ตอนที่สาม อุบัติเหตุ 4
จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะไม่ดื่มเลย แต่การคะยั้นคะยอของเพื่อนใหม่ที่มีอารมณ์อยู่ในโหมดเดียวกันนั้นทำให้ปริมรตากลืนน้ำเมรัยลงคอไปอีกหลายแก้ว ด้วยว่าเพื่อนสั่งให้ดื่มและมาร์การิต้าเองก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าดื่มเหล้าลงไปแม้แต่น้อยนิดหล่อนจึงดื่มได้เยอะโดยที่ไม่ต้องมานั่งขมคอเหมือนดื่มเหล้าเพียวๆ หญิงสาวรู้สึกว่าทุกแก้วที่ดื่มเข้าไปนั้นทำให้หล่อนมีความสุขขึ้น ทำให้หล่อนกล้าพูด กล้าคิดอะไรอีกหลายอย่างและทำให้หล่อนไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดจากเรื่องที่เจ็บช้ำเลยแม้แต่น้อยนิด หล่อนกำลังค้นพบว่าหล่อนกำลังหัวเราะกับเรื่องที่ผ่านมาเหล่านั้นราวกับว่าเป็นเรื่องงี่เง่าเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรค่ากับการใส่ใจ และหล่อนยังสามารถดื่มได้อีกจนหล่อนเป็นคนสั่งเหล้ามาดื่มเอง ขณะที่เพื่อนสาวเกาหลีที่นั่งดวลโชจูกันนั้นหยุดดื่มเพราะเริ่มจะไม่ไหวกันแล้ว
“เพิ่งรู้นะว่าดื่มแล้วมันดีอย่างนี้ เรื่องเครียดหายหมดเลย” ปริมรตาพูดเสียงยานคางกับเพื่อน ก่อนจะหันไปสั่งเด็กเสิร์ฟเอาเครื่องดื่มมาเพิ่มโดยที่เพื่อนไม่ต้องคะยั้นคะยออีกต่อไป “น้อง มาร์การิต้าอีกแก้ว”
การดื่มเพื่อลืมใครสักคน มันได้ผลอย่างชะงัดนักปริมรตาก็เพิ่งรู้
การดื่มเพื่อลืมอดีตและฉลองชัยชนะทอดยาวไปอีกจนค่ำมืด และเพราะว่าค่อนข้างดึกแต่หล่อนยังไม่ยอมกลับบ้านและหล่อนก็ลืมบอกเจติยาว่าจะพาแขกไปเที่ยวทำให้เจติยาเป็นห่วงและโทรเข้าหา
ชื่อสายเรียกเข้าที่หน้าจอทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดของปริมรตา บอกให้หล่อนตื่นตัวขึ้น ก่อนจะอุทานด้วยความเชื่องช้า
“ตายแล้ว ฉันลืมบอกเพื่อนว่าจะพาพวกเธอมาเที่ยว ฉันยังไม่กลับ เขาต้องเป็นห่วงแน่” ปริมรตาไม่กล้ารับสาย ได้แต่มองหน้าจอ
“เพื่อนสาวแกร่งของเธอที่เธออยู่ด้วยนะเหรอ” เพื่อนเกาหลีถาม เพราะปริมรตาเล่าให้ฟังว่าอยู่กับใคร ที่ไหน อย่างไรบ้าง
“ใช่” เมื่อปริมรตาไม่ยอมรับสาย เจติยาก็ยิ่งห่วงและโทรมาเรื่อย ๆ คาดว่าจะโทรจนกว่าหล่อนจะรับแน่นอน เพราะนิสัยของเจติยาเป็นเช่นนั้น
“ชวนมาดื่มด้วยกันสิ” คิมซูจินบอก
“ไม่ได้ เพื่อนฉันคนนี้ไม่ดื่ม” ปริมรตาลืมบอกเพื่อนเกาหลีไปว่าปรกติหล่อนก็ไม่ดื่ม มาดื่มเพราะว่าถูกรื้อฟื้นชีวิตรันทดนี่แหล่ะ
“งั้นเธอก็บอกไปว่า เธออยู่กับแขก จะนอนที่วิลล่าด้วย เขารู้ไม่ใช่เหรอว่าแขกกรุ๊ปนี้เป็นผู้หญิง บอกเขาเลย จะได้เลิกโทรมา เธอไปนอนกับพวกเราก็ได้ ห้องมีตั้งหลายห้อง จะได้เอนจอยกัน เธอกลับเราเหงาแน่” เพื่อนบอกเสียงอ้อแอ้ไม่แพ้กัน
แขกวิลล่าของหล่อนช่างใจดีเหลือเกิน ปริมรตาเองก็เห็นด้วย หล่อนคิดว่าหากหล่อนกลับไปด้วยสภาพที่เมามาย เจติยาด่าหล่อนแน่ และคงลามด่าไปถึงคิมิยะว่ามอบงานที่ทำให้หล่อนเสียคน ปริมรตาจึงยอมรับสายเจติยาเพื่ออธิบายให้อีกฝ่ายสบายใจ
“เจ ฉันอยู่กับแขกอยู่เลย พาแขกมาเอนเตอร์เทนที่บาร์แถวๆ วิลล่านี่แหล่ะ ฉันอาจจะนอนที่วิลล่านะคืนนี้ เพราะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนแขก แกไม่ต้องห่วงนะ มีแต่ผู้หญิงกันทั้งนั้น ฉันปลอดภัย” ปริมรตาพยายามควบคุมสติไม่ให้พูดเสียงอ้อแอ้
เจติยายอมเออออและวางใจเพราะคิดว่าอยู่ไม่ไกลกันนักและหายห่วงเมื่อรู้ว่าปริมรตาทำงาน
“โอเค ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน อย่าชะล่าใจว่าบนชายหาดมีการ์ดอยู่เยอะ ยังไงมันก็มืด แกดูแลตัวเองดีๆ ด้วยแล้วกัน”
“จ้ะ ขอบใจมากนะเจที่เป็นห่วงฉัน ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ เดี๋ยวเราค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะแก ฉันจะวางสายแล้วนะ”
พอวางสายได้แล้ว ปริมรตาก็ดื่มกับเพื่อนต่อ สุดท้ายก็ชวนกันกลับวิลล่าเพราะรู้สึกว่าดื่มต่อไม่ไหวแล้ว
สี่สาวที่เดินผ่านชายหาดไปด้วยกันแต่เดินไม่ค่อยตรงทางนัก เป้าหมายคือวิลล่าของคิมิยะ ต่างคนต่างไม่มีเวลาสนใจใยดีคนอื่น เพราะการประคองตัวเองให้รอดก็เกือบจะเป็นเรื่องเกินความสามารถแล้ว ดังนั้นต่างคนจึงต่างเดินกันไป คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นปริมรตาเพราะหล่อนเดินได้ช้ากว่าเพื่อนและไม่ค่อยจะประคองตัวเองได้ดีเท่าใดนัก เมื่อสามสาวเกาหลีที่คอแข็งกว่าเดินนำไปก่อน สาวไทยคออ่อนจึงเดินรั้งท้าย ความเมาที่มีมากกว่าคนอื่นทำให้หล่อนเลี้ยวเข้าวิลล่าผิดวิลล่าอีกต่างหาก
คำพูดของเพื่อนที่พอจำได้รางๆ ว่า เราไปนอนที่ห้องใหญ่กันทั้งหมดเลยนะ ตอนตื่นมาจะได้เล่นไพ่กันต่อ ไม่อย่างนั้นก็มาว่ายน้ำกลางดึกให้สร่างเมา หล่อนนึกได้อย่างนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปสู่วิลล่าและมุ่งเข้าสู่ห้องนอนเล็กเพื่อแทรกตัวเข้าพักผ่อนให้แขกได้นอนห้องนอนใหญ่สุดของบ้านกันแบบไม่เบียดเสียด เพราะมาการ์ริต้าแก้วล่าสุดที่ดื่มเข้าไปเพิ่งออกฤทธิ์ทำให้หล่อนเมาเพิ่มมากขึ้นไปอีก
สติของหล่อนพาหล่อนเข้าไปที่ห้องนอนด้วยสัญชาติญาณและเปิดประตูออก ความเหมือนกันของวิลล่าคิมิยะกับหลังที่อยู่ถัดมาทำให้ปริมรตาแทบไม่รู้ว่าหล่อนเข้าวิลล่าผิด หญิงสาวเดินมาที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนลงไป ไม่สนใจเงาตะคุ่มที่นอนอยู่ก่อนนั้นเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนใหม่ของหล่อนที่เดินเข้าห้องผิด
เมื่อเตียงอ่อนยวบลง องศาที่เมาอยู่ไม่น้อยก็พลิกตัวกลับมา ได้กลิ่นหอมกรุ่นและจับต้องได้ถึงร่างนุ่มนิ่ม ก็ครางฮือออกมาอย่างพอใจเมื่อนึกว่าสิ่งที่รอคอยมาถึงแล้ว
“แพร มาช้าจังนะ แต่ก็ดีกว่าไม่มา” เขาพูดเสียงอ้อแอ้ มือหนาของคนไม่มีสติแต่ยังมีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยมดึงร่างเล็กที่เมามายถึงขั้นสูงสุดเข้าหาตัวโดยที่ไม่รู้ว่าหล่อนไม่ใช่คนที่เขารอ!
ในความมืดมิดแห่งราตรีกาล สองร่างของคนที่เมามายไม่ได้กำลังกอดเกยกัน คนร่างใหญ่กว่ารุกล้ำอย่างแข็งแกร่งเร่าร้อนเหมือนเสือหิวอดโซเพิ่งเจออาหารโอชะและอีกคนที่แทบไม่รู้เรื่องอะไรพยายามดิ้นรนหนีอย่างรำคาญแต่แรงอันน้อยนิดก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
สุดท้ายผลของน้ำเมรัยก็ทำให้อุบัติเหตุที่เขากับหล่อนต่างไม่คาดฝันเกิดขึ้นจนได้
