ep1
เสียงไซเรนดังแว่วเข้ามา พร้อมกับร่างโชกเลือดของทหารหลายนายถูกลำเลียงส่งเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน แพทย์และพยาบาลวิ่งวุ่น ผู้สื่อข่าวรายงานสดจากโรงพยาบาล ว่าเกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิงหน่วยลาดตระเวนเฉพาะกิจ และเกิดการปะทะกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย หนึ่งในนั้นคือ นายทหารซึ่งกำลังได้รับเลื่อนตำแหน่งและกำลังปฏิบัติภารกิจนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินทางเข้ารับตำแหน่ง
เพียงขวัญเงยหน้าขึ้นจากหนังสือทันทีที่ได้ยินรายงานข่าว หัวใจของเธอเต้นระทึก เมื่อได้ยินชื่อของ ร้อยเอกชายชาติ ผดุงเกียรติมั่นคง กำลังเข้ารักษาการผ่าตัดจากการถูกยิง และเวลานี้มีอาการสาหัสมาก เป็นตายเท่ากัน
“ลุงจ่า...ลุงจ่าคะ”
เสียงตะโกนเรียกดังลั่น พร้อมกับวิ่งวุ่นตามหาไปทั่วบ้าน จ่าสิน เป็นชายหนุ่มวัยเกษียณรีบวิ่งเข้ามาในบ้านตามเสียงที่ตะโกนอยู่ลั่นๆ พอเห็นอาการของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายก็ยิ่งตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณหนู”
“พี่ชาย...จ่าสิน พาขวัญไปหาพี่ชาย”
เธอหันมามองจ่าสินด้วยน้ำตา ภาพในจอทีวีเปลี่ยนไปเป็นข่าวอื่นแล้ว จ่าสินจึงมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ
“ไอ้ชายมันเป็นอะไรล่ะครับ คุณหนูจะไปหามันทำไม”
“พี่ชายถูกยิง...ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด จ่าสินพาขวัญไปหาพี่นะคะ..โธ่..พี่ชาย”
พูดจบเพียงขวัญก็ปล่อยโฮออกมาทันที เพราะภาพข่าวที่นำเสนอว่า ผู้กองหนุ่มทำท่าจะไม่รอด เพราะบาดแผลสาหัส
เหลือเกิน
จ่าสินอึ้งไปครู่ใหญ่ เพราะชายชาติก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลูกชายของเขานั่นเอง และที่เพียงขวัญสนิทสนมกับลูกชายของเขา ก็เพราะเขาเป็นลูกน้องนายพลซึ่งเป็นพ่อของเพียงขวัญ เขา อาศัยภายในบ้านของท่านนายพลมาตลอด ชายชาติจึงเหมือนพี่เลี้ยงที่คอยดูแลเพียงขวัญมาตั้งแต่เล็ก
“ลุงจ่า เร็วเข้าเถอะค่ะ พาขวัญไปโรงพยาบาลนะคะ.ๆ”
เพียงขวัญเดินมาเขย่าตัวจ่าสินอย่างเร่งเร้า เธอร้อนใจอยากจะรู้ว่าข่าวที่ออกนั้นเท็จจริงแค่ไหน และถ้าเขาอาหารหนักจริงๆ เธอก็อยากจะเจอเขา ได้ร่ำลาเขาบ้าง ก่อนที่จะไม่มีโอกาส
หญิงสาวกึ่งลากกึ่งจูงจ่าสินไปที่โรงรถ คว้ากุญแจรถจากตู้ข้างๆ ส่งให้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะเปลี่ยนใจตัดสินใจเปิดประตูรถเพื่อจะขับเอง
“ไม่ต้องคุณหนู ลุงขับเอง”
จ่าสินรีบคว้าประตูรถที่กำลังจะเปิด แล้วดึงร่างของหญิงสาวออกมา ก่อนจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เพียงขวัญรีบวิ่งไปนั่งคู่ทันที พลทหารที่อยู่ยามประจำป้อมหน้าบ้าน รีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วทันทีที่รถเคลื่อนออกจากโรงรถ จ่าสินขับรถออกจากบ้านด้วยความร้อนใจไม่ต่างจากเพียงขวัญ
******
เพียงขวัญเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่บริเวณหน้าห้องผ่าตัดใบหน้าเครียดเคร่ง นัยน์ตาแดงก่ำ ต่างจากจ่าสินที่นั่งเงียบอยู่ที่ม้านั่ง แววตานิ่งลึก เหมือนกับคนที่ผ่านโลกมาเยอะ และเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เหมือนๆ กับทหารคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ตามมุมต่างๆ และรอคอยด้วยความหวัง
“ลุงจ่า พี่ชายจะเป็นอะไรไหมคะ?”
เพียงขวัญเดินมาถามอย่างกระวนกระวายใจ จ่าสินเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มปลอบใจ
“นั่งรอเถอะครับคุณหนู เดินไปเดินมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร”
เพียงขวัญยิ้มเศร้าก่อนจะนั่งลงข้างๆ แล้วโผซบไหล่จ่าสินแล้วร้องไห้อย่างอดไม่ได้ จ่าสินโอบแขนปลอบคุณหนูตัวน้อยของเขาที่รักเหมือนกับลูก และที่เหนือกว่าลูกคือความเทิดทูนบูชา เพราะนี่คือสิ่งที่เจ้านายเก่าทิ้งไว้ให้ดูแล ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตทั้งคู่
“เจ้าชาติมันดวงแข็ง มันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกครับคุณหนู”
“แล้วถ้าเป็นล่ะคะ”
เธออดที่จะคิดมากไม่ได้ แต่แค่คิด หัวใจก็แทบสลายแล้ว เธอสะอื้นไห้ น้ำตานองหน้า แม้จะปาดน้ำตาไปซักกี่ครั้ง มันก็ไหลรินมาอีก
“ตอนนี้ เรายังไม่รู้อะไร อย่าคิดล่วงหน้าเลยครับ มาช่วยภาวนาให้เจ้าชาติมันปลอดภัยดีกว่า ลุงจำได้นะว่า เจ้าชาติมันบอกคุณหนูไม่ใช่หรือว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้เข้มแข็งไว้”
จ่าสินปลอบลูกเจ้านายเท่าที่เขาจะปลอบได้ ตั้งแต่เล็กจนโต เพียงขวัญผูกพันกับชายชาติมาก เขาจึงเข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของเด็กสาวได้ดี เพราะมันก็คงไม่ต่างไปจากเขา
เพียงขวัญพยายามกลั้นสะอื้น และพยายามทำใจให้เข้มแข็ง เธอมองหน้าจ่าสินแล้วพยักหน้ารับ ไม่พยายามร้องไห้คร่ำครวญอีก เธอหวนนึกถึงคำพูดของชายชาติ ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ เขามักจะขู่ว่าจะไม่มาเล่นกับเธอ
“ขวัญเป็นลูกทหาร ต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น”
เขามักจะบอกอย่างนั้นกับเธอเสมอ
“โตขึ้น ขวัญจะเป็นทหาร”
“ไม่กลัวตายเหรอ เป็นทหารต้องพร้อมตายนะ”
เพียงขวัญในวัยเด็กส่ายหน้าดิกแล้วยิ้มกว้างให้กับพี่ชายที่แสนดีของเธอ
“ขวัญไม่กลับตายหรอก แล้วพี่ชายล่ะ พี่ชายอยากเป็นอะไร”
“พี่จะเป็นวิศวกร สร้างบ้านหลังใหญ่ๆ ให้น้องขวัญอยู่”
“ไม่เอาๆ บ้านเรามีอยู่แล้ว พี่ชายต้องเป็นทหาร”
“ไม่เอาล่ะ พี่ไม่อยากเป็นทหาร”
“พี่ชายต้องเป็นทหาร! นี่เป็นคำสั่ง”
