บทที่ 4
“งั้นมาพิสูจน์กันสักหน่อยไหมว่าผมจะทำให้คุณที่ชอบใช้เงินจะทำให้คุณเสียวซ่านได้มากกว่าไอ้พวกที่ชอบใช้สมองนั่นรึเปล่า”
“คุณจะทำอะไร อื้อ!” คำตอบของเขาเด่นชัดกว่าคำพูดใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อริมฝีปากหนาฉกเข้าครอบงำกลีบกุหลาบที่หวานล้ำ วินาทีแรกคาร์ลเพียงแค่จะสั่งสอนแม่สาวปากดีตรงหน้าให้เข็ดหราบเท่านั้น แต่เมื่อได้ลิ้มลอง ความหอมหวานในโพรงปากของหล่อนกลับกลายมาเป็นยาเสน่ห์ชั้นเยี่ยมให้กับเขาเสียเอง
ชญาวีร์หัวหมุนตาพร่ามัวไปหมดเมื่อจู่ๆ ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอบังเอิญพบกลับกำลังทำเรื่องบัดสีกับเธอและไม่มีทีท่าว่าจะยอมจะหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนของตนเองได้ง่ายๆ มือเล็กพยายามระดุมทุบแผงอกก็แล้ว ส่งเสียงร้องอู้อี้ก็แล้ว แต่ยิ่งเธอส่งเสียงมันก็ยิ่งเหมือนกับว่ากำลังเปิดปากให้เขาได้ลุกล้ำเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ลิ้นสากชอนไชไปทั่วโพรงปากที่หวานล้ำอย่างช้ำชองจนร่างเล็กอ่อนระทวยลงตรงหน้า คาร์ลส่งเสียงร้องชอบใจในลำคอเมื่อเห็นว่าหล่อนเริ่มจะตอบสนองรสสัมผัสของเขาแล้ว การต่อต้านที่เคยมีในตอนนี้กลับหายไปจนหมดสิ้น
ผู้หญิงก็เหมือนกันทั้งโลก
ถูกจุดที่ไวต่อสัมผัสเข้าหน่อยต่อให้ใจแข็งเป็นหินผาแค่ไหนก็ต้องมีวันอ่อนระทวยเข้าสักวัน และมันก็เป็นเช่นนั้นได้ไม่อยากสำหรับหญิงสาวที่ไม่เคยมีเลยสักอย่างแม้แต่จูบแรกอย่างชญาวีร์ ความสั่นไหวลึกๆ ภายในใจนั้นมันทั้งต้องการและอยากผลักไสคนตรงหน้าในเวลาพร้อมเพรียง ความรู้สึกที่ยากจะหาคำใดมาอธิบายนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนอย่างหนัก...
“อื้อ~ อย่านะ!!”
เสียงหวานร้องลั่นเมื่อจู่ๆ มือหนาที่ไม่อยู่สุขก็ค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาใต้สะดือก่อนจะทำท่าว่าจะไล่ต่ำลงไปจุดสงวนในไม่ช้านี้ การกระทำที่หยายช้าของเขาเรียกเอาสติของเธอนั้นหวนกลับคืนมาอีกครั้ง
ราวกับสวรรค์มาโปรดเมื่อประตูห้องถูกกระชากออกอย่างแรงส่งผลให้ชญาวีร์อาศัยจังหวะที่ชายแปลกหน้าเผลอผลักอกเขาให้ออกห่างจากตัวพร้อมกับลุกขึ้นวิ่งหนีออกมาทั้งๆ ที่หัวใจยังเต้นรัวไม่ยอมหยุดกับรสสัมผัสที่เขาจาบจ้วงอย่างไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษที่พึงมี
“แกเคาะประตูไม่เป็นรึไงวะมาคัส!! ดูสิหล่อนเลยหนีไปจนได้ ชิบ!” คาร์ลสบถขึ้นอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังวิ่งหนีจากไปโดยไม่มีแม้แต่จะปรายสายตาหันกลับมามองตนเลยสักนิดด้วยความรู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันสิวะที่ต้องโวยไอ้นี่ แกดันปล่อยให้ฉันนั่งรอเป็นไอ้บ้าถูกสายตานางโรมในบ่อนแทะเล็มอยู่ได้ตั้งนานสองนาน นี่ถ้าคนของแกไปเอากระเป๋าแกที่ลืมไว้ในรถมาให้ ฉันคงจะเป็นไอ้บ้านั่นงรอแกระเริงรักกับแม่สาวหน้าหวานคนนั้นถึงเช้าสินะ”
“แกว่าไงนะ! กระเป๋าฉัน...”
คาร์ลทวนคำของเพื่อนรักขึ้นมาเงียบๆ ก่อนนัยน์ตาสีสวยจะเหลือบไปเห็นกระเป๋าของตนเองในมือเพื่อนรักอีกทีด้วยท่าทีนิ่งๆ
“ก็เออน่ะสิวะ! ลืมได้ยังไงของสำคัญ เกิดทำหล่นเจอขโมยมือดีเข้าไปมีหวังบัตรเครดิตแกคงโดนรูดกระจาย ว่าแต่ผู้หญิงนั่นใครวะ...”
คาร์ลไม่ได้แม้แต่จะสนใจหันไปตอบคำถามเพื่อนรักในเวลานี้เลย ในใจของเขามันกำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ ที่เผลอเข้าใจหล่อนผิดไปทั้งหมด
ไหนจะคำพูดที่เขาด่าทอ ดูถูก
ให้ตายสิวะ!! ทำไมเขาจะต้องสนด้วยว่าแม่นั่นจะรู้สึกยังไง มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาควรจะใส่ใจเลยสักนิด...
ไม่จำเป็นเลยที่เขาจะต้องใส่ใจให้เสียเวลา!
