1
‘ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่’
ประโยคยอดฮิตที่ได้ยินมาจนชินชา...ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง ในคราที่มาเผชิญปัญหายุ่งยากในชีวิต
ที่ไม่ใช่ปัญหาแรกหรอก...
“เรียบร้อยแล้วครับคุณกฤช”
ประโยคนี้ย้ำเตือนให้คนนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยด้วยใบหน้าแสนเนือย แต่ดวงตากลมโตก็ยังฉายความสดใส ขยับตัวเล็กน้อย
ตวัดหางตาไปยังต้นเสียงก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างรู้งาน
“เดี๋ยวยังไงทางเราจะติดต่อกลับไปอีกทีครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับใดหลุดออกมาจากปากคนตัวสูง นัยน์ตาสีไม้โอ๊คปรายมายังคนต้นเรื่องเล็กน้อย
เพียงแค่นั้นคนเข้าใจในความหมายก็ลุกขึ้นยืน พร้อมเดินตามเขาออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างว่าง่าย
สถานที่...ที่รวมคนทำผิดพลาดเอาไว้ แต่ถ้ามีเงินเมื่อไหร่ก็จะได้ออกไป เร็วหน่อย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก
ไม่ใช่ครั้งที่สองด้วย
ใช่ล่ะ...มันนับครั้งไม่ถ้วนที่เด็กสาวสร้างแต่ปัญหา!
หลังจากที่ล้อรถแล่นลิ่วออกมาตามท้องถนนในยามค่ำคืน ก็ไม่มีแม้เสียงใดเอื้อนเอ่ยออกมา
เด็กสาวที่เข้าสู่วัย 18 ปีมาหมาดๆ ในชุดล่อแหลม เสื้อสายเดี่ยวตัวบางที่เผยให้เห็นเนินอกสาวเต็มวัยอวบอิ่มรัดรูป เอวลอย
มีกางเกงยีนเอวต่ำสีซีดตัวยาวลาดรับเอวบางให้จมหายไปอย่างน่าจินตนาการต่อ
เธอนั่งเคียงข้างไปกับเจ้าของรถเบ๊นซ์สีดำด้าน ที่ไม่แม้แต่ปริปากออกมาสักคำ มีเพียงลักษณะหลุดลุ่ยของเนกไทสีเทาที่คล้องอยู่บนคอของเขาเท่านั้น
ที่บ่งบอกว่าเขา หงุดหงิด เพียงใด
สายตาซุกซนของเด็กสาว มองไปยังลำคอแกร่งเหนือเนกไท ที่มีลูกกระเดือกชูอยู่...และเคลื่อนไหวเป็นระยะ
รับกับกล้ามเนื้อเครียดบริเวณรอบนั้น ที่ตึงแน่น
เธอไม่รู้...ว่าตอนนี้เขากำลังคิดเช่นไร
ไม่เคยรู้มาตลอด!
“ยังไม่สำนึกผิดอีก” และในที่สุดเขาก็ทนสายตาแทะโลมของคนแก่แดดไม่ไหว
มีอย่างที่ไหนทำเป็นเอียงคอลอบสังเกตความเป็นเขาราวกับกำลังทึ้งผ้าออกทีละชิ้น ทีละชิ้น...
“สำนึกผิดเรื่องอะไรเหรอคะ” ถามออกมาหน้าตาย ทั้งๆ ที่ก็รู้คำตอบ
“พี่จะไปส่งที่คอนโด” ว่าอย่างข่มอารมณ์ ทั้งๆ ที่อยากจะทึ้งร่างเธอให้ฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆ มีอย่างที่ไหนมาทำหน้าซื่อตาใส เหมือนตัวเองไม่รู้เรื่อง
“ไม่เอาค่ะ มายด์ไม่อยากกลับคอนโด...”
มันก็เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า เธอดื้อรั้นได้เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง
เนินอกสาวที่ดูจะอวบขึ้นกว่าครั้งก่อนที่ได้พบเจอ หลุดเข้ามาอยู่ในลานสายตาแบบไม่ได้ตั้งใจ
จนคนที่ต้องใช้ความอดทนสูงทุกครั้งกับเจ้าหล่อน...ต้องเมินหนีเสีย
“อย่ามาดื้อ”
“มายด์ยังไม่หายตกใจเลยนะคะ...” ไม่ได้ทำเสียงอ้อนเปล่า ศีรษะเล็กๆ ยังเอียงไปซบที่แขนข้างซ้ายของเขาอย่างเชิงอ่อย
“มายด์” เสียงเข้มเชิงดุของเขา ไม่ได้ทำให้ปลิงอย่างเธอหลุดออกไปได้ง่ายๆ
ดวงตาดำขลับกลมโตเหลือบขึ้นมองเขา กะพริบปริบๆ แอบอมยิ้มในหน้าเมื่อเห็นเขาตัวเกร็งแข็งทื่อขนาดนี้ได้
ไออุ่นจากเรือนกายชายหนุ่มคือความปรารถนา...
ความปรารถนาที่เด็กสาวต้องการที่จะครอบครอง เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างเธอ เขาเป็นคนเดียวแล้วที่เธอเหลืออยู่
เพราะฉะนั้น...
เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองเขาตลอดไป แม้มันจะเป็นวิธีที่ไร้ยางอายและเห็นแก่ตัวที่สุดก็ตาม!
มาระดา สินสังเวช หรือมายด์ตกอยู่ในความดูแลของ กฤช ธนทรัพย์สมบูรณ์ ตั้งแต่อายุ 14 ปี
เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีตามคำสั่งเสียของเพื่อนรัก อย่างเสียไม่ได้
‘ฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากแก...ฉันคิดว่าฉันไว้ใจแกได้’ ช่างเป็นคำฝากฝังที่น่าหนักใจสำหรับผู้ที่ต้องแบกรับภาระยิ่งใหญ่ และมิอาจปฏิเสธ
‘น้องมายด์ขอไปนอนที่บ้านพี่กฤชด้วยคนนะคะ...น้องมายด์ไม่อยากอยู่คนเดียวตอนนี้’
และแน่นอนว่าประโยคออดอ้อนนั้นเป็นผล ตอนนี้เด็กสาวกำลังอาบน้ำอยู่ชั้นบนของบ้าน เป็นห้องอีกห้องหนึ่งที่เธอเคยอยู่
ก่อนที่เขาจะซื้อคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยให้เป็นของขวัญ
เธอย้ายออกไปอยู่ที่นั่นเมื่อต้นปี แต่ก็ยังหาเรื่องที่จะแวะเวียนกลับมาหาเขาที่บ้าน
บ้านที่เขายอมซื้อเพื่อที่จะให้เธอมาอยู่ด้วย ตั้งแต่ที่พี่ชายของเธอเสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย เมื่อ 4 ปีก่อน
“น้ำที่บ้านเย็นชื่นใจจังเลยค่ะ...ไม่เหมือนที่คอนโด อาบยังไงก็ไม่สดชื่น”
สายตาเรียบเฉยตวัดไปมองเรือนร่างที่โตเต็มวัย ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว มีผ้าเช็ดผมสีขาวม้วนทบไว้บนศีรษะ
ส่งกลิ่นหอมสะอาดของครีมอาบน้ำและแชมพูโชยมาชัด จนเขาต้องเบิกตาขึ้น
“มายด์” เสียงเข้มดังขึ้นตามไปด้วยเชิงดุ
“คะ? อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วย...หรือว่ามายด์ยืนไกลไป” แม่สาวน้อยขยับเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่อัตโนมัติ
“มายด์” เขาเตือนอีกครั้ง...ด้วยใบหน้าที่เข้มขึ้น สันกรามขบเข้าหากัน แต่คนที่ไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวคำขู่ใดๆ ได้มาทรุดนั่งลงบนตักของเขาเรียบร้อยแล้ว
กลิ่นหอมสะอาดจากเรือนกายสาว ปลุกเร้าห้วงอารมณ์ลึกของบุรุษของเขาได้แน่ แต่มันไม่ใช่เวลา!
“มีอะไรก็พูดมาสิคะ เรียกอยู่ได้” เสียงพร่ากระซิบข้างหูราวกับเป็นสาวเร่าร้อน
มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอยากจะจับหล่อนปู้ยี้ปู้ยำ แต่อยากจะขยำคอฆ่าต่างหาก!
“ลงไป” พยายามที่จะสงบใจ ไม่ให้ตัวเองเผลอพูดจารุนแรงใส่หล่อน
เขาเคยทำมาแล้ว...และมันก็ส่งผลเสียมหาศาลตามมา เขาไม่อยากที่จะเสี่ยง
‘มันเหมาะสมแล้วหรือตากฤช ที่จะเลี้ยงเด็กสาวที่อ่อนกว่าตนแค่สิบกว่าปี
แกคิดอะไรของแกอยู่...ชาวบ้านชาวช่องเขาจะมองแกยังไง’ คำพูดของมารดาก้องอยู่ในหัวของเขาเสมอ
นั่นถือว่าเป็นสิ่งเดียว ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องยืนหยัดและยึดมั่นในวาจาของตน
‘เรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นครับ’
“ไม่เล่นด้วยแล้ว ไม่สนุกเลย” ความว่างโหวงปรากฏขึ้นที่หน้าตักกว้าง เหลือคงค้างแค่เพียงไออุ่นร้อนปนเย็นจากคนที่อาบน้ำมาหมาดๆ
แต่กลิ่นหอมจากเรือนกายหล่อนยังคงคลอเคลียอยู่แถวปลายจมูก เขาพยายามที่จะกลั้นลมหายใจ...
กลั้นความรู้สึกทั้งหมดให้ดำดิ่งจมลงไปในกายตน ราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
ดวงตาสีไม้โอ๊คทอดมองใบหน้านิ่ว งอง้ำที่ยังคงเนียนใสแม้ในคราที่ยังไม่ได้แต่งแต้มสิ่งใดลงไปบนเนียนเนื้อนั้น
ดวงตากลมโตดำขลับของเจ้าหล่อน ไม่ว่าจะในคราที่ถ่ายทอดความรู้สึกเช่นไร ดูเหมือนจะเคลือบไว้ด้วยมนต์บางอย่าง
ขนตางอนยาวล้อมกรอบความรู้สึกทั้งมวลของหล่อนเอาไว้อย่างแน่นหนา คิ้วโก่งดังคันศรนั่นด้วย
พวกมันช่วยกันขับต้อนใบหน้ากลมมนได้รูปสะกดใจผู้จ้องมองให้ไหวยวบได้ทุกครา
ลมหายใจเชิงอ่อนถูกผ่อนออกมาจากปลายจมูกโด่งคมบ้าง
“พี่สูบนะ” คนอยากจะผ่อนคลายความเครียด หยิบบุหรี่ราคาแพงขึ้นมาหมายจะจุดสูบ แต่คนที่เหมือนจะถอยทัพไปแล้วกลับยื่นมือมาคว้าด้วย
“สูบด้วยสิคะ”
“มายด์” บุหรี่แทบจะหล่นจากมือ ดึงซองบุหรี่ของตัวเองออกมาจากมือหล่อน แต่แม่คนดื้อก็ตามติดจนตัวเกยชิดมาที่เขาอีกหน
“ก็มายด์เครียดนี่นา ก็อยากจะคลายเครียดเหมือนที่พี่กฤชอยากจะทำนั่นแหละค่ะ”
“เครียดเหรอ หึ คนอย่างเราเนี่ยนะที่จะเครียดกับใครเขาเป็น” ว่าอย่างอ่อนใจพร้อมจุดบุหรี่สูบ แบบไม่ได้สนใจว่าหล่อนจะกำลังพยายามเกาะแขนตนอยู่
เขาเหนื่อยแล้ว...เหนื่อยที่จะควบคุมทุกอย่างแล้ว
ใช่ ควบคุมที่สุดก็น่าจะเป็นตัวเอง
“มายด์ขอโทษนะคะ...ที่สร้างเรื่องให้พี่กฤชเดือดร้อนอีกแล้ว” ใบหน้าเนียนใสซบลงบนต้นแขนของเขา พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองปลายคางเขียวครึ้ม
ที่หล่อนปรารถนาอยากจะเอามือลูบไล้
ใครจะว่าหล่อนเป็นเด็กใจแตกอย่างไร หล่อนก็ไม่สน
หล่อนไม่ได้ใจแตก...ใจร่าน อยากจะมีอะไรกับผู้ชายไปทั่วเสียหน่อย
หล่อนแค่รักของหล่อน รักคนคนนี้มาก่อนที่จะต้องมาเป็นเด็กในความดูแลของเขาเสียอีก...
ถ้าเลือกได้หล่อนก็อยากเป็นผู้หญิงทั่วไปที่มีสิทธิจะรักชอบเขา ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาต้องละเว้นเอาไว้...ละเว้นเอาไว้เพราะกลัวคำครหา!
“อยากได้อะไร” กฤชรู้มาตลอดว่า...การทำความเดือดร้อนของเจ้าหล่อน มันคือการเรียกร้องความสนใจอย่างหนึ่ง
“พูดไปแล้วจะได้เลยรึเปล่าคะ”
“มายด์” เสียงเขาเข้มขึ้นเชิงเหนื่อยใจ ก่อนทอดสายตามาสบกับนัยน์ตาดำขลับที่มองมาอยู่ก่อน
“พี่กฤชก็รู้ว่ามายด์ไม่เคยต้องการอะไร...” ในแววตาหล่อนบอกชัดว่ามันมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาน่าจะรู้อยู่แล้ว
“เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้ว”
ใช่...เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่เธออายุ 15 ปี ใช้คำนำหน้าว่านางสาวเป็นครั้งแรก
การคุยกันครั้งนั้น ทำให้เขาห่างเหินเธอออกไปมากกว่าเดิม แม้จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน