2. จำไม่ได้
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
ไป่ชวนกลับมาแล้วพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ที่นำติดมามากกว่าปกติ เพราะไม่อาจพานางลงเขาได้ในยามนี้ หญิงสาวบาดเจ็บจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ จำต้องรอให้แผลสมานกันก่อน
เจ้าตงตงเห็นผู้เป็นนายกลับมาก็รีบรายงานด้วยการวิ่งกระดิกหางส่งเสียงครางหงิง ๆ เพื่อไม่ให้เสียงของตนดังรบกวนคนเจ็บ ก่อนจะวิ่งไปคาบขวดยาว่างเปล่ามาส่งให้ ไป่ชวนจึงยกมือลูบหัวมันอย่างเอ็นดู “เก่งมากเจ้าลูกรัก”
จากนั้นเขาก็หันมาเก็บของเข้าที่ ก่อนจะเดินเข้ามาตรวจชีพจรคนเจ็บอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเขาก็หยิบผ้าห่มที่เตรียมมาคลุมให้นางจนถึงคอ แล้วเดินกลับมานั่งเพื่อเริ่มก่อไฟให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เพราะยามนี้เริ่มมืดแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นลงทุกที
บ่ายของวันใหม่ คนเจ็บตื่นมาก็ยังไม่เห็นใคร มีเพียงสุนัขตัวโตนอนเฝ้าเช่นเคย ทว่าภายในถ้ำมันดูต่างออกไป มุมถ้ำมีโต๊ะตัวเล็กเพิ่มมาพร้อมกับอาหารที่น่าจะปรุงสุกใหม่ ๆ
“โฮ่งโฮ่ง” ตงตงร้องเรียกพร้อมกับวิ่งไปที่โต๊ะอาหาร มันกระดิกหางให้อย่างรู้งาน คนเจ็บก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดู
“ข้ารู้แล้ว จะพยายามลุกไปกินแล้วกัน” บอกพร้อมกับทำอย่างที่พูด ทว่าบาดแผลมันก็ทำให้ต้องร้องออกมา “อ๊ะ”
“นั่งอยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวข้ายกไปให้” เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้น เรียกความสนใจของคนเจ็บได้ดียิ่ง มากไปกว่านั้น ใบหน้าหล่อเหลานี้มันช่างสะกดสายตาได้ดีเหลือเกิน
“จะ เจ้าคือคนที่ช่วยข้าหรือ” ถามเสียงติดขัด ไม่คิดว่าคนที่ช่วยตนไว้จะรูปงามถึงเพียงนี้ ซุ่มเสียงหรือก็อ่อนโยน
“ใช่ รีบกินเสียจะได้กินยา” เอ่ยพร้อมกับส่งถ้วยข้าวให้ ถึงแม้นางจะบาดเจ็บทว่ามือไม้ยังขยับได้ ไป่ชวนจึงคิดว่าให้นางช่วยเหลือตนเองน่าจะดีกว่า
หญิงสาวบนเตียงไม้ไผ่มองคนแปลกหน้าที่กล่าวว่าเป็นคนช่วยนางไว้อย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะรีบตั้งสติตนให้คงที่
“ขะ ขอบคุณ” มือเล็กยื่นออกมารับถ้วย เมื่อได้มาก็ต้องรีบกิน เพราะคนตรงหน้าเอาแต่จ้องนางไม่วางตา เกิดมายังไม่เคยมีใครมาแสดงกิริยาเช่นนี้กับนางเลย ทว่าจะโกรธก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาคือคนที่ช่วยชีวิตตนไว้ อีกอย่างใบหน้าหล่อเหลานี้ก็ทำนางกระดากอายจนไม่อาจเอ่ยวาจาตำหนิได้
“นี่ยา กินเสียจะได้หายไวไว” บอกพร้อมกับยื่นถ้วยส่งให้ อีกฝ่ายก็รับไปแต่โดยดี ก่อนจะมองตามร่างสูงที่ลุกขึ้นยกถาดอาหารไปเก็บที่เดิม สีหน้าเขาราบเรียบจนนางไม่กล้าถาม
“เจ้าไปทำอะไรมา ไยถึงถูกทำร้ายหนักเพียงนี้” คนเอ่ยไม่ได้หันกลับมามองเลยสักนิด เพราะไป่ชวนกำลังก่อไฟเพื่อให้ความอบอุ่น อากาศยามนี้มันเริ่มเย็นลงทุกที
‘คนผู้นี้แม้จะช่วยเราไว้ แต่ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้’ นึกถึงเรื่องที่พึ่งผ่านมา คนเจ็บจึงต้องรอบคอบให้มาก
“ข้าจำไม่ได้” เอ่ยตอบเสียงเบา ดวงตาสวยก็หลุบต่ำลง แสดงท่าทางกังวลถึงสิ่งที่นางพูดราวกับมันเป็นเรื่องจริง
ไป่ชวนหันไปมองเพียงครู่เขาก็กลับมาสนใจกองไฟตรงหน้าต่อ ท่าทางของชายหนุ่มยังคงเงียบขรึมเช่นเคย ทว่าไม่มีคำถามใดตามมาอีก กระทั่งบดยาเสร็จท่านหมอรูปงามก็ถือมันเดินตรงมาหานาง “ข้าจะทายาให้ หรือจะทาเอง” ถามความสมัครใจคนเจ็บ ที่นั่งนิ่งมองเขาอย่างชั่งใจ
“คะ คนที่เปลี่ยนอาภรณ์ข้าและรักษาข้าในคราแรกก็เป็นท่านไม่ใช่หรือ เช่นนั้นท่านก็ทำเถอะ” เอ่ยจบ แก้มเนียนใสก็ขึ้นสีเรื่อน่ามอง ทว่าไป่ชวนยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยตามเดิม
“อืม” ตอบเพียงเท่านั้นเขาก็จับชายผ้านางเปิดออก พลันคิ้วหนาก็ขมวดเป็นปมเมื่อหันมาเห็นเจ้าตงตงกระดิกหางนั่งมอง
“หันออกไปด้านนอกเจ้าหมาทะลึ่ง” ตำหนิไม่จริงจัง เจ้าสุนัขสีน้ำตาลจึงครางท้วงอย่างขัดใจ ก่อนจะลุกแล้วหมุนตัวหันออกไปทางหน้าถ้ำอย่างรู้ภาษาไม่ต่างจากคน
คนเจ็บจึงเผลอหัวเราะเอ็นดู เจ้าสุนัขแสนน่ารัก ทว่าไม่ถึงอึดใจก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงคราง “อ๊ะ”
“ไม่รู้จักเจียม” อีกฝ่ายตำหนิ หญิงสาวจึงตาโตเท่าไข่ห่าน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าเอ่ยเช่นนี้กับนางเลย
ทว่านางไม่อาจโต้แย้งอันใด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาคือทางรอดเดียวของตนในยามนี้ ยอม ๆ ไปก่อนแล้วกัน
ยามนี้ทั้งคนทั้งหมาต่างก็หน้าหงอยพอกัน โดยเฉพาะคนเจ็บที่ต้องนั่งนิ่งมิต่างจากท่อนไม้ เพื่อให้ท่านหมอใส่ยารักษาตรงช่วงท้อง ดีที่ด้านบนมีผ้าพันรอบอกไว้ และคงไม่ใช่ใครที่ไหนทำ นอกจากคนที่ช่วยนางนั่นแหละ คาดว่าร่างกายนี้คงถูกสำรวจไปหมดแล้ว เพราะแม้แต่กางเกงซับในยังไม่เหลือ
ใช่ ไป่ชวนเห็นร่างกายนางจนเกือบหมดทุกส่วนแล้ว ทว่ามันก็แค่ด้านบนเท่านั้น ด้านล่างเขาใช้ผ้าคลุมไว้ก่อนจะเปลี่ยนอาภรณ์ให้นาง ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาต้องทำแม้ว่ามันจะผิดจารีตก็เถอะ เขาเป็นหมอจะปล่อยให้คนเจ็บป่วยจนตายก็ไม่ใช่เรื่อง
“อ๊ะ” เสียงครางดังขึ้นเพราะบาดแผลยังใหม่ เมื่อผ้าที่พันอยู่ถูกลอกออกจึงเกิดการเสียดสีขึ้น “ทนได้เจ้าค่ะ” บอกเขาเมื่อเห็นมือเรียวหยุดชะงัก ก่อนที่ท่านหมอจะขยับต่อ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองนางในบางครั้ง เพราะเกรงจะทำให้หญิงสาวเจ็บ
“จำไม่ได้เลยหรือว่าตนเองเป็นใคร ชื่ออะไร” เอ่ยถามทำลายความอึดอัดที่กำลังเกิดขึ้น หลังจากสังเกตเห็นมือเล็กกำแน่น หน้าท้องเกร็ง มิหนำซ้ำนางยังกลั้นหายใจด้วย
ก็แน่ล่ะ ยามนี้นางกำลังเปลือยท่อนบนต่อหน้าบุรุษ ไม่ให้กระดากอายมันคงเป็นเรื่องที่แปลกน่าดู
“ไม่เจ้าค่ะ แล้วท่านช่วยข้ามาจากที่ใดหรือ” แสร้งย้อนถาม ทว่าเนื้อตัวนางยังคงสั่นเทาด้วยอาการประหม่าเช่นเดิม
“แม่น้ำด้านล่าง” น้ำเสียงยังคงราบเรียบ ใบหน้าก็เช่นกัน ไม่รู้คนผู้นี้มีความรู้สึกหรือไม่ เหตุใดชอบทำหน้านิ่งนัก
“ท่านก็เลยถอดอาภรณ์ข้าออกหมดแล้วเปลี่ยนใหม่สินะ” ถามถึงเหตุผลที่ตนอยู่ในชุดนี้ ทำให้มือเรียวต้องหยุดชะงัก
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่าย นางจึงรีบเอ่ยอย่างเข้าใจสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เขาต้องคิดมาก “ช่างเถอะเจ้าค่ะ หากท่านไม่เปลี่ยนอาภรณ์ให้ พิษบาดแผลและพิษไข้คงรุมทึ่งข้าจนตายเป็นแน่ ขอบคุณท่านหมออีกครั้งนะเจ้าคะ” ทว่าคำตอบนั้น
“รู้ก็ดี” บอกเสียงเรียบ ก่อนจะพันผ้าอันใหม่ให้
‘ชิ! ชายรูปงามมักทำตัวเย็นชาเช่นนี้ทุกคนหรือเปล่านะ’ ตำหนิเขาในใจ หลังจากอีกฝ่ายตอบกลับมาสั้น ๆ จากนั้นนางก็ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้เขาทำไปโดยไม่ทักท้วงอันใดอีก กระทั่งเรียบร้อย เขาก็หันมาจัดการแผลบนหัวต่อ
“นอนพักเสีย ข้าจะออกไปหาฟืน ให้เจ้าตงตงอยู่เป็นเพื่อน จะเอาสิ่งใดก็เรียกใช้มันก็แล้วกัน” เอ่ยบอกเมื่อทำทุกอย่างเสร็จ
“เจ้าค่ะ” รับคำอย่างว่าง่าย เพราะยามนี้แม้แต่จะขยับตัวยังยาก คงต้องรักษาตัวให้หายก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที
“คิดไว้แล้วกันจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร” สิ้นคำเขาก็ลุกเดินออกไป ทิ้งให้สตรีตัวน้อยมองตามพร้อมกับผูกคิ้วเป็นปม
“ชื่อหรือ?” หญิงสาวพยายามคิดว่าจะใช้ชื่อไหนดี เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ จนแล้วจนรอดก็ยังนึกไม่ออก
กระทั่งท่านหมอรูปงามกลับเข้ามา “ข้านึกไม่ออก ท่านช่วยตั้งให้ข้าได้หรือไม่” ดวงตาสวยกะพริบถี่ร้องขอ
“ฟูหรงแล้วกันเรียกง่ายดี” ไป่ชวนสังเกตท่าทีคนเจ็บ เพื่อดูว่านางพอใจหรือไม่กับชื่อนี้ พอเห็นรอยยิ้มนางเขาก็หันหนี
“เพราะจังเลยเจ้าค่ะ” ยิ้มดีใจเมื่อได้ชื่อใหม่ ก่อนที่มันจะหุบลงเมื่อเห็นท่านหมอกำลังจัดแจ้งหาที่นอนตรงมุมถ้ำ ดูจากสีหน้าคงจะเหนื่อยมาก คาดว่าเขาคงอดหลับอดนอนเพื่อทุ่มเทกับการรักษานาง เพราะเท่าที่จำได้ตนก็หลับไปถึงสองวัน
“นอนได้หรือเจ้าคะ” รีบถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งลงพิงผนังถ้ำ ดูท่าเมื่อคืนเขาก็คงนอนแบบนี้กระมัง ไม่รู้เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า ถึงได้มีข้าวของเครื่องใช้เกือบครบเช่นนี้
“หรือจะให้ข้านอนบนเตียงกับเจ้า ข้าไม่ถือนะ” ตอบกลับเสียงเรียบ ทว่าแววตาเขากลับเจ้าเล่ห์นัก
#ตงตงไม่ได้ทะลึ่งนะพ่อ 55
