่วงที่หวาดกลัวว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นอันตรายไป ถ้าหากมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ ที่ใจร้ายทิ้งเธอเอาไว้กลางทางแบบนั้น เขานี่มัน…
“เป็นยังไงบ้างตากิต! เจอน้องไหม!!” คุณหญิงทิพย์โสภาเอ่ยถามทันทีที่พบหน้า เพราะความเป็นห่วงว่าที่สะใภ้จึงทำให้เธอตัดสินใจสั่งให้คนรถพามาที่บ้านของคุณอนันเพื่อรอฟังผล
“ไม่เจอเลยครับคุณแม่ แล้วนี่…ปันตาเขาไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนเลยเหรอครับคุณลุง เผื่อว่าเธอจะแวะไปหาเพื่อน…”
“ก็พอมีอยู่คนนะ แต่ลุงไม่เคยขอเบอร์หนูตะวันเอาไว้ด้วยสิเพราะปกติแล้วยัยปันไม่ค่อยจะหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวกันแบบนี้มาก่อน ว่าแต่เราเถอะ ทำไมถึงได้ทิ้งน้องเอาไว้แบบนั้น” อนันเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง รู้สึกเสียใจไปไม่น้อยที่กิตติกล้าทิ้งปันตาเอาไว้ตามลำพังในสถานที่แบบนั้น นี่หากเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับลูกสาวของเขาเข้าจริงๆ ใครคนไหนเลยจะรับผิดชอบชีวิตของปันตาที่น่าสงสาร
“ผมขอโทษครับคุณลุง” เขาคงเอ่ยได้เพียงเท่านั้นจริงๆ กิตติคิดในใจก่อนทั้งหมดจะรีบพากันหันไปยังประตูรั้วขนาดใหญ่ของบ้านที่มีแสงไฟจากรถแท็กซี่คันหนึ่งงกำลังแล่นเข้ามาภายใน
