พ่อเลี้ยงบำเรอรัก

23.0K · จบแล้ว
พฤศตะวัน /พันตะวัน /ศรสวาท
21
บท
9.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

วิชนี เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อทวงมรดกของแม่คืนจากพ่อเลี้ยง ทว่า พ่อเลี้ยงที่เธอนึกเกลียดเขามาตลอดนั้นว่าแย่งแม่ของเธอไปจากพ่อ กลับกลายเป็นแค่ตัวหลอก และเป็นผู้ปกป้องเธอมาตลอด

นิยายรักโรแมนติกรักแรกพบพระเอกเก่งโรแมนติก

ep1

ท่าอากาศยานแห่งหนึ่ง

วิชนี หญิงสาวร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาโตคมเข้ม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ผมยาวเคลียไหล่สีน้ำตาลอ่อน เดินลากกระเป๋าใบเขื่องมาตามทางเดินไปยังห้องโถงขาออกของผู้โดยสาร เธอมองหาป้ายของคนที่มารอรับเธอไปรอบๆ แต่ไม่พบว่ามีชื่อเธออยู่ หญิงสาวลากกระเป๋าไปนั่งที่เก้าอี้มุมหนึ่งอย่างหงุดหงิดเล็กๆ

เธอเปิดเครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดกดเบอร์ที่เพิ่งได้รับมา ปลายสายได้ยินแต่เสียงพูดที่บอกว่าไม่มีสัญญาณตอบรับ นั่นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้น

เธอเดินทางมาครึ่งโลก ตามจดหมายที่ส่งจากเมืองไทย ลงจากเครื่องบินต่างประเทศต่อเครื่องบินภายในประเทศเพียงลำพังคนเดียว แต่พอมาถึงที่หมายกลับไม่มีคนมารับอย่างที่เคยตกลงกันไว้ มิหนำซ้ำมือถือก็ยังติดต่อไม่ได้

“คุณวิชนีใช่ไหมครับ”

เงาร่างทอดยาวอยู่ตรงหน้าเธอ แลดูทะมึนทึบ วิชนีที่นั่งก้มหน้าอยู่ มองเห็นรองเท้าหนังกลับ กางเกงยีนส์สีซีดเก่า ไล่ขึ้นไปจนถึงเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตและใบหน้าที่หลุบอยู่ในหมวกปีกกว้าง

“คนงานไร่อ้อย อย่างที่เขาบอกหรือนี่”

“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอ บังเอิญรถผมมันเสีย เพิ่งแก้ไขได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ เครื่องเพิ่งลงเมื่อครู่”

“คุณต้องรออะไรอยู่หรือเปล่า? ถ้าไม่รอเชิญที่รถได้เลย”

เขาพูดเสียงเรียบๆ แต่มันดูนุ่มนวลชวนฟัง จนเธออยากจะเห็นใบหน้าของเขาที่หลบอยู่ภายใต้หมวกปีกกว้าง

“ฉันเรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะค่ะ ฉันอยากจะเจอพ่อเลี้ยงของฉันเต็มแก่ อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขามีดีแค่ไหน ถึงทำให้แม่ทิ้งพ่อฉันไปได้!”

ชายหนุ่มที่กำลังเดินนำชะงัก ก่อนจะสาวเท้าเดินนำหน้าออกไป โดยมีหญิงสาวที่ใครๆ ต่างก็มองเหลียวหลังเดินตามไปอย่างกระชั้นชิด เธอรู้สึกดีๆ ที่มีชายหนุ่มที่เธอรู้สึกถูกชะตา แม้ไม่เห็นหน้าเขา รูปร่างของเขาสูงใหญ่ สมส่วน ท่วงท่าการเดินสง่างาม สะโพกสอบเพรียวจนเธอรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นนักรักที่ไม่เลวนักหรอก

วิชนีคิดซุกซนไปตามประสา เพราะเธอเติบโตที่เมืองนอกเมืองนามาเป็นเวลานาน วัฒนธรรมที่นั่นหล่อหลอมให้เธอมองเรื่องชายหญิงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเธอชอบ เธอจะบอกชอบ ไม่ต้องเก็บงำไว้จนต้องเสียเขาไป เธอมีแฟนมาบ้างแล้ว แต่ก็เลิกรากันไปเพราะความไม่เข้าใจ และเรื่องบนเตียงไม่เข้าท่า เธอบอกตัวเองว่ามันดีที่ได้รู้ ก่อนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะสำหรับเธอ ถ้าลองได้แต่งงาน เธอจะไม่มีวันหย่าร้างเหมือนพ่อกับแม่ แต่ถ้าตราบใด เธอไม่แน่ใจในตัวของชายหนุ่ม เธอจะไม่มีวันยอมแต่งงานเด็ดขาด

“รถคันนี้เหรอ?”

หญิงสาวก้าวขึ้นรถจิ๊บอย่างงงๆ เพราะสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างนี้ เขาควรจะเอารถที่ดีกว่านี้มารับเธอ

“อีกไกลไหมคะ?”

เธออดไม่ได้ที่จะต้องถามเขา เพราะถ้าไกลแล้วเธอต้องนั่งรถแบบนี้ เธอขอให้เขาไปส่งที่โรงแรมใกล้ๆ ดีกว่า

“ทำไมหรือครับ?” เขาย้อนถามอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะกระชากรถออกไปอย่างรีบเร่ง

“อากาศร้อนแบบนี้ ฉันไม่อยากตากแดดจนผิวฉันเสียหรอกนะ” เธออดไม่ได้ที่จะประท้วงเขาเสียงดังขึ้น แข่งกับเสียงรถที่ดังกระหึ่ม

“ต้องขอโทษคุณด้วยที่ใช้คันนี้มารับ แต่คันอื่นไม่สะดวก เพราะต้องเอาไปซ่อม เสร็จไม่ทัน”

“ถ้าอย่างนั้น...ส่งฉันที่โรงแรมใกล้ๆ แล้วสะดวกเมื่อไหร่ค่อยมารับฉัน”

เธอออกคำสั่งกรายๆ และหวังว่าเขาควรจะทำตาม ทว่า...เขากลับไม่ยอมลดความเร็วรถลง มิหนำซ้ำยังฝ่าเปลวแดดออกไปนอนเมืองเรื่อยๆ

“ฉันบอกไม่ได้ยินหรือไง?”

เธอตะโกนเสียงดังขึ้น ยิ่งเห็นเขาทำหูทวนลม ก็ยิ่งทำให้เธอโมโหมากยิ่งขึ้น

“หยุดรถเดี๋ยวนี้!”

เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ หูเขาแล้วตะโกนใส่สุดเสียง จนเสียงรถเบรคอย่างกะทันหัน พร้อมๆ แล้วตัวของเธอถลำไปข้างหน้าศีรษะโขกกับกระจกหน้ารถ

“โอ๊ย! ไอ้บ้า นี่จะแกล้งกันหรือยังไง” เธอหันมาด่าเขาทันที พร้อมคลำหัวป้อย เพราะมันปูดขึ้นมาจนรู้สึกได้

“ถ้าฉันหัวแตกไปจะว่ายังไง เดี๋ยวเถอะ ฉันจะฟ้องนายเธอ” เธอขู่ฟ่อ

”นายผม..ไม่มีแล้วล่ะครับ” เขาตอบเสียงเรียบ

“หมายความว่ายังไง”