บทที่2พี่แทน
เมื่อไฟเขียวธีรพลก็ให้ลูกน้องขับรถไปจอดริมทาง รองเท้าคู่สวยถูกวางลงบนพื้นฟุตบาท ลิลลดามองมันด้วยความดีใจ ซาบซึ้งใจที่มีโอกาสได้สวมใส่รองเท้าดี ๆ อีกครั้ง
“ลองใส่ดูว่ามันพอดีไหม?”
ธีรพลยิ้ม เขาไปทำงานต่างจังหวัดหลายปีไม่ได้มีโอกาสผ่านมาทางนี้เลย เขายังจำได้ไม่ลืมว่ามีเด็กน้อยขายพวงมาลัย ที่เขากับลูกเคยมอบรองเท้าให้ พอได้ผ่านมาอีกครั้ง เจอหนูน้อยคนนี้อีกหน แม่ค้าตัวน้อยสูงขึ้นแต่ผอมเหมือนเดิม
“พอดีเลยค่ะคุณลุง” ลิลลดายิ้มแก้มแทบแตก
“ผมบอกแล้วว่าเธอต้องใส่พอดี” เสียงนั้นมาพร้อมรอยยิ้ม ลิลลดามองเจ้าของเสียงที่นั่งเบาะข้าง ๆ ก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจ
พี่ชายคนนั้น คนที่เธอเคยเจอเมื่อสามปีที่แล้วก็มาด้วย ลิลลดาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่เขาอีกครั้ง และที่สำคัญเขาหล่อเหลาโตเป็นหนุ่มแล้ว ต่างจากเธอที่ยังเป็นเด็กกะโปโลผอมแห้งมอมแมมอยู่เลย
“พะ…พี่”
“พี่แทนคุณ จะเรียกว่าพี่แทนเฉย ๆ ก็ได้นะ” เด็กหนุ่มส่งรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นมาให้ เขาดูเป็นผู้รากมากดี แต่กลับไม่ได้ดูแคลนตัวเธอเลยแม้แต่น้อย
“ลินเรียกได้เหรอคะ?”
“ได้สิ”
“ค่ะ”
“แล้วค่าพวงมาลัยเท่าไหร่ล่ะหนูน้อย”
“เหมาทั้งหมดเลยเหรอคะ?”
“ใช่ ทั้งอันที่กำลังขาย และอันที่ร้อยแล้วยังไม่เอามาขาย ลุงจะเหมาหมด”
“ค่ะ” ลิลลดายิ้มแล้วรีบนับพวงมาลัย จากนั้นก็มานับที่ปรางแก้วร้อยเอาไว้ที่ร้าน
“ทั้งหมดเจ็ดสิบพวงค่ะ เป็นพันสี่ค่ะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดเจน นับพวงมาลัยวนอยู่หลายรอบ ก็ได้เจ็ดสิบพวงตามเดิม ถึงแม้จะเป็นเด็กแต่ก็คุ้นชินกับการค้าขาย เธอจึงทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว
“ลุงให้หนูพันสี่เป็นค่าพวงมาลัย”
ธีรพลหยิบธนบัตรออกมานับแล้วยื่นให้ ลิลลดารีบมานับเพื่อความชัวร์แล้วเก็บใส่ในกระเป๋าคาดเอว
“ส่วนนี้ให้ต่างหาก ลุงให้หนูเก็บไว้เรียนหนังสือ ซื้อชุดนักเรียน ซื้อรองเท้านักเรียนใหม่”
แบงค์พันสี่ใบถูกยื่นให้ เด็กน้อยทำหน้าลังเล ไม่กล้ารับเพราะเงินมันมากเกินไป
“ลุงให้จริง ๆ เหรอคะ?”
“ใช่ รับไปเถอะ” ลิลลดาลังเลก่อนจะยกมือไหว้รับเงินมา
ลิลลดากลับบ้านด้วยหัวใจลิงโลด เอาเงินเก็บไว้ใต้หมอนอย่างดี วันนี้มารดาของเธอไม่อยู่บ้านคงออกไปดื่มอีกตามเคย ตกดึกมาบ้านแล้วก็จะโวยวายเสียงดัง เธอคุ้นชินมันเสียแล้ว เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน
เด็กน้อยรีบไปซื้ออาหาร วันนี้น้าปรางแก้วให้เธอมาสามร้อย เธอจึงซื้อข้าวสารไข่ไก่ปลากระป๋อง เอาไว้กินกับแม่ได้หลายวัน ส่วนเงินสี่พันที่คุณลุงให้ เธอจะเก็บเอาไว้ไปซื้ออุปกรณ์การเรียน และเอาไว้จ่ายค่าบ้านเช่า ที่แม่ของเธอค้างเอาไว้
พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นบนท้องฟ้า เด็กน้อยนั่งมองพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ แม้ชีวิตจะเจอเรื่องร้ายๆ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเจอเรื่องดี ๆ อย่างน้อยคุณลุงกับพี่แทนคุณ ก็เป็นสิ่งดี ๆ ในชีวิตของเธอ
“อีลิน! อีลิน!” เสียงตะโกนดังอยู่หน้าบ้าน ลิลลดารีบเก็บรองเท้าที่คุณลุงซื้อให้ใส่ลัง แล้วก้าวเท้ายาว ๆ เดินตรงไปหามารดา วันนี้ท่านแต่งตัวสวยถือขวดเหล้าดื่มจนเมามายเหมือนอย่างเคย
“มาแล้วจ๊ะแม่”
“เอากูขึ้นบ้านที” ลิลลดาไม่พูดอะไรต่อแต่รีบเข้าประคอง มารดาของเธอเมาหนักทำตัวปวกเปียก กว่าจะขึ้นไปบนบ้านได้ก็ทุกลักทุเล เธอรีบเอาหมอนเก่าๆ มาหนุนให้มารดา จัดแจงเช็ดตัว เเม้กลิ่นเหล้าคลุ้งหนักจนทำให้ปวดหัว ลิลลดาก็เช็ดตัวให้จนสำเร็จ จากนั้นก็รีบกางมุ้งให้
“อีลูกเวร! มึงเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตกู อีเด็กเวร!” ลัดดาด่าทอพร้อมกับเกาพุงตัวเอง ลิลลดามองแล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ วันนี้แม่ของเธอคงไม่ได้กินข้าวเย็นเหมือนอย่างเคย เพราะไปดื่มเหล้าจนเมามาย
เด็กน้อยกลับมานั่งที่เดิมเปิดไฟดวงเล็กๆอ่านหนังสือ มันเป็นหนังสือเก่าๆที่คนในระแวกนั้นเอามาให้ ทำให้เธอได้อ่านทุกวัน เพื่อมีความรู้ติดตัว
ผ่านไปอีกวันลิลลดากลับมาจากขายพวงมาลัยก็เห็นมารดานั่งอยู่ วันนี้มีเพื่อนผู้ชายและผู้หญิงมานั่งดื่มด้วย ลิลลดารู้สึกใจหวิวรีบเดินขึ้นไปบนบ้านเธอรีบเปิดดูหมอนที่เอาเงินเก็บเอาไว้ สุดท้ายเงินที่เคยมีได้อันตธานหายไป
“แม่เอาเงินหนูไปเหรอ?” เด็กน้อยเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ เงินที่เธอเตรียมเอาไว้จ่ายค่าเช่าป้าสมศรีก็อยู่ในนั้นด้วย เมื่อเช้าหล่อนจะเอาเงินไปจ่ายแต่ป้าสมศรีไปวัด ลิลลดาก็เลยกะว่าจะจ่ายในตอนเย็น สุดท้ายเงินที่มีทั้งหมดก็ไม่เหลือแล้ว
“เงินมึงที่หนายยยย เงินกูทั้งนั้น!” ผู้เป็นมารดาหัวเราะในลำคอ ไม่ได้สนใจความรู้สึกของลูกสาวตัวน้อยเลยแม้แต่น้อย ทำไมนางต้องสน เมื่อนังเด็กคนนี้เป็นคนทำให้ชีวิตหล่อนพังยับเยิน โดนผู้ชายทิ้ง ตกงาน ชีวิตไม่มีค่าอะไรสักอย่าง
“เงินลินเอาไว้ในหมอน เงินที่คุณลุงให้ ลินจะเอาไว้ซื้ออุปกรณ์การเรียน และเอาไว้จ่ายค่าเช่า” ลิลลดาเข้าไปจับเเขนของมารดา เด็กน้อยน้ำตาเอ่อคลอนัยน์ตาคู่สวย มองผู้ให้กำเนิดอย่างเสียใจ
“แล้วกูต้องสนไหม?” ลัดดาสะบัดแขนอย่างไม่พอใจ ทำให้ร่างเล็ก ๆ ของลูกสาวล้มชุนไปกับพื้น นางไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจ ไม่เคยสนว่าลูกสาวของนางจะเสียกับสิ่งที่ทำหรือไม่ก็ตาม “ต่อให้มันเป็นเงินมึง กูจะใช้มึงจะทำไม?”
“ฮึก ๆ แม่” ลิลลดาร้องไห้ มองมารดาด้วยสายตาผิดหวังเสียใจ น้อยใจ จะมีสักครั้งไหมที่ชีวิตหล่อนจะมีความสุขสักวัน “แม่ใจร้ายกับลินจัง ฮือๆ”
“อย่าเอาน้ำตามาอ้าง ไสหัวไปไหนก็ไปกูจะแดกเหล้า!” ลัดดาผลักร่างบุตรสาวล้มลงอีกครั้ง เพื่อนในวงเหล้าต่างไม่มีใครห้ามปรามการกระทำ นั่งดื่มเหล้าต่อโดยไม่รู้สึกอะไร
“ดื่มกันต่อเร็ว” สุเทพยื่นแก้วเหล้าให้ ลัดดารีบรับแล้วกระดกเข้าปากรวดเดียว
