Ep.3
ณิชานันท์ตะเกียกตะกายโดยไม่รู้ตัว ครวญครางครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อความแข็งขึงร้อนแรงนั้นถาโถมเข้าหาเธอถี่รัวราวกับพายุพัดโหมกระหน่ำ สองแขนเรียวกอดร่างหนาเอาไว้แน่น หน้าท้องเริ่มบิดเกร็งเมื่อความกระสันซ่านเข้มข้นบิดเกลียวสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับถูกเหวี่ยงขึ้นไปที่สูงๆและกำลังจะดิ่งลงเหว แต่กลับถูกเหวี่ยงขึ้นไปอีกครั้งเกือบจะถึงสวรรค์ ทว่าก็ไม่ถึงเสียที
...มันช่างทรมานเหลือเกิน...อา....
“ได้โปรด ช่วยฉันด้วย โอว...” เธออ้อนวอนเสียงเบาหวิว
แล้วพายุสวาทร้อนแรงก็พัดโหมโถมกระหน่ำ ตอกย้ำความเสียวกระสันอย่างทรงพลังต่อเนื่องด้วยแรงปรารถนา เมื่อร่างใหญ่แหงนเงยอีกครั้ง หญิงสาวก็หวีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อความสุขสมสุดยอดระเบิดพร่างพรายออกมาจนกายเล็กกระตุกไหว สั่นระริกหอบโยน
ทว่าเมื่อความสุขผ่านไปแค่เสี้ยววินาที ณิชานันท์ก็ต้องหวีดร้องขึ้นมาสุดเสียงเมื่อเห็นอาเทอร์กำลังอ้าปากกว้าง โฉบลงมาที่คอของเธอ
“กรี๊ดดด!!!”
ร่างบางใต้ผ้าห่มสะดุ้งเฮือกขึ้นมา เหงือกาฬท่วมตัว หอบหายใจถี่รัวด้วยอาการหวาดผวา
...ทำไมจะต้องฝันร้ายก่อนเดินทางด้วยเนี่ย?...
นกยักษ์ลำใหญ่กำลังบินโฉบลงจอดยังที่หมายปลายทาง คณะถ่ายทำละครต่างก็ตื่นเต้นเมื่อเดินทางมาถึงดินแดนแห่งตำนาน มีสถานที่หนึ่งที่พวกเขายื่นเรื่องขออนุญาตไปถ่ายทำละครตอนอวสาน อีกไม่นานพวกเขาจะเดินทางไปที่นั่น
‘คฤหาสน์จันทรา’
เมื่อทุกคนเดินทางมาถึงห้องพัก เก็บสัมภาระอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ณิชานันท์ก็ขอตัวเพื่อนร่วมห้องแวะไปหาเพื่อนเก่าของเธอแถบชานเมืองของกรุงมิวนิก บ้านของเอลิต้าเป็นบ้านสวนหลังเล็กๆ หวังว่าเพื่อนสาวของเธอคนนี้คงจะยังไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่น ความจริงก็อยากจะโทรหาก่อน แต่ว่าเอลิต้าเปลี่ยนเบอร์ใหม่โดยไม่ได้บอกเธอ เพราะเบอร์โทรล่าสุดที่ได้มาโทรหาไม่ติดเลย
ร่างเล็กในชุดโค้ทสีเทา ผูกผ้าพันคอสีขาวสวมหมวกไหมพรมสีดำ ลงจากรถแท็กซี่เสร็จก็เดินต่อไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่สองข้างทางเต็มไปต้นไม้ผลัดใบที่เปลี่ยนสี มีสีเหลืองบ้าง แดงบ้าง น้ำตาลบ้าง หลากสีสันมองดูสวยงาม ทว่ายิ่งเดินเข้าไปในซอยลึกมันกลับยิ่งเปลี่ยว แต่ก็ยังมองเห็นผู้คนเดินสวนกันไปมาบ้าง หลายคนที่เดินผ่านมาเจอเธอต่างทำสีหน้าแปลกๆ อาจเป็นเพราะเห็นเธอเดินมองซ้ายทีขวาทีคล้ายคนกำลังหลงทางกระมัง
ณิชานันท์คิดว่าเธอคงไม่หลงทางหรอก เพราะจำซอยเข้าบ้านของเอลิต้าได้ดี แม้จะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นมาหนาตาสูงใหญ่มากขึ้น แต่ภาพรวมเธอก็ยังจำได้ เดินอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงบ้านของเพื่อนสนิทคนนี้แล้ว หลายปีแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกัน
ยามนี้ตะวันเริ่มโพล้เพล้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับค่ำมาก ยังไม่ถึงหนึ่งทุ่มเลยไม่น่าจะมีอันตรายอะไร ณิชานันท์ยิ้มด้วยความตื่นเต้นเมื่อเดินมาถึงรั้วหน้าบ้านของเพื่อนสาว ประตูรั้วไม่ได้ปิด เธอจึงค่อยๆ เดินเข้าไปภายในบริเวณบ้าน สายตาก็สอดส่องหาร่างสูงเพรียว ผิวขาว ผมสีบลอนด์ของคนที่คุ้นเคย แต่เดินมาจนถึงประตูบ้านแล้วก็ยังมองไม่เห็นเจ้าของบ้าน
“ลิต้า ลิต้า อยู่หรือเปล่า ฉันณิชา มาเยี่ยมเธอนะ”
“...”
เงียบไปพักใหญ่ ขณะที่แขกสาวยังคงเดินไปรอบๆ ตัวบ้าน ผ่านไปจนถึงสวนดอกไม้หลังบ้าน ทุกอย่างยังคงเงียบงัน
‘หรือว่า...จะไม่มีคนอยู่ แต่ทำไม ประตูรั้วไม่ปิด?’
“ลิต้า อยู่หรือเปล่า”
ตะโกนเรียกเสียงดังขึ้น แต่ก็ยังไม่มีใครขานรับ ณิชานันท์จึงตัดสินใจนอนรอที่เปลผ้าหลังบ้าน กะว่าจะนอนรอสักยี่สิบนาทีถ้าเจ้าของบ้านยังไม่มาก็คงต้องกลับ เพราะพอถึงตอนนั้นก็คงมืดค่ำพอดี วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้
ทว่าพอเอนตัวลงนอนไม่ถึงสิบห้านาทีดาราสาวก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว คงพราะเหนื่อยจากการเดินทาง จึงทำให้เจ้าของร่างบางต้องการการพักผ่อน
จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง แสงสีทองลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดก็เริ่มเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณ ปรากฏร่างหญิงสาวผมบลอนด์ในชุดดำยืนเพ่งพิศใบหน้าของคนที่นอนหลับอยู่อย่างชั่งใจ ว่าจะทำอย่างไรกับเพื่อนสาวชาวไทยคนนี้ดี
ณิชานันท์เป็นคนดี เธอได้กลิ่นของความบริสุทธิ์ผุดผ่องยังไม่พอ กลิ่นหอมของเลือดที่กำลังเต้นตุ้บๆ ตรงเส้นชีพจรบริเวณลำคอที่โผล่พ้นผ้าพันคอออกมาหลังจากที่เจ้าตัวคลายออกก่อนจะเอนนอนลงเปลก็ช่างหอมหวลชวนให้ลิ้มลองจนแทบจะอดใจไม่ไหว
‘ไม่...ฉันต้องไม่ทำร้ายเธอ เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน’
ฟุ้บ!
อีกร่างหนึ่งในชุดหนังสีดำกระโดดลงมาจากต้นไม้ มายืนอยู่เคียงข้างหญิงสาวที่ตอนนี้มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กำลังทำท่าเหมือนจะเข้าไปทำร้ายณิชานันท์ซึ่งเธอไม่มีวันยอม ตอนนี้เอลิต้ารู้ตัวแล้วว่า เธอจะต้องปกป้องเพื่อนรักของเธอคนนี้ให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าตนจะทัดทานเซอร์คัสได้นานแค่ไหน
“อย่ายุ่งกับเพื่อนของฉันเลยนะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน หลีกไป”
“เว้นเพื่อนของฉันคนนี้เอาไว้สักคนเถอะนะคาเซอร์คัส ฉันขอร้อง” แวมไพร์สาวอ้อนวอน แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จอมแวมไพร์หนุ่มจะใจอ่อนนั้นมีน้อยมาก แต่ก็ยังหวังว่าเขาจะรับฟังคำขอร้องของเธอ
“ฉันบอกให้หลีกไปไง เอลิต้า”
“ไม่!”
