บท
ตั้งค่า

สี่

“ที่นางพูดมาเจ้ามีสิ่งใดต้องการโต้แย้งหรือไม่”

ใช่แล้ว ซือเซียนเผยยิ้มหวานส่งมาให้บ่าวตรงหน้า แต่น้ำเสียงที่นางเปล่งออกมานั้นดูเต็มไปด้วยพลังและใบหน้าเยือกเย็นประหลาด

“มะ ไม่มีเพคะ !”

“เจ้าบอกว่าชุดและเครื่องประดับที่จัดเตรียมไปให้นั้นล้วนเหมาะสมกับข้าแล้ว ?”

ซึ่งบ่าวนางนั้นก็พยักหน้าพร้อมเชิดหน้าน้อย ๆ อย่างมั่นใจ แน่นอนว่าของที่พวกนางเตรียมไว้ย่อมเหมาะสมเกินคนบ้านนอกคนหนึ่งจะได้รับ

“เย่ปินเปิดหีบและหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาชุดหนึ่งที”

ซือเซียนสั่งจบเย่ปินที่แม้ไม่เข้าใจว่าพระชายากำลังทำอันใดแต่ก็ยอมทำตามสั่งอย่างรวดเร็ว บนมือของเย่ปินมีชุดสีขาวครีมประดับลวดลายเพียงน้อยนิด จากนั้นซือเซียนก็สั่งให้บ่าวที่อยู่ไม่ไกลที่ยืนดูกันอยู่คนหนึ่งเปิดหีบเครื่องประดับเผยให้เห็นของด้านในที่ดูอย่างไรก็ธรรมดาสามารถเห็นได้ตามท้องตลาด จากนั้นซือเซียนก็เดินมาด้านหน้าพร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดังไม่เบาและเต็มไปด้วยอำนาจ

“องค์ชายหยางอี้ผู้เป็นถึงโอรสคนโตขององค์ฮ่องเต้ เป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง ส่วนข้านั้นได้อภิเษกสมรสกับองค์ชายหยางอี้ชาวเมืองต่างรับรู้กันถ้วนทั่ว กลับได้รับเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่ดูด้วยตาก็เห็นว่าสู้ไม่ได้แม้เพียงนางกำนัล ซึ่งเจ้าบอกว่าเหมาะสมแก่ฐานะของข้า อย่างนี้มิได้หมายความว่าเจ้ากำลังดูหมิ่นองค์ชายหยางอี้หรอกหรือว่ามีเกียรติต่ำเสียยิ่งกว่าแม้กระทั่งนางกำนัลคนหนึ่ง”

ด้วยความที่นางกำนัลอย่างเย่ปินถือชุดอยู่จึงเป็นการเปรียบเทียบอย่างชัดเจนว่าชุดที่พวกนางจัดมาให้พระชายานั้นดูดีน้อยกว่าชุดนางกำนัลจริง แม้ว่าคนตรงนี้ส่วนใหญ่จะเห็นพ้องต้องกันว่าพระชายาบ้านนอกผู้นี้ไม่คู่ควรกับเจ้านายตนแต่ก็ต้องหน้าเสียไปตาม ๆกันเมื่อซือเซียนเอ่ยเยี่ยงนั้นออกมา

“หม่อมฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเพคะ !”

บ่าวตรงหน้าละล่ำละลักพูดแทบทันที จนซือเซียนหยักยิ้มมุมปาก

“แล้วเจ้าหมายความว่าอย่างไรงั้นหรือ”

หมายถึงเหมาะสมฐานะสาวบ้านป่าของพระชายาต่างหากเล่า แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา เพราะถึงอย่างไรคนตรงหน้าก็ถือได้ว่าเป็นพระชายาขององค์ชายจริงแม้องค์ชายหรือพวกนางไม่ยอมรับก็ตาม

“ข้า เอ่อ ข้า…”

บ่าวที่เคยปากดีอ้ำอึ้งเสียแล้วจึงมีบ่าวอีกคนเดินหน้ามาเอ่ยแทน

“อย่างนั้นพวกเราจะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับให้เพคะ อาจต้องใช้เวลาสักยี่สิบวันเพคะ”

“ยี่สิบวันเชียวหรือ อย่างนั้นเจ้าทำเสร็จบ้างแล้วค่อย ๆส่งมาก็ได้ มิเช่นนั้นพระชายาจะสวมชุดอันใดเล่า”

เย่ปินรีบเอ่ยเสียงดัง นางนั้นแต่ก่อนเคยเป็นกำนัลเย็บปักในวังมาก่อนย่อมรู้ว่าชุดของเจ้านายที่เป็นชุดธรรมดาชุดหนึ่งใช้เวลาเพียงสองวันก็เสร็จแล้ว

“ชุดของพระชายาพวกข้าต้องพิถีพิถันหน่อยสิ เดี๋ยวทำไม่ดีแล้วไม่ถูกพระทัยของพระชายาจะทำอย่างไรเล่า”

ซือเซียนส่ายหน้าให้เย่ปินเพื่อหยุดยั้งไม่ให้นางเอ่ยตอบกลับ ก่อนเอ่ยเสียงที่ตั้งใจให้คนโดยรอบได้ยินถ้วนทั่ว

“จริงอย่างนางว่า ชุดของข้าครานี้ใช้เวลาทำนานขนาดนั้นคงต้องงดงามสมฐานะอย่างแน่นอน ส่วนวันรุ่งขึ้นนั้นที่ไทเฮาเรียกข้าไปพบเจ้าก็นำชุดพวกนี้เตรียมให้ข้าใส่ไปก่อนก็แล้วกัน ขอบใจพวกเจ้ามาก ต้องลำบากพวกเจ้าทำงานหนักแล้ว”

ซือเซียนพูดจบก็หมุนตัวกลับจะเดินไปที่เรือนตนเองทันที แต่ก็ถูกเสียงสองเสียงที่แทบจะเอ่ยเรียกพร้อมกันดังประสานขึ้น

“เดี๋ยวก่อนเพคะพระชายา !”

“ว่าอย่างไรหรือ”

ซือเซียนแย้มยิ้มอ่อนหวานแต่ในใจรู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก

“อย่างนั้นเดี๋ยวพวกหม่อมฉันจะเร่งฝีมือทำกันเพคะ รับรองว่าพรุ่งนี้ท่านต้องได้รับชุดใหม่อย่างแน่นอน ส่วนชุดที่เหลือพวกหม่อมฉันจะส่งไปให้ภายในห้าวันเพคะ”

สีหน้าท่าทางของคนพูดนั้นรีบเอ่ยจนดูตลกในสายตาหลายคนโดยรอบ บ่าวเหล่านั้นก้มต่ำลงกว่าแต่ก่อนมาก

“หากลำบากพวกเจ้าก็ไม่ต้องรีบก็ได้นะ”

ซือเซียนพูดจบบ่าวหนึ่งในสองคนตรงหน้าที่ตอนนี้คุกเข่าเรียบร้อยแล้วก็รีบเอ่ยขึ้นทันที

“ไม่ลำบากเพคะ”

จะลำบากแน่หากพวกนางปล่อยให้พระชายาสวมชุดเหล่านั้นไปพบไทเฮา

“แต่ข้าเกรงว่าหากพวกเจ้ารีบแล้วจักได้ชุดไม่ดีนะ…”

“ไม่แน่นอนเพคะ พวกหม่อมฉันจะตั้งใจและรีบทำให้สมฐานะพระชายาขององค์ชายหยางอี้แน่นอน”

ไม่รอให้ซือเซียนพูดจบบ่าวคนหนึ่งก็เอ่ยแทรกทันที พวกนางคิดน้อยเกินไป คิดไม่ถึงว่าสตรีชาวป่าธรรมดาที่จับพลัดจับผลูมานี้จะมากเล่ห์และต่อกรยากเยี่ยงนี้ หากไม่ตามใจครานี้แล้วรู้ถึงคนด้านนอกขึ้นมาจักหาว่าบ่าวในจวนรังแกเจ้านายได้ มิดีต่อพวกนางเป็นแน่

ส่วนซือเซียนเมื่อได้ตามใจปรารถนาแล้วก็เดินนำเย่ปินกลับเรือนตนเอง พอกลับมาถึงก็สั่งให้บ่าวและนางกำนัลที่เหลือยกเว้นเย่ปินให้รอด้านนอก

“พระชายาทรงยอดเยี่ยมเลยเพคะ คราแรกหม่อมฉันก็กลัวแทบแย่เพคะว่าพระองค์จะถูกรังแก แต่เห็นเมื่อครู่แล้วหม่อมฉันหายห่วงเลย”

เย่ปินรินชาให้ซือเซียนก่อนมานั่งข้างเตียงห่างจากนางไม่ไกล ซึ่งซือเซียนก็รับขึ้นดื่มเพราะรู้สึกกระหายน้ำจริง เมื่อครู่พูดไปเยอะพอตัวต่อมน้ำลายเกือบผลิตไม่ทัน

“ข้าเพียงพูดไปเรื่อยเท่านั้น หากคราไหนถูกรังแกเจ้าก็อย่าพยายามต้านให้มาก ควรเรียกข้าไปจะดีกว่า”

เพราะขนาดนางกำนัลด้านนอกที่ถูกส่งมาดูแลนางและบ่าวพวกนั้นยังแทบไม่เห็นหัวพระชายาอย่างนางเลย นางกำนัลในความดูแลของไทเฮาหรือจะต้านได้ ที่นี่อำนาจไทเฮาส่งมามิถึงหรอก

“ได้ไงเพคะ หม่อมฉันพร้อมออกหน้าเพื่อพระองค์อยู่แล้ว”

ซือเซียนมองตาของเย่ปินก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจจนรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็ได้เย่ปินคนนี้แลที่เคียงข้าง

“เจ้าอายุเท่าไรแล้วหรือปีนี้”

“หม่อมฉันหรือเพคะ เอ่อ ปีนี้สิบหกเพคะ”

เด็กกว่านางเป็นสิบปีแหนะ ก่อนที่จะมาอยู่ในร่างนี้นางอายุเกือบขึ้นต้นด้วยเลขสามแล้ว นางคิดว่าเย่ปินนั้นก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งของนางแล้วกัน

“อย่างนั้นต่อแต่นี้หากเจ้าติดตามข้าและจงรักภักดีกับข้าเพียงผู้เดียว ข้าก็จะรับเจ้าเป็นน้องสาวคนหนึ่งแล้วกัน”

เย่ปินได้ยินดังนั้นก็รีบโบกมือส่ายหัวอย่างเร็ว

“หม่อมฉันเพียงนางกำนัลคนหนึ่งแต่ก่อนก็เคยอาศัยอยู่บ้านนอกพ่อแม่ตายจึงถูกขายมาเป็นนางกำนัลเพคะ ต่ำต้อยอย่างหม่อมฉันจะกล้าอาจเอื้อมเป็นน้องสาวพระองค์ได้อย่างไร”

“อย่าลืมสิว่าข้าก็มาจากบ้านป่าไม่ต่างกัน”

“ไม่ ๆ เพคะ แต่ตอนนี้พระองค์เป็นถึงพระชายาขององค์ชายหยางอี้แล้วอย่าลดฐานะตนเองเยี่ยงนี้สิเพคะ”

“ได้ ๆ อย่างนั้นให้เจ้าเป็นคนสนิทที่สุดของข้าล่ะ อย่างนี้ดีไหม”

เย่ปินนิ่งคิดชั่วครู่ก็ค่อย ๆ พยักหน้าอย่างขัดเขิน

“ก็ได้เพคะ พระองค์จะรับสั่งให้ทำอะไรก็บอกได้เสมอเลย หม่อมฉันจะไม่ทรยศต่อพระชายาอย่างแน่นอนเพคะ”

“ขอบใจมาก เอ้อ แล้วก็ที่สำคัญคนด้านนอกเจ้าอย่าได้ไว้ใจให้มากนักนะ พวกเขานั้นก็ไม่ต่างอันใดกับพวกบ่าวที่เพิ่งเจอนักหรอก”

ซือเซียนนึกถึงตอนที่ตนเข้าไปยืนประจันหน้านั้นนางกำนัลที่ทางตำหนักแห่งนี้ส่งมากลับยืนรวมกับคนพวกนั้นเฉยเลย ดูก็รู้ว่ามิคิดภักดีกับนางเท่าไหร่นัก

“ได้เพคะ”

ซือเซียนพยักหน้าก่อนจะสั่งให้เย่ปินออกไป ส่วนนางนั้นขึ้นนั่งบนเตียงคิดเรื่อยเปื่อยในหัว

…ฐานะอันแสนสูงส่งนี้นั้นมีเพียงเปลือกเสียจริง ดูจากที่องค์ชายหยางอี้ผู้เป็นพระสวามีของนางนั้นไม่แลแม้พิธีอภิเษกสมรสคงไม่คิดสนใจนางเช่นกัน หากนางอยากจะอยู่ที่นี่อย่างเป็นสุขคงต้องพึ่งตนเองเสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel