บทนำ 2
หลังจากมื้อค่ำจบลงเรียบร้อยแล้ว แวนก็อาสาล้างจานชามให้เหมือนทุกวัน อุษาหายเข้าไปในครัวเพื่อรินนมให้กับตัวเอง ขณะที่โนอาห์กับมาติชพากันออกไปเดินย่อยอาหารกันที่สวนหน้าบ้าน พูดคุยกันว่าจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กสักคน รวมถึงสาวใช้และคนสวนด้วย ตอนนี้รายได้คล่องมือจนเหลือเก็บมากโข คิดว่าคงถึงเวลาเสียทีที่จะเริ่มหาคนมาช่วยทุ่นแรงเรื่องงานภายในบ้านบ้าง
อุษารินนมลงในแก้วใบสวยอย่างช้าๆ จังหวะนั้นเองที่เกิดอาการปวดแปลบที่ช่องท้อง ทีแรกหญิงสาวก็เป่าลมหายใจออกทางปากอย่างไม่เอะใจนัก ด้วยคิดว่าตัวเองคงยืนมากไป ทว่ายังไม่ทันได้เคลื่อนตัวไปนั่งที่เก้าอี้ ความเจ็บปวดคล้ายถูกบีบคั้นก็เกิดขึ้นจนต้องวางเหยือกนมลงบนเคาน์เตอร์ครัว มือบางกุมท้องที่นูนใหญ่เอาไว้แล้วเม้มปากแน่น แวนที่ยืนล้างจานอย่างบรรจงหันมาเห็นอาการนั้น ก็รีบล้างมือแล้วตรงรี่เข้ามาประคองแขนไว้ทันที
“ปวดท้องเหรอครับ?” เด็กชายถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ใช่ พี่ปวดท้อง แต่คงไม่ใช่เพราะจะคลอดหรอกมั้ง มันยังไม่...ไม่ถึงกำหนดตามที่หมอบอกนี่นา”
“เท่าที่ผมอ่านหนังสือมา มันบอกว่าไม่จำเป็นต้องคลอดตามกำหนดเสมอไปนะครับ อาจช้าหรือเร็วตามปัจจัยต่างๆ มากมาย พี่ษาปวดแปลบ เอ่อ...หมายถึงปวดบีบๆ แบบขาดๆ หายๆ ปวดขึ้นมาเป็นระยะถี่ๆ ใช่ไหมครับ” แวนพยายามนึกถึงเนื้อหาในตำราที่ศึกษาอยู่นาน หากอาการของอุษาตรงตามที่ถามจริง นั่นหมายความว่าหลานสาวของเขาคงอยากออกมาดูโลกเต็มแก่แล้ว
“ใช่ มันปวดถี่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วเอ็นโซ” อุษาว่าเสียงสั่น ดวงหน้างามซีดเผือด
“ไปนั่งก่อนนะครับ ผมจะรีบออกไปตามโนอาห์มาให้” เด็กชายร่างผอมบางทว่าสูงประเปรียวช่วยประคองร่างอวบอิ่มของพี่สะใภ้ไปนั่งลงบนเก้าอี้ “หายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ นะครับ ผมจำได้ว่ามันจะช่วยลดความเจ็บปวด รวมทั้งความวิตกกังวล ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
แวนให้ความมั่นใจทั้งที่รู้ดีว่าตัวเองยังเด็กเกินกว่าจะช่วยอะไรได้ ทว่าแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าดวงตาสีฟ้ากระจ่างกับน้ำเสียงหนักแน่นนั้นจะทำให้อุษารู้สึกเบาใจได้มากโข เธอหายใจตามที่เขาบอก และพบว่ามันช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้างจริงๆ รอยยิ้มของแวนผุดขึ้นตรงมุมปาก เมื่อเห็นพี่สาวดูผ่อนคลาย จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปตามพี่ชายทันที
“พี่ษาปวดท้องครับ พี่ต้องพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยโนอาห์!”
“อะไรกันแวน อุษายังไม่คลอดตอนนี้หรอก”
“เชื่อผมเถอะน่า ถ้าผมเดาผิดให้พี่เตะก้นเลยก็ได้ แต่ตอนนี้รีบเถอะครับ เธอปวดมากขึ้นแล้ว” แวนยืนยันแบบนั้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง
โนอาห์หันมองสบตากับมาติช ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาภรรยาตามคำบอกของน้องชาย พบเธอนั่งหน้าซีดเหงื่อกาฬแตกพลั่กเต็มใบหน้า บางอย่างที่ชื้นแฉะอยู่ตรงหน้าขาและไหลราดลงบนพื้นทำให้เขาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง กว่าจะนึกว่ามันคืออะไร แวนก็สวนขึ้นเสียก่อน
“น้ำคล่ำเดินแล้วครับ เร็วเข้า...เธอจะคลอดแล้ว!” พูดจบเขาก็รีบไปคว้ากุญแจรถที่ห้องโถง วิ่งออกไปที่รถเพื่อจัดการเปิดประตูด้านข้างคนขับออกให้
โนอาห์ที่อุ้มภรรยาตามมาส่งร่างอวบอิ่มเข้าไปนั่งบนเบาะอย่างทุลักทุเล ก่อนจะหันมารับกุญแจรถจากน้องชายเพื่อรีบเดินไปยังตำแหน่งสารถี แวนยืนลังเลมองหน้าอุษา เมื่อเธอพยักพเยิดให้ขึ้นรถไปด้วย เขาก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งเบาะหลังเคียงข้างกับมาติชที่ว่องไวไม่น้อยไปกว่ากัน
“เรายังไม่ได้ล็อกบ้านนะครับ” แวนพึมพำ
“ช่างมันเถอะน่า ฉันโทรบอกเจนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้แล้ว ย่านนี้ไม่มีหัวขโมยหรอก แต่ถึงมันจะขโมยฉันก็ไม่โกรธ เพราะวันนี้หลานสาวของฉันกำลังจะออกมาให้ชื่นใจแล้ว” ชายชราว่าพลางหัวเราะชอบใจ พร้อมกันนั้นก็ยื่นมือไปแตะไหล่ลูกชายที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้าเบาๆ “เหยียบมิดเลยโนอาห์ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะหัวใจวาย เพราะฉันจะไม่ตายเร็วๆ นี้แน่”
“ครับพ่อ”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ นานมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นดวงตาที่มีประกายความดีใจมากมายขนาดนี้จากบิดา นับตั้งแต่มารดาจากไปเลยก็ว่าได้ กระนั้นเขาก็ไม่ได้ขับรถเร็วมากอย่างที่มาติชบอก เพราะห่วงความปลอดภัยของทุกชีวิตในรถคันนี้ โดยเฉพาะเจ้าหญิงตัวน้อยที่กำลังจะออกมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
ทันที่ถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็พาร่างที่กระสับกระส่ายของอุษาหายเข้าไปในห้องคลอด แวนเดินกระวนกระวายยิ่งกว่าพ่อเด็กเสียอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้ตื่นเต้นดีใจกับการมาของสมาชิกใหม่นัก เขารู้สึกรักเธอทั้งที่เธอยังไม่ออกมาลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ
ทุกลมหายใจเข้าออกในชีวิตของเด็กอาภัพอย่างแวน มีลูกของอุษากับโนอาห์คอยช่วยให้หัวใจเต็มไปด้วยความสุข เขารู้สึกราวกับว่าพระเจ้าประทานเด็กคนนี้มาเพื่อต่อชีวิตเขา และทำให้เขามีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไปในโลกอันแสนโหดร้าย เขาทั้งรักทั้งหวงแหนเธออย่างร้ายกาจเลยทีเดียว
เวลาที่ยาวนานเกือบสองชั่วโมงไม่ได้ทำใจทุกคนร้อนใจน้อยลง ในที่สุดการรอคอยก็ได้จบสิ้นทันทีที่คุณหมอร่างสูงใหญ่เปิดประตูออกมา แจ้งข่าวให้รู้ว่าทารกเพศหญิงที่คลอดออกมาจากครรภ์มารดานั้นแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกประการ อุษาเองก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวล เธอเพียงแค่อ่อนเพลียและหลับไปแล้ว อีกไม่นานคงจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง หากญาติและพ่อของเด็กต้องการเห็นหน้าสมาชิกใหม่ก็ให้ไปดูได้ที่ห้องดูแลทารกหลังคลอด
แวนเดินตามหลังพ่อและพี่ชายไปด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก เมื่อพยาบาลสาวผมสีทองอร่ามพาพวกเขามาหยุดอยู่ตรงกระจกบานใหญ่และยาวเสมอกันทั้งแถบ ดวงตาสีฟ้ากระจ่างก็รีบกวาดมองหาร่างแน่งน้อยของทารกที่มีศักดิ์เป็นหลานสาว เด็กทุกคนดูเหมือนๆ กันหมด กว่าจะรู้ว่าคนไหนคือทายาทคนใหม่ของตระกูลเลอฟรองด์ก็ตอนที่พยาบาลตรงไปอุ้มขึ้นสู่อ้อมแขน แล้วนำออกมาให้ญาติได้เห็นอย่างใกล้ชิด
“พระเจ้า...เธอช่างน่ารักเหลือเกิน”
มาติชน้ำตาคลอเมื่อได้พบหน้าหลานสาว นิ้วอวบยาวแตะแก้มนุ่มนิ่มนั้นอย่างอ่อนโยน โนอาห์เองก็ดีใจจนแทบพูดไม่ออก เขารับเจ้าหญิงน้อยมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะก้มหน้าลงจุมพิตบางเบาบนหน้าผากเล็กที่นูนเกลี้ยง
“สาวน้อยของพ่อ” โนอาห์ยังคงยิ้มกว้าง จนกระทั่งนึกได้ว่าแวนยืนรออยู่ด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาจึงลดแขนของตัวเองลงเพื่อให้น้องชายได้มองอย่างถนัดถนี่
หัวใจของแวนเต้นแรงเมื่อได้พบใบหน้าขาวเนียนน่ารัก ยิ่งเมื่อดวงตาเล็กหรี่ปรือขึ้นเหมือนต้องการสบตา เขาก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบ จดจำดวงตาสีเทาหม่นของเธอได้ในทันที และสรุปได้เลยว่ามันเหมือนดวงตาของโนอาห์นั่นเอง หลานสาวตัวน้อยหาวจนปากจู๋และกะพริบตาเชื่องช้า
ความไร้เดียงสานั้นทำให้แวนอดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าเข้าไปจูบเบาๆ ที่ศีรษะ ซึ่งเต็มไปด้วยไรผมสีน้ำตาลสวยงาม เขายิ้มแล้วพยักหน้าให้พี่ชายกับมาติช ก่อนจะให้สัญญาในสิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่สองคนต้องสบตากันด้วยความประทับใจ
“ผมสัญญาว่าผมจะดูแลเธอด้วยชีวิตของผมเลยครับ”
……………………………………………………………………………………………………………………
