ep2
เธอขมวดคิ้วถามเขาอย่างงงๆ ยิ่งเมื่อมองไปรอบข้างทาง ก็พบว่าสองข้างทางเป็นทุ่งนา สลับกับไร่อ้อยผืนกว้าง และมองไม่เห็นบ้านคนเลยสักหลัง
“นี่นายจะบอกนะว่านายคือ พ่อเลี้ยงของฉัน”
“แล้วคุณคิดว่าใคร?”
วิชนีอึ้งไปในทันที ชายหนุ่มถอดหมวกปีกกว้างออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมเข้ม แววตาดุดันที่มองมายังเธอนั้น เหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“คุณคิดว่าคุณจะได้รับความสะดวกสบายกว่านี้งั้นหรือ ที่นี่มันไม่ได้เจริญ เหมือนกับเมืองนอกเมืองนาที่คุณจากมาหรอกนะ”
“ใครว่าฉันจากมา ฉันแค่มารับมรดกที่คุณแม่ทิ้งไว้ให้ พอรับเรียบร้อย ฉันก็จะขายแล้วก็กลับ”
“คุณจะขายไม่ได้!”
“คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะห้ามฉันไม่ให้ขายที่ของแม่”
“คุณไม่ควรทำแบบนั้น”
สายตาของเขาเกรี้ยวกราด มองเธออย่างผิดหวังจนหญิงสาวรู้สึกผิดนิดๆ
“ฉันร้อน!”
เธอเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะบริเวณนี้ มีเพียงเขาและเธอสองคน ถ้าหากว่าเธอทำอะไรผิดใจเขา เผื่อเขาทำร้ายเธอขึ้นมา เธอคงไม่มีพยานที่จะเอาผิดเขา
“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งเงียบๆ ทนไม่นานเดี๋ยวก็ถึง”
เขาคว้าหมวกของเขาสวมบนศีรษะเธอแล้วหันกลับไปขับรถต่อ โดยไม่สนใจเธออีก หญิงสาวได้แต่ขยับหมวกของเขาบังแดด ก็ยังดีที่เขายังมีน้ำใจให้ยืม เพราะแดดร้อนๆ แบบนี้ ผิวของเธอแสบร้อนไปหมดแล้ว รถเคลื่อนไปได้ไม่นานนัก เขาก็คว้าผ้าขาวม้าสีตุ่นแต่เนื้อนุ่มยื่นให้เธอ
“คลุมกันแดดไว้ ผมรับรองว่ามันสะอาด”
วิชนีรับผ้าขาวม้านั้นมาคลี่คลุมร่างของตัวเองไว้ เธอพยายามอดทนอย่างที่เขาบอก เพราะเธอไม่มีทางเลือก พ่อเลี้ยงคนนี้ของเธอ ชื่อ “ราน” เป็นชายหนุ่มที่ คุณปราณี ซึ่งแม่ของเธอส่งเสียให้เรียนหนังสือจนจบปริญญา แต่แล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไร เด็กทุนของแม่จึงกลายมาเป็นสามี และทำให้ ปรีชาผู้พ่อของเธอซึ่งเป็นลูกครึ่งพาเธอกลับไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เธออายุ ๑๕ ปี
๑๐ ปีที่ผ่านมา เธอใช้ชีวิตค่อนข้างอิสระ เมื่อเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย พ่อก็เสียชีวิตลง เธอมีชีวิตเป็นของตัวเอง จนได้รับจดหมายจากพ่อเลี้ยงซึ่งแจ้งข่าวการเสียชีวิตของแม่ ทว่า...กว่าเธอจะได้รับจดหมาย งานศพของแม่ก็ผ่านไปเสียแล้ว เธอเสียใจ แต่มันก็สายเกินไปที่จะกลับมากราบแม่ครั้งสุดท้าย
หลายเดือนต่อมา จดหมายอีกฉบับก็ส่งถึงเธออีกครั้ง เนื้อความในจดหมายเล่าถึงมรดกที่เธอควรจะไปจัดการให้เสร็จสิ้น ตอนแรกเธอจะตอบปฏิเสธไป เพราะชีวิตในปัจจุบันของเธอก็สุขสบายดีอยู่แล้ว สมบัติมรดกของแม่ ก็ควรจะให้คนที่ดูแลแม่จนวาระสุดท้ายของแม่
แต่...ชีวิตที่เธอคิดว่าสุขสบายก็ถูกทำลายลงในวันหนึ่ง เมื่อแฟนคนล่าสุดของเธอ ได้นำทรัพย์สินของเธอออกไปขายทอดตลาดในขณะที่เธอไม่อยู่ มิหนำซ้ำยังปลอมแปลงลายเซ็นของเธอจำนองอพาร์ทเม้นท์ของเธอจนมันเกือบจะหลุด โชคดีที่เธอจับได้และกำลังดำเนินคดีกับเขา แต่ทุกอย่างก็ต้องใช้เงิน
วิชนี่ไม่มีทางเลือก เงินเก็บทั้งหมดถูกนำไปจ้างทนายและฟ้องศาล เขาแพ้ แต่ไม่มีเงินจ่ายเธอ มันทำให้เธอแทบจะไม่เหลือทรัพย์สินใดๆ อยู่เลย และนั่นคือเหตุผล ที่เธอต้องตอบรับจดหมายของพ่อเลี้ยงและเดินทางกลับมารับมรดกของแม่ที่เมืองไทย หญิงสาวไม่รู้ว่ามรดกของแม่ มีมากมายแค่ไหน ในวัยเด็ก เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับโรงเรียนและการเรียนพิเศษอย่างบ้าคลั่ง เธอรับรู้แต่เพียงว่าเธอมีหน้าที่เรียน ส่วนการหาเงินนั้นเป็นของพ่อกับแม่
แม่ที่ออกงานสังคมอยู่บ่อยๆ กับพ่อที่ท่องราตรีอยู่เสมอ ในวัยเด็กเธอไม่ค่อยเห็นทั้งคู่อยู่พร้อมหน้ากันนัก ญาติฝ่ายแม่ เธอแทบจะไม่รู้จัก ได้ยินแต่พ่อบอกว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอก และแม่พยายามที่จะชุบตัวให้เหมือนพ่อ เพราะพ่อเป็นนักเรียนนอก ผู้ดีเก่า แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ร่ำรวยเสียยิ่งกว่าพ่อ และตามใจพ่อ เสียยิ่งกว่าญาติฝ่ายพ่อ
วันที่พ่อหอบเธอกลับไปอยู่ต่างประเทศ เธอเห็นแม่ครั้งสุดท้ายที่สนามบิน แม่มองเธอน้ำตานองหน้า เธอถูกดึงให้ห่างจากแม่ ด้วยเหตุผลของพ่อที่กรอกหูอยู่ทุกวันว่า...แม่มีสามีใหม่ และแม่ไม่รักเธออีกแล้ว!
