บทนำ สตรีโง่งมนั่นคือตัวข้า (2/2)
ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงกระหน่ำเท ยังคงมีร่างของสตรีผู้หนึ่งที่นั่งก้มหน้าอยู่บริเวณหน้าเรือนหลังงาม อาภรณ์สีอ่อนที่เคยงดงามยามนี้กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตสีเข้ม ที่กำลังจะถูกละอองฝนชะล้างไป เรือนผมยาวดกดำยุ่งเหยิงเและเปียกลู่ปกปิดใบหน้าที่เคยงามล้ำเอาไว้
อาภรณ์ที่เปียกปอนทำให้ร่างบอบบางหนาวเหน็บจนสั่นสะท้าน ทว่าอวี๋ชิงเหอยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างไม่สนใจ ดวงตากลมโตชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ผสมไปกับเม็ดฝน และไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดได้อีกต่อไป
ภายในฝ่ามือที่เรียวบางมีปิ่นทองลวดลายงดงาม ทว่าปลายด้ามคือมีดอันแสนแหลมคม กลิ่นของโลหิตยังคงคาวคลุ้งแม้จะถูกหยาดฝนชะล้างไปแล้วบางส่วน เป็นปิ่นที่นางใช้แทงทะลุหน้าอกของเซี่ยห่าวเฉิน…สามีของนาง เมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา
เดิมทีนางสมควรที่จะได้รับความสุขเมื่อเขาตายจาก นางไม่ได้รักเขา แต่ไม่อาจขัดราชโองการของฮ่องเต้ที่พระราชทานสมรสให้อย่างยิ่งใหญ่
แต่ทว่ายามนี้ความรู้สึกผิดกลับถาโถมเข้าหา จนนางแทบจะสิ้นไร้ความเป็นมนุษย์ ใบหน้าหวานที่มีหยดน้ำเกาะอยู่เต็มใบหน้าแหงนเงยขึ้นมองดวงจันทราบนฟากฟ้าแล้วหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับกำลังเย้ยหยันตัวเอง นัยน์ตาที่แดงก่ำปรายมองราชโองการที่ตกอยู่บนพื้นด้วยความคับแค้นใจ
ภาพเหตุการณ์สลดปรากฏขึ้นภายในความทรงจำของนางด้วยความเลวร้าย ดวงตาเหม่อลอยนึกย้อนถึงวาจาของเซี่ยห่าวเฉินที่เอ่ยถามนาง ก่อนที่นางจะเอ่ยย้ำกับตัวเอง
“ท่านอ๋องเอ่ยถามหม่อมฉัน…ว่าเหตุใดต้องเป็นท่าน…”
อวี๋ชิงเหอส่งเสียงพึมพำ ดวงตาที่แดงก่ำมองไปยังร่างของบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ดวงตาของเขายังคงเปิดกว้าง และไร้ซึ่งความเคียดแค้นแม้จะไร้ลมหายใจ มันยิ่งทำให้นางสะอื้นไห้แทบขาดใจ
“หม่อมฉันยิ้ม…และหม่อมฉันก็บอกกับท่านอ๋อง ว่าหม่อมฉันไม่เคยรักท่านอ๋องเลยแม้แต่น้อย เพราะหม่อมฉันรักรัชทายาทเซี่ยหลานตี้แต่เพียงผู้เดียว หึ”
เสียงหัวเราะสะท้อนออกมาด้วยความแผ่วเบา ทว่าเจือไปด้วยความขมขื่นเสียยิ่งกว่าโดนพิษร้ายแรง
“แต่ท่าน…ท่านอ๋องก็ยังคงยิ้มให้กับหม่อมฉัน ทั้งที่หน้าอกของพระองค์อาบไปด้วยโลหิตเพราะฝีมือของหม่อมฉัน เซี่ยห่าวเฉิน พระองค์ทรงโง่งมยิ่งนักที่รักสตรีร้ายกาจเช่นหม่อมฉัน” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงลงบนพื้นที่ชุ่มชื้น
เสียงสะอื้นหลุดออกมาจากลำคออันแห้งผาก ฝ่ามือที่สั่นเทาลูบไล้ปิ่นปักผมสีทองลวดลายหงส์ประดับไข่มุกงามของเขา ปิ่นเพียงหนึ่งเดียวที่เขามอบให้ไว้กับนางในคืนแต่งงาน และปิ่นเดียวกันกับที่นางปักทะลุหัวใจของเขาเมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา
นางขยับกายเข้าไปยังร่างสูงสง่าที่นอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจ หยาดฝนที่ตกลงมาชะล้างโลหิตสีเข้มให้ไหลนองไปทั่วพื้น ฝ่ามือเล็กเอื้อมปิดดวงตาที่เบิกกว้างของเขาด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะไล้ปลายนิ้วเยียบเย็นไปตามกรอบหน้าที่ซีดขาว พร้อมกับหยาดน้ำตามากมายที่พรั่งพรูออกมา
“เซี่ยห่าวเฉิน…ชาตินี้หม่อมฉันเป็นชายาที่เลว หม่อมฉันผิดจนเกินกว่าจะให้อภัย แต่หากมีวาสนา ขอให้หม่อมฉันมีโอกาสได้รักท่านอ๋องอย่างที่ควรจะรัก ให้หม่อมฉันได้ปกป้องพระองค์แทนที่จะเป็นผู้สังหาร…”
เสียงหวานใสสั่นเครือ แฝงไปด้วยความรวดร้าวราวออกมาจากข้างในอก ช่วงวันเวลาดี ๆ ที่นางเคยดวงตามืดบอด กลับมองเห็นทุกการกระทำของเขาได้อย่างชัดเจน
ยามนี้สายฝนหยุดโหมกระหน่ำลงไปแล้ว มวลเมฆสีทึมเริ่มบดบังเงาจันทร์อีกครั้ง ฝ่ามือข้างหนึ่งกำปิ่นทองงดงามเอาไว้แนบแน่น
เปลือกตาที่บวมช้ำปรือลงจนปิดสนิท อวี๋ชิงเหอสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจ่อปลายปิ่นและกดมันลงบนหน้าอกของตัวเองอย่างไม่ลังเล
โลหิตที่แสนร้อนผ่าวเริ่มไหลรินออกมาจากบาดแผล ความเจ็บปวดทรมานโลดแล่นไปตามร่างกาย และได้รู้ซึ้งว่ามันทรมานเพียงใด ทว่าเซี่ยห่าวเฉินยังคงส่งยิ้มให้กับนางได้
ทรวงอกอิ่มของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง โลหิตสีแดงเข้มไหลซึมออกมาเป็นสาย ก่อนที่เสียงของลมหายใจของนางจะค่อย ๆ แผ่วเบาลง ร่างบางอรชรล้มลงไปบนพื้น ดวงตาคู่งามเอาแต่จ้องมองผู้เป็นสามีที่ลาลับ ด้วยนัยน์ตาที่เปี่ยมด้วยความสำนึกผิด
การกระทำที่ห่วงใย เอาใจใส่ ไหลหลั่งเข้ามาในภาพแห่งความทรงจำ มีเพียงนางเท่านั้นที่เมินเฉยและไม่เคยเห็นค่าของความรักที่เขามอบให้แก่นางเสมอมา
“หากสวรรค์ยังเมตตา…ได้โปรด ให้หม่อมฉันได้พบเจอพระองค์ในภพชาติใหม่ หม่อมฉันจะชดใช้คืนให้เอง เซี่ยห่าวเฉิน”
ดวงตาของนางเริ่มพร่ามัวจนทุกสิ่งรอบกายเลือนราง จนกระทั่งความมืดมิดได้โอบล้อมทุกสิ่งไว้ ก่อนที่ดวงจิตของอวี๋ชิงเหอจะดับลง กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในความมืดมิด ราวกับว่าเป็นถ้อยคำสุดท้ายก่อนที่นางจะดำดิ่งสู่ปรโลก
"เช่นนั้น…จงกลับไปใช้ชีวิตอีกครา เพื่อชดใช้ความผิดและเพื่อได้รักเขาอีกครั้ง..."