ตอนที่ 16 คนสำคัญของใจใครก็ไม่อาจเทียม (ep.4)
“กูจะมิมีวันลืมมึงเลยอ้ายฮาริส”
ขุนทองดีคิดในใจในขณะที่หมอชาวจีนที่ประจำอยู่ในหอชำเราชายแห่งนั้นทำการรักษา ขุนทองดีรู้สึกเกลียดชังและแค้นเคืองจมื่นศรีสุรนาทมากขึ้นยิ่งเมื่อได้ยินที่จมื่นศรีสุรนาทพูดเหมือนเยาะเย้ยหยันว่า การที่ขุนทองดีทำให้เขาต้องเจ็บแต่กลับได้แม่หญิงจอมนางมาดูแล
“อ้ายฮาริส มึงกับกู จะมิมีวันได้อยู่ร่วมพื้นปฐพีดลเดียวกันได้นานนักดอก”
ขุนทองดีคิดในใจ เมื่อหมอรักษาบาดแผลให้เขาเสร็จก็ให้เขานอนพัก แต่หูก็แว่วได้ยินเสียงกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังพูดคุยปรึกษาเรื่องราวบางอย่าง อยู่หลังม่านสีชมพูกั้นฉากเป็นห้องทำให้ขุนดีจำต้องหันไปมองเห็นเพียงคนสามคนลางเลือน
“ข้าว่าข้าจำเป็นต้องเลือกว่าข้าจะเข้ารับใช้ฝ่ายใด”
ชายคนที่หนึ่งพูด
“ไฉนคิดเยี่ยงนั้นเล่า”
ชายคนที่สองและสามเอ่ยถามเกือบพร้อมกัน
“ด้วยเหตุที่แผ่นดินของสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว มีแต่ฝรั่งค่าฆ้อง แขกมัว แขกเซ็นที่เป็นใหญ่และยังมีเป้าหมายให้สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเปลี่ยนศาสนาจากพุทธเป็นคริสต์อีกด้วย ข้ามิใคร่เป็นทาสพวกต่างชาติ โดยเฉพาะพระยาวิชเยนทร์น่าหวั่นเกรงยิ่งนัก”
ชายคนที่หนึ่งตอบ
“ข้าเห็นทีจะยอมสิโรราบต่อพระปรีย์ พระโอรสบุญธรรมของสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว”
ชายคนหนึ่งพูดต่อ
“ด้วยเหตุใดเล่า”
ชายคนที่สองเอ่ยถาม
“คาดว่าพระปีย์ผู้นี้มีบุญหนัก โดยมากเด็กชายที่สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงรับเลี้ยงไว้แต่เยาว์มีอายุไม่เกิน เจ็ดถึงแปดขวบปีก็ต้องออกจากวัง แต่พระปีย์ผู้นี้เป็นที่โปรดปรานนัก มิหนำซ้ำยังมีนัยว่าจะเป็นโอรสลับของสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว น่าจะได้สืบสันตติวงศ์กินเมืองต่อไปภายหน้าเป็นแท้”
ชายคนที่หนึ่งตอบ
“แต่ข้าใคร่จะยอมสิโรราบต่อสมเด็จเจ้าฟ้าอภัยทศ พระอนุชาของสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ด้วยแน่ชัดว่าน่าจะกินตำแหน่งองค์รัชทายาทสืบต่อ”
ชายคนที่สองเสนอความคิด แต่ชายคนที่สามส่ายหน้า
“สำหรับข้า ไม่ปรารถนาจะเข้าไปอยู่ในสังกัดของสมเด็จเจ้าฟ้าอภัยทศ แต่เห็นทีจะเข้าสังกัดในเจ้าฟ้าน้อย ด้วยเจ้าฟ้าอภัยทศเป็นคนฉุนเฉียว ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมิพอพระทัยนัก และข่าวแว่วมาจากขันทีที่ใกล้ชิดว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวดำริจะแต่งตั้งเจ้าฟ้าน้อยให้กินตำแหน่งองค์รัชทายาทสืบต่อเสียมากกว่า”
ชายคนสามพูดจบก็มองหน้าชายอีกสองคนที่มองตรงมาหา แต่ขุนทองดีกลับหันหลังให้พวกเขาในห้วงความคิดยังกรุ่นอยู่กับเรื่องของผู้ที่จะกินบัลลังก์สืบต่อจากสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวองค์สมเด็จพระนารายณ์
“ท่านขุนขอรับ”
ทนายแสนเข้ามาหาขุนทองดีในตอนพลบค่ำ เมื่อบาดแผลที่แอบรักษาโดยไม่ยอมบอกให้พระศรีบดินทร์ฤาชัย และแม่แก้วรับรู้นั้นดีขึ้น
“มีการอันใดเร่งเล่าแจ้งมา”
ขุนทองดีเห็นทนายแสนอ้ำอึ้งก็ลุกขึ้นนั่ง วางมอระกูไว้ตามเดิม
“จมื่นศรีสุรนาทมีน้องสาวสองคนนะขอรับ งามมาก คนหนึ่งอายุสิบหก อีกคนหนึ่งอายุสิบแปด หากเราลักลอบจับมันสองคนส่งขายไปเป็นนางคณิกาให้ขุนนางได้เชยชม คงเป็นการแก้แค้นที่สาสมนะขอรับ”
ทนายแสนออกความคิด ทำให้ขุนทองดียิ้มกว้างแล้วเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดัง พลอยทำให้ทนายแสนหัวเราะร่วมด้วย แต่เพียงครู่เดียว ขุนทองดีก็ยกเท้าถีบทนายแสนจนกระเด็น
“ความคิดมึงนี้แสนชั่วอ้ายแสน”
ขุนทองดียกมือชี้หน้าทนายแสนที่รีบคลานเข้ามาหมอบอยู่แทบเท้าขุนทองดี
“ด้วยกูนี้ชังอ้ายฮาริส แต่หาได้หวังทำลายสตรีเพศแม่ ด้วยกูก็มีน้องสาว หากมีคนคิดประทุษร้ายย่ำยีน้องกู นางคงหามีชีวิตไปจนถูกขุนนางย่ำยีได้สมใจไม่ นางคงเร่งปลิดชีพตนเองลงในฉับพลับ”
ขุนทองดีมองหน้าทนายแสนที่หมอบอยู่แทบพื้นด้วยสำนึกผิดที่คิดไม่ดี
“นิ้วใดร้ายเร่งตัดนิ้วนั้น กูชังอ้ายฮาริสหมายจะฆ่ามันให้ดับแดดิ้นลงแทบตีนกู แต่กูหาปรารถนาจะทำให้ความแค้นของกูมีผลมาถึงบิดาหรือมารดากูไม่ แลยิ่งมิได้หมายจะแก้แค้นลามไปจนถึงโคตรเหง้าของมันด้วย มึงอย่าหาญหักคิดการระยำอัปรีย์เยี่ยงนี้อีก”
“ขอรับท่านขุน ข้าหาได้คิดเช่นนั้นไม่เพียงแต่ปรารถนาจะหาทางทำให้ท่านขุนได้แก้แค้นมันเท่านั้น”
ขุนทองดีระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ
“มึงบอกกูมาสิว่า ชายจีนตาบอดผู้นั้นมันอยู่แห่งหนตำบลใด”
ทนายแสนเงยหน้ามองเขาทันที
“มิไกลจากปากคลองขุนละครไชยนักดอกขอรับ”
“นำทางกูไปบัดเดี๋ยวนี้”
ทนายแสนรู้สึกงุนงงอย่างมาก เพราะด้วยนิสัยของขุนทองดีเวลานี้เขาควรจะคิดแก้แค้นจมื่นศรีสุรนาทมากกว่า แต่ทำไมถามหาหมอดูชาวจีน หรือเขามีแผนอะไรที่ดีกว่าการแก้แค้น
ในยามนั้นดึกสงัดเงียบไม่มีใครเดินผ่านย่านนั้น เป็นเรื่องที่ดีสำหรับขุนทองดีที่อยากรู้ว่าสิ่งที่เขาสงสัยจะจริงหรือไม่ และก็ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าเขามาที่นี่ ดังนั้นจะบอกทนายแสนให้ปลุกชายจีนให้ตื่นแล้วนำพาไปพบเขายังที่แห่งหนึ่ง
“เขาร่ำลือกันนักหนาว่ามึงทำนายแม่นราวกับตาเห็น กูใคร่รู้ว่าผู้ใดจะได้กินบัลลังก์ต่อจากสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว”
ชายชราชาวจีนรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
“อย่ากลัวไปเลยกูมิฆ่ามึงดอกหนา หากมึงสามารถเล่าแจ้งแถลงไขให้กระจ่างในสิ่งที่กูใคร่รู้”
ขุนทองดีเอ่ยออกมาเมื่อมองดูสีหน้าของชายจีนตาบอดผู้นั้น มีท่าทางสั่นเทิ้มแสดงออกถึงความหวาดกลัว
“บอกกูมาบัดเดี๋ยวนี้”
ชายจีนนั่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วก็เงยหน้าขึ้น
“ผู้ที่มีชาติกำเนิดเด่นมาจากสามัญชน ผู้ที่เกิดวันเดือนปีเดียวกัน”
