บท
ตั้งค่า

ตอนที่4 สุขสันต์วันเกิด

“แฮบปี้เบิร์ด เดย์ ทู ยู แฮบปี้เบิร์ด เดย์ ทู ยู แฮบปี้เบิร์ด เดย์ แฮบปี้เบิร์ด เดย์ แฮบปี้เบิร์ด เดย์ ทู ยู”

เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังประสานกันชวนฟังและหยุดลงก่อนที่เจ้าของวันเกิดจะได้อธิฐานแล้วเป่าเทียนให้ดับลง พอเทียนดับทุกคนก็ปรบมือเพื่อให้วรานนท์เจ้าของวันเกิดได้รับคำอวยพรและของขวัญวันเกิดจากทุกๆ คน งานนี้จัดเฉพาะครอบครัวเชิญเฉพาะญาติสนิทเหมือนทุกปีซึ่งบ้านธีรวัฒนาวัฒน์ก็ได้รับเชิญมาทุกปี ตั้งแต่หลานยังน้อยยังเด็กจนตอนนี้โตเป็นหนุ่มหล่อ ลุงหมอก็จะพาภรรยาคนสวยและลูกๆ นำของขวัญมาให้วรานนท์เสมอ ปีนี้ก็เช่นกัน ทุกคนทยอยเข้าไปอวยพรวันเกิดและมอบของขวัญวันให้วรานนท์ จนถึงคิวของพนัชกร

ร่างบางเดินเข้าไปทันทีที่ถึงคิวของตัวเองด้วยใบหน้าระรื่นดีใจพร้อมกับยื่นของขวัญที่เพิ่งไปเลือกซื้อมากับสองแฝดให้ชายหนุ่มที่เป็นรักแรกของตัวเองทันที ปีนี้เขาเลือกซื้อเนคไทด์ให้เพราะร่างสูงฝึกงานที่บริษัทของลุงเวย์ บิดาของวรานนท์เองซึ่งต้องใช้เน็คไทด์ทุกวัน

“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่เนม พู่กันขอให้พี่เนมมีความสุขมากๆ นี่ของขวัญจากพู่กัน อย่าลืมใช้นะครับ ถ้าจะให้ดีตอบรับรักพู่กันเร็วๆ นะครับ” ร่างบางเข้าไปอวยพรวันเกิดพร้อมกับประโยคหลังเสียงเบาลงให้ได้ยินแค่สองคนเพราะแอบหยอดคำหวานให้อีกคนเห็นใจรับรักตัวเอง

“ขอบคุณครับ” คนตัวสูงขอบคุณด้วยใบหน้าหน้านิ่งๆ หน้าตึงยิ่งกว่าฉีดโบท็อก แต่พนัชกรก็ไม่ได้ถือสาอะไร ยังดีว่าไม่โดนตะคอกใส่เหมือนเมื่อวานคงเป็นเพราะวันนี้มีผู้หลักผู้ใหญ่อยู่เยอะเลยเกรงใจ

“ออกตัวแรงนะพี่สะใภ้” วราภรณ์แอบแซวเพื่อนรักเพราะแอบได้ยินพอดี

“ขนาดนี้ยังไม่ใจอ่อนซะที เฮ้อ เริ่มจะท้อแล้ว”

คนร่างบางพูดกับเพื่อนสาว เหมือนจะเริ่มถอดใจเพราะอีกไม่กี่เดือนวรานนท์ก็จะจบแล้ว และก็จะไปเรียนต่อเมืองนอก ตัวเองก็จะหมดสิทธิ์แล้ว

พอทุกคนเข้ามาอวยพรและมอบของขวัญวันเกิดจนครบทุกคนแล้ว ทางเจ้าภาพเจ้าสัวเวทินก็เชิญทุกคนรับประทานอาหารก่อนที่จะโอบเอวของธนศิลป์คนรักเดินนำไปที่โต๊ะอาหารที่จัดไว้เลี้ยงต้อนรับแขก

“ไปเด็กๆ ไปทานอาหารกันวันนี้มีแต่ของอร่อยน่ากิน เพราะมามี๊นิวกับมาม๊าพรีนช่วยกันเข้าครัวเองรับรองเด็ด” เวทานนท์ ชวนลูกๆ และหลานๆ ตามท่านเจ้าสัวเวทินผู้เป็นบิดาเข้าไปทานข้าวกันหลังจากนั้นก็จะได้แยกย้าย

“เป็นไงบ้างลูกหนูพู่กันเรียนหนักไหม ว่าที่คุณหมอ”

เจ้าสัวเวทินถามพนัชกรขึ้นขณะนั่งทานอาหารอยู่ด้วยกัน เจ้าสัวเวทินเห็นร่างบางมาตั้งแต่เด็กๆ และเอ็นดูหนุ่มน้อยพอสมควร เพราะเป็นเด็กน่ารักช่างพูดช่างเอาใจ พอได้ยินน้องเนยหลานสาวบอกว่าพู่กันแอบรักวรานนท์หลานชายคนโตเจ้าสัวเลยพร้อมที่จะเตรียมตัวเชียร์เต็มที่

“ก็หนักนิดหน่อยครับคุณปู่ แต่พู่กันก็พอถูๆ ไถๆ ไปได้บ้างครับ”

“อย่าไปเชื่อพู่กันค่ะคุณปู่ ได้ยินข่าวมาว่าพู่กันน่ะตัวท้อปของคณะเลยค่ะ เรียนเก่งสุดแล้ว” หลานสาวแก้ข่าวให้

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ร่างบางยังคงถ่อมตัวยิ่งได้รับความเอ็นดูเพิ่มจากท่านเจ้าสัว

“แบบนี้คุณปู่อาทิตย์กับหมอนิลคงภูมิใจมากเลยซิที่มีทายาทมาสืบทอดโรงพยาบาลแล้ว และน้องพู่กันก็ต้องเป็นคุณหมอที่เก่งด้วยแน่เลย”

“แบบนี้เหมาะสมที่จะติดต่อเอามาเป็นหลานสะใภ้คนโตไหมคะคุณปู่” วราภรณ์ยังเชียร์ไม่เลิก

“พูดอะไรเนย ไร้สาระ พี่ไม่ชอบ” พี่ชายคนโตที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เลยเอ็ดน้องสาวเข้า

“ระวังเถอะ อย่ามาหลงรักเพื่อนเนยแล้วกัน ถึงวันนั้นจะให้พู่กันเล่นตัวให้ดู” ฝ่ายน้องสาวก็ใช่จะยอมพี่ชาย

“รอให้ถึงวันนั้นก่อนละกัน” คนตัวสูงพูดด้วยความมั่นใจ ทำเอาพนัชกรที่ฟังอยู่หน่วงๆ ที่ใจเพราะคนพี่ปฏิเสธเสียงแข็ง

“พอแล้วเด็กๆ อย่าเสียงดังกันอายแขก กินข้าวกันได้แล้ว” คุณปู่เป็นคนห้ามทัพสองพี่น้อง ก่อนที่คำพูดของหลานชายคนโตจะทำให้ร่างบางอีกคนเสียใจไปมากกว่านี้

“มามี้ขอโทษแทนพี่เนมด้วยนะพู่กัน ปากร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เด็กคนนี้” นวพรรษสงสารหลานชายที่หลงรักลูกชายปากร้ายของตัวเองทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ดูแลพู่กันดีมาตลอดอยู่ๆ ก็มาทำพฤติกรรมเปลี่ยนไปเห็นลูกสาวบอกว่าตั้งแต่ที่พู่กันไปบอกรัก

“ไม่เป็นไรครับมามี๊นิว พู่กันชินแล้ว”

พนัชกรบอกมารดาของร่างสูงพร้อมด้วยใบหน้าสวยที่ยังยิ้มแย้มอยู่เพื่อไม่ให้ทุกคนเป็นห่วง แต่ข้างในน่ะเริ่มจะเจ็บสุดๆ

ส่วนนิลกาฬกับพีรฉัตรที่นั่งทานข้าวอยู่แม้จะได้ยินก็ไม่อยากโอ๋ลูก ถึงแม้จะสงสารลูกก็เถอะรู้ว่าลูกนั้นรักพี่เนมแต่ไหนแต่ไร คงต้องให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดหวังเอง เมื่อถึงเวลานั้นก็เป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่ที่จะอยู่เคียงข้างและคอยปลอบใจประคับประคองให้ลูกน้อยได้เข้มแข็ง

หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จงานเลี้ยงเลิกรานิลกาฬก็ขอตัวพาภรรยาและลูกๆ กลับบ้านไปพักผ่อนเพราะไม่อยากให้ลูกๆ นอนดึก

หลังจากที่ส่งแขกกลับบ้านกันหมด เวทานนท์กับนวพรรษก็เดินเข้ามานั่งที่ห้องรับแขกรอลูกๆ

“น้องเนมคุยกับมามี้หน่อยได้ไหมครับ” นวพรรษเรียกลูกชายไว้ก่อนที่ร่างสูงจะเดินผ่านไป

“ครับมามี้ มีอะไรหรือเปล่าครับ” วรานนท์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวผ่านผู้ให้กำเนิดทั้งสองไป แล้วหันกลับมาเพื่อที่จะกลับมานั่งที่โซฟาข้างมามี้คนสวยแทน

“มามี้อยากจะคุยกับเนมเรื่องน้องพู่กันน่ะลูก” นวพรรษหันไปคุยกับลูกชายด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือเรียวไปลูบผมของลูกชายอย่างเอ็นดู

“ยังไงนะครับมามี้” ถึงแม้ร่างสูงพอจะรู้ว่ามารดาจะคุยเรื่องอะไรด้วยแต่ก็ไม่อยากจะเดาเอาเอง

“เนมลูกชายของมามี้คิดยังไงกับน้องพู่กันครับ เนมพอจะบอกมามี้ได้ไหม ชอบหรือไม่ชอบยังไง มีโอกาสจะพัฒนาไปมากกว่านี้ไหมลูก”

เสียงนุ่มน่าฟังของนวพรรษถามลูกชาย วรานนท์สูงหล่อเหมือนเวทานนท์ผู้เป็นพ่อและมองเผินๆ ก็เหมือนลูกครึ่งเพราะเป็นลูกเสี้ยวจากพ่อ

“เอาจริงนะครับมามี้ เนมคิดกับน้องแค่น้องชายคนหนึ่งแค่นั้นครับ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น เนมไม่อยากให้น้องมาหวังอะไรลมๆ แล้งๆ เพราะเนมไม่อยากให้น้องผิดหวัง มันไม่มีทางที่จะพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้เลยครับ” ร่างสูงบอกให้ตรงกับความรู้สึกตามที่ตัวเองคิดที่สุดในตอนนี้

“ถ้าลูกไม่คิดอะไรกับน้อง มามี้อยากให้ลูกค่อยๆ บอกน้องได้ไหม ค่อยๆ พูด อย่าพูดรุนแรงให้น้องเสียใจมากได้ไหม”

“บางทีเนมบอกแล้วแต่น้องก็ดื้อ บอกไม่ฟังคิดเองเออเอง บางทีพอเนมโดนพู่กันรุกเยอะๆ เนมก็มีรำคาญบ้างหงุดหงิดบ้างครับ อาจจะมีเผลอพูดให้น้องเสียใจบ้างครับแต่ต่อไปเนมจะพยายามค่อยๆ บอกน้องแล้วกันครับ”

วรานนท์บอกถึงความในใจให้มารดาฟังที่ร่างบางดื้อกับเขาอาจเป็นเพราะมีแรงสนับสนุนจากน้องฝาแฝดของเขาทั้งสอง โดยเฉพาะแฝดน้องยัยเนยสาวกสายวายชายรักชายเห็นดีเห็นงามเป็นตัวตั้งตัวตีให้พู่กันเพื่อนรักรุกเขาขนาดนี้ เดี๋ยวสักวันเขาอาจต้องปรามน้องสาวบ้างแล้ว

“เรื่องความรักมามี้จะไม่บังคับลูก แต่ยังไงพู่กันก็เป็นน้อง ค่อยๆ คุยกับน้องนะลูก เอาล่ะไปนอนเถอะครับดึกแล้ว มาให้มามี้กอดหน่อย สุขสันต์วันเกิดนะครับลูกชายสุดหล่อของมามี้ ฟอดดดด มามี้รักลูกนะครับ มีอะไรเนมมาคุยกับมามี้กับแด็ดดี้ได้นะลูก ป่ะ ไปนอนกัน กู๊ดไนท์ครับ” สองแม่ลูกแยกย้ายกันไปนอนห้องของตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel