ตอนที่ 20 ของกำนัลจากใจ (ep.3)
“คุณหญิงเจ้าคะ”
จำปีร้องเรียกคุณหญิงอรเมื่อมีบ่าวจากด้านนอกวิ่งเข้ามายังบริเวณที่คุณหญิงกำลังตรวจตราดูบ่าวที่ทอผ้าเยียรบับซึ่งเป็นผ้าของขุนนางในราชสำนักที่สั่งตัดเย็บสำหรับการเข้าเฝ้าหรือมีงานใหญ่ แล้วกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
“มีกระไรรึจำปี เหตุใดเจ้าทำหน้าตื่นเช่นนั้น”
คุณหญิงอรละสายตาจากผ้าที่บ่าวกำลังถักทออยู่แล้วมองหน้าจำปี พร้อมด้วยจอมนางที่เดินอยู่เบื้องหลังของแม่
“ที่เรือนดูเหมือนจะเกิดศึกเจ้าค่ะ”
คุณหญิงอรมองหน้าจำปีที่อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะปลายตาไปมองหน้าจอมนาง
“กระไรรึ”
คุณหญิงอรเอ่ยถาม
“ท่านพระศรีบดินทร์ฤาชัย มาที่เรือน ตามติดด้วยคุณหญิงช้อยเจ้าค่ะ”
เมื่อรู้ว่าใครมา คุณหญิงอรก็ถอนใจออกมาเต็มแรง
“ถ้าเช่นนั้นเห็นทีข้าควรรีบกลับไปหย่าศึก ที่เรือนมีแม่ท่านแต่เพียงผู้เดียว คงจะหาได้หย่าศึกสำเร็จไม่”
“กระไรหรือเจ้าคะแม่ท่าน”
จอมนางอดสงสัยไม่ได้จึงเอ่ยถามแม่ขึ้น
“แต่เดิมพระศรีบดินทร์ฤาชัย ตอนที่ยังไม่ได้รับราชการ ก็เป็นเพียงพ่อแช่มที่หลงรักแม่ช้อย แล้วก็พยายามหาทางเอาชำนะใจของแม่ช้อยแข่งกับท่านเจ้าพระยาภักดีพีชัยที่มีเชื้อสายแขกเซ็น”
คุณหญิงอรพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงภาพแต่หนหลัง
“แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับอ้ายลูกแขกเซ็นที่พ่อแช่มเดียดฉันท์เสียนัก เมื่อเวลาผ่านไป ทันทีที่ทั้งสองได้ปะหน้ากันก็มักจะมีเรื่องแต่หนหลังมากระแนะกระแหนถากถางกันให้ได้อายไปข้างหนึ่ง”
เมื่อคุณหญิงอรพูดจบก็หันไปมองหน้าจอมนาง
“เจ้าอยู่ดูบ่าวไพร่ทอผ้าเหล่านี้ก่อนเถิด ผ้านี้สำคัญยิ่ง ต้องสลับกับแล่งเงินแล่งทองที่ตีมา อย่าให้ผิดเพี้ยนประเดี๋ยวจะเสียชื่อที่อุตสาห์สั่งสมมาแต่รุ่นยายทวดของเจ้า”
“เจ้าค่ะ”
จอมนางรับคำแม่แล้วก็เดินตรวจดูบ่าวไพร่ทำงานกันต่อไป ในขณะที่คุณหญิงอรรีบกลับเรือนเพราะรู้ดีว่าเมื่อเพื่อนรักอย่างคุณหญิงช้อยเจอหน้าพระศรีบดินทร์ฤาชัย อดีตคนที่เคยตามจีบจนถึงขั้นเกือบจะฉุดนางไปย่ำยีเพื่อต้องการได้นางมาครอบครองนั้น มีความชิงชังพระศรีบดินทร์ฤาชัย มากแค่ไหน
ฝ่ายพระศรีบดินทร์ฤาชัยก็ดูถูกนางที่นิยมพวกแขกกลิ่นตัวเหม็น มักจะพูดจาย่ำยีน้ำใจของคุณหญิงช้อยให้ได้อายเสมอมา แต่คุณหญิงช้อยก็ใช่จะยอมมักจะมีคำพูดเหน็บให้เจ็บใจเช่นกัน
เมื่อขึ้นจากเรือทั้งคุณหญิงช้อยและพระศรีบดินทร์ฤาชัย ก็รีบเดินแซงกันหมายจะขึ้นเรือนได้เร็วกว่ากัน แต่ที่สุดคุณหญิงช้อยก็ต้องยอมจำนนเมื่อพระศรีบดินทร์ฤาชัยก้าวยาวกว่า เขาขึ้นเรือนแล้วกราบยายทิพย์อย่างนอบน้อม ทำให้คุณหญิงช้อยเพียงแค่ชม้อยชม้ายชายตาตวัดขว้างค้อนให้เสียหลายวงด้วยความหมั่นไส้
“แม่ท่านสบายดีอยู่หรือเจ้าคะ”
คุณหญิงช้อยเอ่ยถามเมื่อกราบยายทิพย์แล้วนั่งลงไม่ห่างนัก ในขณะที่ยายทิพย์ก็เคี้ยวหมากไปพลางมองหน้าทั้งสองไปพลาง
“กราบยายท่านเสียสิขุนทองดี”
พระศรีบดินทร์ฤาชัยหันมาเรียกบุตรที่เดินตามไปพร้อมกับข้าวของที่นำมากำนัล ทำให้ทั้งยายทิพย์และคุณหญิงช้อยต่างหันไปมองเกือบพร้อมกัน
“กระผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยขอรับยายท่าน”
ขุนทองดีก้มกราบแทบตักของยายทิพย์แล้วเอ่ยออกมา ในขณะที่ยายทิพย์ก็มองดูขุนทองดีแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาแรง ๆ แล้วก็ยิ้มให้เขา
“บุตรคนเดียวของกระผมขอรับ เกิดแต่แม่แก้วเมียเอก ส่วนช้องมาศเป็นบุตรีที่เกิดแต่แม่อุ่นเมียรอง ที่นายช่างเปรมสมัครรักใคร่อยู่น่ะขอรับยายท่าน”
พระศรีบดินทร์ฤาชัย อธิบายทำให้ยายทิพย์พยักหน้าอย่างเข้าใจและจำได้
“คุณหญิงอรไม่อยู่หรือเจ้าคะแม่ท่าน”
คุณหญิงช้อยเอ่ยถาม
“อยู่ที่โรงทอผ้าประเดี๋ยวคงมา ข้าให้บ่าวไปบอกแล้ว”
“แล้วจอมนางล่ะเจ้าคะ”
คุณหญิงช้อยถามต่อ
“อยู่ด้วยแม่ของนางที่โรงทอ เจ้ามีกระไรหรือคุณหญิง”
ยายทิพย์เอ่ยถามทำให้คุณหญิงช้อยคลี่ยิ้มออกมา แล้วเตรียมจะบอกว่ามีของกำนัลจากบุตรของนาง แต่ขุนทองดีรีบขยิบตาให้พ่อ พระศรีบดินทร์ฤาชัยก็ขยับเข้าไปใกล้ยายทิพย์จนเบียดคุณหญิงช้อยให้ถอยล่นออกไป
“ยายท่านขอรับ บุตรของกระผมมีของมากำนัลแม่จอมนางด้วยขอรับ ด้วยขุนทองดีผู้นี้เป็นที่รักของเจ้านายมาก มิช้านานเขาจะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ก็ด้วยต้องจิตต้องใจสมัครด้วยแม่จอมนางอยู่มากโข กระผมเองก็มิได้เดียดฉันท์ ยิ่งเต็มอกเต็มใจมากล้นที่บุตรชายจะเกี่ยวดองกับบุตรีท่านเจ้าพระยา”
พระศรีบดินทร์ฤาชัยพูดจบก็ยื่นห่อผ้าสีเขียวไปให้ยายทิพย์ที่เตรียมรับ แต่คุณหญิงช้อยรีบเบียดพระศรีบดินทร์ฤาชัยจนแทบคะมำพลอยทำให้ยายทิพย์ไม่อาจจะรับห่อผ้าของฝากนั้นได้
“นี่เจ้าค่ะแม่ท่าน”
คุณหญิงช้อยวางห่อผ้าสีชมพูใส่มือให้ยายทิพย์อย่างฉับพลัน ทำให้ขุนทองดีขยับลุก ๆ นั่ง ๆ อยากจะให้พระศรีบดินทร์ฤาชัยยื่นห่อผ้านั้นใส่มือยายทิพย์ก่อนคุณหญิงช้อย แต่ก็ไม่ทัน เมื่อคุณหญิงช้อยวางห่อผ้าสีชมพูใส่มือยายทิพย์แล้วก็หันมายิ้มเยาะให้พระศรีบดินทร์ฤาชัย
“ของกำนัลจากจมื่นศรีสุรนาท บุตรของฉันที่เกิดแต่ท่านพระยาภักดีพิชัยเจ้าค่ะ”
เมื่อคุณหญิงช้อยพูดจบ ขุนทองดีก็เบือนหน้าไปอีกทางพร้อมกับระบายลมหายใจออกมาด้วยความขัดเคืองใจยิ่งนัก
“เนื่องด้วยเพลานี้เจ้าหมื่นของฉันมิอาจมาเหยียบเรือนของแม่ท่านได้ ด้วยมีพระราชประสงค์ให้รับใช้ใกล้ชิด จะมีก็แต่สไบแพรที่งามล้ำผืนนี้ ฝากให้แม่จอมนางด้วยจิตที่สะอาดเจ้าค่ะ”
ยายทิพย์ยิ้มพลางพยักหน้า ทำให้พระศรีบดินทร์ฤาชัยรีบเข้าไปใกล้แล้วยื่นห่อผ้าให้ยายทิพย์ที่รับไปแล้วยิ้มให้
“นี่เป็นของกำนัลจากขุนทองดีบุตรของกระผมด้วยขอรับยายท่าน เป็นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่มาจากฝรั่ง หอมมากขอรับ เหมาะกับสาวรุ่นวัยกำดัดที่กำลังผลิบานประดุจบุปผาชาติในยามแรกแย้ม”
ขุนทองดียิ้มตามเมื่อฟังคำพูดของพ่อ แต่คุณหญิงช้อยกลับหัวเราะออกมาเมื่อหันไปมองหน้าพระศรีบดินทร์ฤาชัย
“นี่คงเป็นเสน่ห์มหานิยมกระมัง จึงทำให้ท่านพระศรี มีเมียเอก เมียรองและเมียทาสอีกมากมาย หากแม่จอมนางได้ใช้เข้าจริงก็คงมิพ้นเป็นเมียเอกและให้ผัวมีเมียรอง เมียบ่าวเฉกเช่นวงศ์วานของพระศรีเป็นแน่”
ขุนทองดีขยับปากด้วยความอัดอั้นในอกที่พ่อของเขาพูดจาไม่ทันคุณหญิงช้อย
“ผ้าแพรผืนนี้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เนื้อนุ่มละมุนเหมาะกับแม่จอมนางมากเจ้าค่ะ จมื่นศรีสุรนาทเลือกสรรด้วยตนเองเลยนะเจ้าคะแม่ท่าน”
“มิเห็นสมว่าชายชาวสยามผู้ใดเลือกสรรผ้าผ่อนด้วยตนเอง สมเป็นชายจริงรึนั่น หรือว่าคุณหญิงช้อยเลี้ยงดูบุตรให้กระเดียดออกทางสตรีกันเล่า”
พระศรีบดินทร์ฤาชัยแขวะขึ้นบ้างทำให้คุณหญิงช้อยหันไปมองทันที เป็นเหตุให้ยายทิพย์กวักมือเรียกบ่าวขอยาหอมชงน้ำร้อนด่วน
“จะกระเดียดชายหรือหญิงก็ลูกของฉัน ที่เกิดแต่ท่านเจ้าพระยาภักดีพิชัย ที่สามารถขอพระราชทานตำแหน่งคุณหญิงให้ฉันได้ด้วยเพราะมากความสามารถ ต่างจากท่านพระศรี..ที่ยังมิอาจขอพระราชทานตำแหน่งคุณหญิงให้เมียได้ แม่แก้ว เมื่อครั้งที่ออกเรือนกับพ่อแช่มก็ยังเป็นแม่แก้วเหมือนเดิม ดีก็แต่พ่อแช่มได้กินตำแหน่ง พระศรีบดินทร์ฤาชัย”
คุณหญิงช้อยยิ้มหวานอย่างจงใจมองสบตาพระศรีบดินทร์ฤาชัยที่ดูเป็นเดือดเป็นแค้นจนนั่งแทบไม่ติดพื้น ไม่ต่างจากขุนทองดีมากนัก ที่รู้สึกขัดเคืองใจกับคำพูดเยาะเย้ยของคุณหญิงช้อยที่พาดพิงถึงแม่แก้วของเขา
“ด้วยลูกไม้หาได้หล่นไกลต้นไม่ เมื่อพ่อได้ดีมีหรือที่ลูกจะไม่ได้ดีร่วมด้วย หัวแถวเดินอย่างไร หางแถวก็ย่อมต้องเดินเช่นนั้น เมื่อสามีของฉันได้ดีจนนำพาเมียและลูกให้ได้ดี มีหรือที่เจ้าหมื่นศรีสุรนาถจะมินำพาเมียให้ได้ดีร่วมด้วย”
คุณหญิงช้อยพูดชัดถ้อยชัดคำพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างผู้มีชัยทำให้พระศรีบดินทร์ฤาชัยขยับปากเม้มเข้าเม้มออกด้วยจนใจที่ไม่สามารถหาคำพูดได้มาทัดทานเทียบเคียง ฝ่ายขุนทองดีก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะพ่อของเขายิ่งพูดก็จะยิ่งได้อายเสียมากกว่า แต่ก่อนที่ศึกจะลุกลาม คุณหญิงอรก็เดินขึ้นเรือนมาแล้วได้พูดคุยร่วมและเป็นประหนึ่งแม่ทัพที่มาห้ามทัพได้ทันท่วงที
