บท
ตั้งค่า

9

“มายด์หยุดเดี๋ยวนี้ มายด์” เสียงเรียกที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้มาระดารีบสาวเท้าให้ไวขึ้นมากกว่าเดิม

ตั้งใจว่าจะเดินไปที่หน้าปากซอยของหมู่บ้านเศรษฐีแห่งนี้ แล้วเรียกแท็กซี่กลับ

แต่ดันมาสะดุดขาตัวเองจนเกือบจะล้มคว่ำ เพราะเดินเร็วเกินไป

“อย่าเพิ่งค่ะ อย่าเพิ่งซ้ำเติม” เธอหันไปมองเขา ขณะที่กำลังทรงตัวได้ ไม่ให้หน้าคะมำไปกับพื้นถนนทางเข้าตัวบ้านของธนทรัพย์สมบูรณ์

คนเดินตามมาทันพอดีนั้น ดวงตาฉายแววตกใจออกมาชัด พร้อมมาช่วยพยุงเธอแบบเร่งรีบ ไม่ได้สนใจคำพูดใดๆ ที่พยายามถือดีและดื้อดึงใส่เขา

“อย่าดื้อ” ว่าพร้อมมองไปยังส้นรองเท้าของเธอ ที่เหมือนจะทนแรงกระแทกไม่ไหว หักเหออกจากเส้นทางเดิมของมันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับหัก

“ถอดรองเท้าออก” ไม่ได้สั่งธรรมดา แต่ก้มลงไป จัดการถอดออกให้ จนมาระดาใจเต้นแรงขึ้น มองเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

นานมาแล้วล่ะ ที่เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้

แล้วอะไรแบบนี้นี่ล่ะ ที่ทำให้เธอประทับใจและแอบปลื้มเขามาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเจอ

เขาทำด้วยวิสัยของพี่ชายที่แสนดี แต่เธอสิ ประทับใจในแง่ที่แก่แดดแก่ลมกว่านั้น...

“รองเท้าคู่นี้ซื้อเองเหรอ” เขาว่าอย่างไม่ค่อยคุ้น ยี่ห้อก็ไม่คุ้น และคุณภาพของมันก็น่าจะตามราคา

“ค่ะ” ตอบแบบไม่ยอมสบตากับเขา รู้ตัวว่าผิด ที่แอบซื้อของราคาถูกใช้ นั่นถือว่าเป็นการขัดคำสั่งเขาเป็นรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่

“พี่เคยสอนว่ายังไง” พอถอดรองเท้าออกให้เธอทั้งสองข้างได้สำเร็จ เขาก็ลุกขึ้นมา โดยที่สองนิ้วมือใหญ่ ที่ได้คล้องรองเท้าส้นหักของเธอเอาไว้ แบบไม่นึกรังเกียจ

“ทราบค่ะ แต่ว่ามายด์ชอบเปลี่ยนรองเท้าบ่อยนี่คะ ก็เลยไม่อยากจะซื้อคู่แพงมาก อีกอย่างก็เกรงใจพี่กฤชด้วย...” เธออธิบายเสียงอ่อย

ไม่กล้าสบตาสีไม้โอ๊คของเขา ที่จุดประกายไฟขึ้นมากรุ่นๆ

นี่สินะที่เขาเรียกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก!

“แล้วเป็นยังไง มันไม่สำคัญหรอกว่าแพงหรือไม่แพง มันสำคัญที่คุณภาพ ตามมาด้วยความปลอดภัย”

สีหน้าและน้ำเสียงเหมือนเธอไปทำใครตาย ยิ่งทำเอาดวงตาใสๆ แดงก่ำ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กฤชดุเธอจริงจัง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเคยชินขึ้นมาได้เลย

มาระดาดูแก่แดดก็จริง แต่เธอไม่เคยจะฉวยโอกาสที่ได้รับนี้ ยกระดับตัวเองให้กินหรูอยู่แพงหรืออวดโอ้ใส่ใคร

ที่คบกับเพื่อนรักเพียงคนเดียวอย่างทิชาได้ ก็เพราะว่ามีนิสัยไม่ยอมใครคล้ายคลึงกัน

ไม่ใช่เพราะว่ามีอันจะกินเหมือนกัน ทิชากินหรูอยู่แพงตามพื้นฐานครอบครัวก็จริง แต่กลับชอบที่จะใช้ชีวิตติดดินไปกับมาระดา แบบที่ไม่เคยมีใครได้รู้

“สำนึกผิดแล้วค่ะ ต่อไปนี้ จะใส่แต่ของคุณภาพเลิศเท่านั้นค่ะ” น้ำเสียงหงอยๆ นั่น เขารู้ว่าเธอก็ยังคงจะทำเหมือนเดิม

เพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกไงล่ะ!

“เดี๋ยววันเสาร์พี่พาไปซื้อใหม่ ขาดเหลืออะไรก็สำรวจเอาไว้ให้ครบ” ก็เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า ความไม่เคยให้ขาดตกบกพร่องของเขา ทำให้เธอรู้สึกยิ่งเกรงอกเกรงใจ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ขาดเหลืออะไรเลย จะพยายามใส่รองเท้าซ้ำๆ เอาก็ได้ค่ะ”

“ตามใจ ทีแรกก็ว่าจะพาไปเที่ยวพักผ่อน”

“ไปค่ะ! ไปเที่ยวพักผ่อนค่ะ” ว่าพร้อมทำหน้ายิ้มแฉ่ง แอบดีใจนิดๆ ที่เขาลืมสาเหตุที่วิ่งตามเธอออกมาไปเสียหมดสิ้นแล้ว

“ไปขึ้นรถ มีเรื่องที่จะต้องอบรมกันยาวอยู่” แต่เหมือนว่าเขาจะอ่านแววตาดีใจของเธอออก ความดีใจที่ไม่ใช่แค่ว่าเขาจะพาไปเที่ยว

“นึกว่าจะรอดแล้วเชียว” ทำเป็นพูดอุบอิบ และจะคว้ารองเท้าตัวเองออกมาจากมือเขา เธอมองว่ามันไม่เหมาะสมเอาซะเลย ที่ร่างสูงใหญ่สมชายชาตรี

จะมาหิ้วรองเท้าให้สตรีตัวน้อยๆ อย่างเธอ

“เดี๋ยวถือให้ เดินไปเถอะ ระวังด้วย...เผื่อมีเศษอะไรคมๆ บนพื้น”

ความห่วงใยฉบับเขา ทำเอาเธอยิ้มไปทั้งดวงตา ริมฝีปากกรุ้มกริ่มขึ้นมา เดินนำเขาไปยังรถเบนซ์คันสีดำด้าน ที่จอดอยู่ในโรงรถ

พอรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่มาได้สักพัก กฤชก็เริ่มพูดถึงพฤติกรรมของเธอ ที่ไม่เหมาะสมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ โดยที่มีคนจอมดื้อเอ่ยปากอธิบายเป็นระยะๆ

“นี่ล่ะน้า ที่เขาบอกว่าทำดีมาร้อยครั้ง มาเสียหายหมดตอนผิดแค่ครั้งเดียว รู้งี้ทำไม่ดีมาตั้งแต่แรกเสียดีกว่า”

เธอหมายถึงการพยายามสงบปากของตัวเอง ที่ทำได้ดีมาตั้งแต่เริ่มงาน แต่มาเสียตอนพูดไม่กี่ประโยคตอนท้าย

“ยังอีกนะมายด์”

“แล้วอีกอย่าง มายด์ก็ไม่ได้ผิดอะไรซะหน่อยนี่คะ มายด์ก็แค่พูดว่า มายด์มีสิทธิ์แล้ว เพราะอายุ 18 ปีแล้ว มันไม่ถูกเหรอคะ?”

ริมฝีปากบางที่มีสีอมชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ เอื้อนเอ่ยเจื้อยแจ้ว

“มันจะถูก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเราตั้งใจกวนผู้ใหญ่เขา” กฤชพูดเสียงนิ่ง เขาดูคลายความกรุ่นโกรธลงแล้ว แต่ใบหน้ายังคงทำเข้มใส่เธออยู่

“แล้วพี่กฤชคิดว่าแม่พี่กฤชพูดถูกเหรอคะ ที่บอกว่ามายด์ไม่มีสิทธิชอบพี่กฤช ไม่เหมาะสมกับพี่กฤช”

เธอหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่มองตรงไปยังท้องถนน และเห็นแววตาของเขาสะดุดเล็กน้อย ใจตัวเองก็เลยพลอยสะดุดตามไปด้วย...

“ถูก เราสองคนไม่เหมาะสมกัน” เขาพูดเหมือนท่อง แต่เธอก็รีบเอามือปิดหู

“พี่กฤช! พูดอะไรผิดๆ ออกมาแบบนั้นคะ มายด์เข้าใจในความหมายที่พี่กฤชกำลังจะสื่อค่ะ พี่กฤชใช้คำผิดค่ะ

ต้องใช้คำว่า...สถานะทางสังคมของเราสองคนตอนนี้ ยังไม่เหมาะสม แค่ตอนนี้เท่านั้นนะคะ ไม่ใช่ไม่เหมาะสมเลยสักด้าน อย่างที่แม่พี่กฤชพูด”

ความพยายามอธิบาย เหมือนคนเถียงอยู่เถียงกินของเด็กสาว ยิ่งทำเอาเขาปวดหัว

“แล้วยังไง คิดว่าการที่ได้เป็นคนพูดถูก มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเหรอ” มาระดาเม้มริมฝีปากเข้า สะดุดกับประโยคนี้ของเขา

“บางครั้ง เราจะยึดแค่ความถูกต้องมันก็ไม่พอสำหรับการใช้ชีวิตในสังคมหรอกนะ ความถูกต้องมันก็ต้องมาพร้อมกาลเทศะ”

ดวงตาใสเริ่มกรอกไปมา ถ้ามีกระดองให้หดคอได้เหมือนเต่า เธอคงจะหดเข้าไปให้ลึกสุดกระดอง

“ความถูกต้อง ที่ไม่ถูกกาล พูดไปมันก็ยิ่งผิด การอยู่ในสังคมมีบรรทัดฐาน แต่ไม่ใช้ไม้บรรทัดที่จะตรงไปตรงมา

แต่มันคือสายวัดที่จะต้องโค้งไปตามสิ่งที่เราจะต้องวัดด้วย...

พี่รู้ว่าเหตุการณ์วันนี้ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไร ไม่ได้ผิดเยอะแยะอะไร แต่เราก็ต้องเข้าใจเอาไว้ ว่าเวลาไหนควรพูด

เวลาไหนควรฟัง เวลาไหนควรปล่อยไป ความถูกต้องมันจะเป็นเรื่องดี ถ้าใช้อย่างถูกที่และถูกเวลา”

กฤชสอนเธออย่างตั้งใจ เพราะตั้งแต่ที่เขาให้เธอไปอยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย โอกาสที่จะได้อบรมกันแบบนี้ ก็ไม่ได้มีบ่อยๆ

“มายด์ขอโทษค่ะ มายด์เข้าใจแล้ว...” แววตาใสที่แสดงถึงความสำนึกผิด และเปลือยความรู้สึกเข้าใจออกมาเป็นระยะตลอดเวลาที่เขาพูดไปด้วย

ใช้หางตาสังเกตเธอไปด้วย ทำให้ผู้ปกครองจำเป็นอย่างเขา สบายใจขึ้น

ทุกคราที่เห็นน้องสาวเพื่อนทำตัวไม่น่ารัก ใบหน้าของมณฑลก็จะลอยมา คำสัญญาที่ได้ให้กับเพื่อนรักไว้ ก็ตามติดมาด้วย

“และชีวิตจริง บางครั้งเราก็ต้องยอมขอโทษแม้วันนั้นเราจะไม่ได้ผิด เพื่อให้สถานการณ์บางอย่างคลี่คลาย”

นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เขาอยากจะให้เธอมีติดตัวเอาไว้

“ทำไมละคะ?”

“ไม่ผิด ก็ต้องขอโทษ มันถูกต้องอยู่เหรอคะ?” เสี้ยวหน้าคมผินมาทางเธอเล็กน้อย ก่อนกลับไปตั้งตรงดังเดิม

ตวัดลำแขนแกร่งบังคับพวงมาลัยให้ไปตามเส้นทาง ที่น่าจะใกล้ถึงคอนโดที่ตัวเองซื้อให้เธอแล้ว

“ความถูกต้องเป็นสิ่งที่ควรยึดถือ แต่พอเรายึดถือไปสักพัก ยึดถือมากๆ เราก็จะรู้สึกเมื่อย รู้สึกเหนื่อย จนจำต้องวางมันลง เพื่อให้หายเมื่อยมือ...”

คนตั้งใจฟังขมวดคิ้วตาม พร้อมเอียงต้นคอ

“วันนี้ยังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แค่รู้เอาไว้ เมื่อวันหนึ่งจำเป็นจะต้องใช้ จะได้หยิบเอามาใช้ได้ แบบไม่รู้สึกใจจะขาด”

“หือ ใจจะขาดเลยเหรอคะ?” กฤชหัวเราะออกมาเล็กน้อย ให้กับสิ่งที่ตัวเองเลือกที่จะเปรียบเปรยนั้น

เขานึกถึงตัวเอง ในวันที่ยึดถือความถูกต้องในการดำเนินชีวิตมาตลอด แต่พอวันหนึ่งจะต้องวางมันเอาไว้ก่อน

กลับรู้สึกรับไม่ได้...มันรู้สึกค้านในใจ และพอจำเป็นต้องวางมันลงจริงๆ ก็รู้สึกว่าใจมันแทบจะขาด

แทบจะขาดได้จริงๆ

เขาไม่อยากให้เธอต้องเผชิญเหมือนตัวเอง จึงสอนให้เธอได้รู้เอาไว้ และหยิบมาใช้เมื่อวันเวลาแบบนั้นได้เดินทางมาถึง

“พี่หมายถึงความรู้สึกที่เราจะต้องทำอะไรที่มันฝืนใจตัวเองมากๆ นั่นแหละ อันเดียวกัน”

เด็กฉลาดอย่างมาระดาเริ่มเรียบเรียงคำพูดของเขาเชิงขบคิด ก่อนพยักหน้า

“ก็ได้ค่ะ มายด์จะรับฟังเอาไว้...ขอบคุณนะคะที่พยายามสอนแต่สิ่งดีดีให้มายด์” แม้เธอจะแก่แดดเรื่องชอบเขา

แต่เรื่องอื่นๆ มาระดาในสายตาของกฤช ก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง

ถ้าตัดเรื่อง ที่ชอบก่อเรื่องให้เขาต้องปวดหัวออกไปน่ะนะ!
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel