บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 พนักงานคนใหม่ [1/2]

“เจ้หมวยลี่ข้าวมันไก่ต้มโต๊ะสี่นะ ฮัลโหลมีใครอยู่ไหม เจ้...เจ้โว๊ย!”

“ฮะ! อะไรนะ...แกจะตะโกนทำไมเนี่ยไอ้ตี๋ ฉันเกิดหัวใจวายทำไง”

หมวยลี่ใจกระตุกวูบอย่างแรงกะทันหันเมื่อจู่ ๆ เสียงทุ้มแตกหนุ่มแสนคุ้นพลันตะโกนขึ้นข้างใบหูขาว นัยน์ตากลมสวยเบิกกว้างด้วยความตกใจพลันฟาดฝ่ามือเล็กบนแผงอกกว้างไม่ออมแรง จนเรียกเสียงโอดโอยจากร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกาย

“ผมยืนเรียกมาสิบนาทีแล้วเนี่ย เจ้มาตีผมเฉยเลย”

เสียงทุ้มเจือแววบ่นเล็กน้อยเอ่ยขึ้น ขณะลูบเบา ๆ บนแผงอกของตัวเองไปพลาง

“ขอโทษแล้วกัน ว่าแต่ใครใช้ให้แกมาตะโกนใส่ฉันเล่า”

หญิงสาวเอ่ยพลันแลบลิ้นใส่ ตี๋ หรือ น้องชายระแวกบ้านที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้า ซ้ำยังมีรูปร่างแสนเพอร์เฟคที่เอาไว้ตกสาวน้อยสาวใหญ่ หรือแม้กระทั่งชายหนุ่ม ทั้งที่อีกฝ่ายอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น

แต่ทว่าโชคร้ายที่สำหรับหมวยลี่แล้วกลับรู้สึกเฉย ๆ ยามมองใบหน้าของร่างสูงไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกถึงอารมณ์โรแมนติกแม้แต่น้อย แต่ทว่ากลับพานให้นึกถึงสุนัขตัวโตเสียมากกว่า

“ข้าวมันไก่ต้มโต๊ะสี่ไปเสิร์ฟเลย”

“แล้วทำไมแกไม่ไปเสิร์ฟเอง”

“แหม ทำงานวันแรกกะอู้เลยดิเจ้”

“ให้มันน้อย ๆ หน่อยฉันเคยอู้เหรอ” เธอว่าพลันฟาดมือบนลาดไหล่เขา “บอกความจริงมา ทำไมแกไม่ไปเอง”

“มาใกล้ ๆ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง”

ตี๋หันซ้ายหันขวาคล้ายลอบหาบางสิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือเรียกหมวยลี่ที่ยืนข้างกายขยับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกระดับหนึ่ง

“ถ้าแอบหอมแก้มกัน แม่จะต่อยให้คว่ำเลย”

น้ำเสียงหวานเจือแววไม่ไว้ใจเอ่ยพลางยกกำปั้นน้อย ๆ ขึ้นคล้ายข่มขู่ พร้อมสีหน้าแสนจริงจังประดับบนใบหน้าเรียวเล็ก

แต่ทว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มอย่างตี๋หวาดกลัวแม้แต่น้อย แถมยังนึกเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายตัวก็จิ๋วอย่างกับลูกแมวใครเขาจะไปกลัวกัน

ชายหนุ่มยกยิ้มพลันย่อตัวลงยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหูเล็กของพี่สาวที่นับถือ “เจ้เห็นโต๊ะสี่ไหม ที่มีผู้หญิงผมส้ม ๆ นั่งอยู่”

“อาฮะ แล้วไงต่อ”

เธอพยักหน้าขณะที่สายตายังจับจ้องไปยังหญิงสาวที่อีกฝ่ายชี้เป้าดูอายุราว ๆ ประมาณยี่สิบต้น ๆ หน้าตาสะสวยสมวัย เพียงแต่บุคลิกค่อนข้างแปลกชอบกลลุกลี้ลุกลนราวกับมองหาบางสิ่งตลอดเวลาจนเธอแอบขมวดคิ้ว

“ผมกลัวอะ”

“ห๊า! แกไปกลัวอะไรผู้หญิงตัวเล็ก ๆ”

สิ้นเสียงชายหนุ่มทำเอาหมวยลี่หลุดอุทานเสียงดังจนมือหนาต้องยกขึ้นปิดริมฝีปากอวบอิ่มแทบจะทันที พร้อมเอ่ยเชิงดุเบา ๆ

“อย่าเสียงดังดิเจ้ ป่านนี้ได้ยินกันทั้งตำบลแล้วมั้ง”

“แฮะ โทษที” สุ้มเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา พลันไล้มือเกาท้ายทอยแก้เก้อ “แล้วแกกลัวอะไรเล่า”

“เมื่อกี้ตอนเฮียทศใช้ผมไปรับออเดอร์จากโต๊ะนี้ใช่ไหม จู่ ๆ เธอก็พูดอะไรแปลก ๆ ถามว่าผมชื่ออะไร เรียนที่ไหน บ้านอยู่ไหน เจ้ว่าแปลกไหมหรือผมแพนิคไปเอง”

“แปลกดิตี๋อันนี้เรียกคุกคามแล้วไหม คนปกติที่ไหนจะไปถามเรื่องส่วนตัวคนอื่นขนาดนี้ แกโอเคไหม เธอได้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้อีกหรือเปล่า”

หญิงสาวเบิกตากว้างหลังสิ้นเสียงทุ้ม เธอหันไปมองเขาด้วยความเป็นห่วงพลางลูบแผ่นหลังกว้างเบา ๆ คล้ายปลอบประโลม

ในสายตาของหมวยลี่ร่างสูงเปรียบเสมือนดั่งน้องชายแท้ ๆ แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดก็ตาม ยิ่งเห็นท่าทางวิตกกังวลของอีกฝ่ายก็พลันให้เธอต้องคิดทำอะไรสักอย่าง

“เอามานี่ เดี๋ยวฉันไปเอง ส่วนแกรอดูอยู่หลังร้านเผื่อฉันโดนตบ”

น้ำเสียงหวานกล่าวพลางหัวเราะอย่างหยอกล้อ แต่กลับทำเอาใบหน้าหล่อเหลาเหงื่อตก

“เฮ้ยเจ้! เดี๋ยวผม---”

“ไม่เป็นไร”

หมวยลี่หันไปคลี่ยิ้มหวานประดับบนใบหน้าสวย พลันยกมือเรียวเล็กโบกไปมาคล้ายไม่ต้องการให้อีกฝ่ายช่วยเหลือตอนนี้ ก่อนที่ร่างสะโอดสะองในชุดเสื้อครอปสีขาวลายเชอร์รี่จะเดินไปยังโต๊ะเจ้าปัญหา ส่วนต้นขาขาวถูกปกปิดด้วยยีนส์ขายาวสีซีดเอวตํ่าอวดสัดส่วนแสนเย้ายวน ไม่ว่าจะหน้าท้องแบนราบหรือกระทั่งสะโพกผายรับกับเอวคอดได้ดี

“ข้าวมันไก่ต้มหนึ่งจานได้แล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะพอดีคิวลูกค้าเยอะมากเลย”

เธอเอ่ยด้วยนํ้าเสียงสุภาพเชิงเป็นกันเองเล็กน้อยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเกร็งจนเกินไป รอยยิ้มหวานลํ้ายังคงประดับอยู่ไม่จางหายด้วยความมืออาชีพแม้จะรู้สึกแปลก ๆ ก็ตาม

“ขะ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงแผ่ว ขณะเดียวกันกลับจิกเล็บบนมือคล้ายประหม่า

“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าคะ”

ครั้นเห็นท่าทางผิดปกติจากหญิงสาวยิ่งทำให้หมวยลี่ฉงนใจ เลยวางมือบนไหล่เล็กที่สั่นเทาคล้ายปลอบโยนให้อีกฝ่ายใจเย็นลง แต่ทว่ากลับโดนเธอตะหวาดลั่นพลันปัดมือเรียว

“อย่ามาแตะตัวฉัน!”

สิ้นเสียงของหญิงสาวทำเอาทั่วทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบงันพร้อมทั้งสายตานับสิบคู่จับจ้องมายังหมวยลี่ที่ยืนนิ่งค้าง ตอนนี้ราวกับเธอตกเป็นหัวข้อของบทสนทนาของผู้คนภายในร้าน

“อ๊ะ!…ขอโทษค่ะ ฉันแค่...”

“ขอโทษค่ะ!”

ยังไม่ทันที่หมวยลี่จะได้เอ่ยจนจบเสียงเธอพลันถูกแทรกด้วยหญิงสาวคนดังกล่าว ทำเอานัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างคล้ายสับสนเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้ายันกายขึ้นก่อนจะรีบวิ่งหายไปด้วยท่าทีร้อนรน

ท้ายที่สุดแล้วคำถามมากมายพลันเอ่อล้นขึ้นมาภายในใจของร่างเล็ก

เธอเผลอทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ...

“เฮ้ยเจ้! เป็นอะไรไหม”

“ฉันไม่เป็นไร แค่ตกใจนิดหน่อย” ใบหน้าของเธอกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง พลางปรายตามองชายหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

“มือเจ้เลือดออกเหรอ ผมขอโทษ”

“อ๋า สงสัยตอนโดนปัดมือออกคงจะไปโดนเล็บเธอเข้าล่ะมั้ง เดี๋ยวฉันค่อยไปล้างแผลเอา”

หญิงสาวว่าพลางก้มมองรอยข่วนเล็ก ๆ บนหลังมือขาวที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

“มานี่เลย เดี๋ยวผมทำให้”

“หาเรื่องอู้สินะไอ้ตัวแสบ”

เธอเขย่งปลายเท้าพลันดีดนิ้วเรียวบนหน้าผากกว้างด้วยหมั่นไส้

“โอ๊ย ใช่ที่ไหนกันล่ะเจ้ น้องชายคนนี้แค่ห่วงพี่สาวไม่ได้เลยดิ แต่ยอมรับว่าแอบคิดนิดหน่อยแหละ...”

“ว่าแล้วเชียว! ฉันไปล่ะฝากที่เหลือด้วย”

ตี๋ยกมือลูบท้ายทอยขณะเดียวกันนัยน์ตาคมจับจ้องไปยังเรือนร่างสะโอดสะอง ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มแดงระเรื่อเมื่อเผลอเลื่อนสายสายตาไปยังลูกพีชกลมสวยที่โดนยีนส์สีซีดรัดอวดทรวดทรง ก่อนจะรีบเบือนหนีหลังคิดว่าไม่ควร

ให้ตายสิ โชคร้ายที่ไอ้ตี๋คนนี้มันไม่ใช่สเปคของเธอ เขาอุตส่าห์ตามขายขนมจีบมาตั้งนานแต่สุดท้ายเธอดันบอกว่าพี่น้อง ซ้ำยังไม่เคยหวั่นไหวให้กันด้วยดิ

ไม่ใช่สเปคพอว่า เธอบอกเหมือนหมานี่พอเลย

รักแท้แพ้ทรงหมา ไอ้ตี๋มันปวดไปทั้งใจ

ในขณะเดียวกันด้านหมวยลี่ที่พึ่งทำความสะอาดแผลเสร็จ โชคดีที่แผลเพียงเล็กน้อยเลยทำให้ไม่นานเลือดของเธอก็หยุดไหล หญิงสาวพลันคลี่ยิ้มหวานขณะเดินผ่านกลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะชายหรือหญิงแม้กระทั่งเด็กน้อยตัวจิ๋ว และมีบางช่วงที่ต้องหยุดเดินครู่หนึ่งเมื่อมีผู้คนเข้ามาขอถ่ายรูป ทำให้เธองุนงงเล็กน้อยว่าทำไมถึงอยากถ่ายกับเธอกัน แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยปฏิเสธออกไปซ้ำยังเอ็นจอยสุด ๆ

โดยไม่รู้ว่าภาพดังกล่าวล้วนอยู่ในสายตาของทศทั้งหมด ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นใบหน้าสวยกลับมาสดใสอีกครั้ง นัยน์ตาคมยังคงจับจ้องไม่วางตาผ่านกล้องวงจรปิดมุมหนึ่งของร้านของตัวเองพลันล้วงสมาร์ทโฟนสีทึบต่อสายหาใครบางคน

[ครับเฮียทศ]

“เรียกพนักงานคนใหม่มาพบฉันที่ห้อง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel