13
บทที่ 13ศึกชิงนาย
“พี่รามรอนิดแป๊บหนึ่งนะคะ” บอกกับเขาแล้วเปิดประตูลงจากรถที่จอดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่ลงกลอนประตูรั้วเอาไว้ เธอเดินไปที่หน้าบ้านของพินแพร ตามที่ได้ข้อมูลมาจากราช ด้อมๆ มองๆ อยู่สักครู่ก็เห็นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา “ขอโทษนะคะ”
“มาหาใครครับ” เด็กหนุ่มผิวคล้ำพูดไทยสำเนียงทองแดงถามกลับมา
“ฉันมาหาคุณแคทค่ะ” เธอจำผู้ชายคนนี้ได้ เพราะเมื่อคืนตอนที่เธอมาซุ่มรออยู่ที่นี่ เธอเห็นเขาคนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์มาจากข้างนอกและเปิดประตูเข้าบ้านไป
“คุณแคทไหนครับ”
“คุณแคทที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้น่ะค่ะ”
“หลังนี้ไม่ใช่บ้านคุณแคทนะครับ”
“เหรอคะ แต่เธอให้ที่อยู่นี้มากับฉันเองนะคะ” ยื่นกระดาษที่จดที่อยู่เอาไว้ให้เขา “เธอบอกด้วยว่ากำลังรีโนเวตบ้าน ถ้าหาไม่เจอให้ลองถามคนแถวนี้ดูว่าบ้านหลังไหนที่กำลังทำใหม่ คนแถวนี้จะรู้ค่ะ”
“ที่นี่ก็เพิ่งทำไปครับ เปลี่ยนมุ้งลวดกับเหล็กดัดใหม่เมื่อวานนี้เอง แต่หลังนี้ไม่ใช่บ้านคุณแคทแน่นอน ส่วนทำใหม่ยกหลัง..” เขาใช้เวลานึกสักครู่ “เท่าที่เข้าออกอยู่แถวนี้ก็ยังไม่เห็นเลยนะครับ”
“จริงเหรอคะ แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะคะเนี่ย” สิริญ่าแสร้งตีหน้าเครียด
“จริง ๆ มันมีชื่อที่คล้าย ๆ กันนะครับ เป็นโครงการสองของหมู่บ้านนี้ อยู่ซอยเยื้องๆ กันนี้แหละ ลองไปดูนั่นอีกที่ดีไหม หรือไม่ก็โทรถามเจ้าของบ้านเขาให้แน่ใจดีกว่านะครับ”
“ค่ะ ๆ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขอโทษนะคะ ถ้าอย่างนั้นขอเสียมารยาทถามหน่อยได้ไหมว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ชื่ออะไร”
“ชื่อแพรครับ เป็นน้าของผมเอง”
“ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวฉันจะลองโทรถามเขาอีกทีก็แล้วกัน” หญิงสาวก้มศีรษะให้ชายหนุ่มที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป หัวใจของเธอมีความรู้สึกของผู้ชนะแต่ไม่มีความสุข กลับรู้สึกแค้นพินแพรมากขึ้นอีกเท่าตัว
“เป็นยังไงบ้าง” รามถามหญิงสาวเมื่อเธอกลับเข้ามานั่งในรถ
“ไม่เจอติวเตอร์หรอกค่ะ เจอแต่น้องชายของเขา แต่นิดตัดสินใจแล้วค่ะ นิดไม่เรียนดีกว่า ซื้อหนังสือมาศึกษาเองน่าจะดีกว่า จะได้มีเวลาอยู่กับหลานด้วย”
“ก็ดีจ้ะ แล้วนิดจะไปที่ไหนอีกหรือเปล่า” ถามเมื่อเริ่มเคลื่อนรถไปตามทาง
“ไม่แล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นกลับไปที่บริษัทกับพี่ก่อนนะ แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน” เขาคิดว่าเสร็จธุระกับเธอแล้วจะกลับบ้านเลยในตอนแรก แต่พินแพรโทรมาบอกว่าปนัดดาโทรมาหาเขาและไม่ยอมเลื่อนนัด เพราะพรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปดูกิจการร้านอาหารไทยที่มีสาขามากกว่าสิบแห่งในอเมริกา เธอต้องการพบเขาวันนี้เพื่อตกลงกันเรื่องออเดอร์ให้จบ ๆ ถ้าเขาไม่กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง เธอจะเปลี่ยนเอเย่นเป็นบริษัทอื่นทันที
“.. ก็ได้ค่ะ” เธออยากจะปฏิเสธออกไป แต่เพราะอยากเจอหน้าพินแพรขึ้นมาตงิด ๆ จึงเปลี่ยนใจ
พินแพรลุกขึ้นทันทีที่เห็นเจ้านายเดินมา เธอรวบรวมแฟ้มที่เป็นออเดอร์ของปนัดดามาถือไว้อย่างรู้หน้าที่
“คุณปนัดดารออยู่ที่ห้องรับแขกเล็กค่ะ ตอนนี้คุณราชกำลังรับหน้าเอาไว้”
“แล้วทำไมไม่ให้นายราชจัดการแทนพี่ไปเลยล่ะ ส่งออกมันเป็นหน้าที่ของนายราชอยู่แล้วนี่”
“พี่รามก็ทราบนี่คะ ว่าคุณปนัดดาเธอติดต่อกับพี่รามมาก่อนที่คุณราชจะมารับหน้าที่นี้ แล้วเธอก็ไม่ยอมคุยกับคุณราชด้วยค่ะ เธอบอกว่าจะคุยกับพี่รามเท่านั้น”
“โอเค” เขารู้ฤทธิ์ของแม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์นามว่าปนัดดาดี เพราะทำการค้ากันมาตั้งแต่เธอยังเป็นภรรยาของมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน จนตอนนี้เธอหย่าขาดกับเขา และได้รับส่วนแบ่งมรดกเป็นธุรกิจร้านอาหารไทยในอเมริกามาทั้งหมด นอกจากร้านอาหารแล้วเธอยังทำแฟรนไชส์ของบริษัทเขาคู่กับร้านอาหารด้วย
ดังนั้นอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและอาหารแช่แข็งในรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นยี่ห้อของบริษัทเขาจึงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในอเมริกา ทั้งหมดก็เพราะสตรีคนนี้ เขาจึงต้องให้ความเกรงใจต่อเธอมากเป็นพิเศษ
“หนูนิดเขาไปรอพี่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”
“ค่ะ โชคดีนะคะพี่ราม”
“ขอบใจจ้ะ โบดูแลคุณนิดด้วยนะ” เขาบอกกับผู้ช่วยเลขาแล้วเดินนำหน้าพินแพรไปที่ห้องรับรองที่แขกรออยู่
รามเดินเข้าไปในห้องรับรอง แล้วส่งยิ้มให้ม่ายสาวพราวเสน่ห์ที่นั่งหน้าไม่รับแขกอยู่กับน้องชาย ไม่ได้ยกมือไหว้เธอในฐานะที่อาวุโสกว่า เพราะถูกเธอสั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้เขาทำแบบนั้นเนื่องจากอายุห่างกันแค่สองปี และเธอก็ไม่อยากกลายเป็นคนที่แก่กว่าในสายตาของเขา
“พี่รามมาแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับคุณนัด” ราชแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะลุกขึ้นกล่าวลา ยกมือไหว้แล้วรีบเดินออกไป เมื่อจะเดินผ่านพี่ชายก็ยังมีส่งสายตาเห็นใจพร้อมกับแอบชูสองนิ้ว
“รามคงจะงานยุ่งมากนะคะ ขนาดนัดกับนัดเอาไว้แล้วยังลืมกันได้ หรือว่าเลขาไม่ได้เตือนคะ” หางตาที่แต่งแต้มเอาไว้ตวัดมองไปทางพินแพร
“แพรเขาบอกผมแล้วครับ แต่ผมลืมเอง ขอโทษคุณนัดจริง ๆ ที่ให้เสียเวลารอ” เขามองนาฬิกาข้อมือ “ตั้งสิบนาที” เธอรอเขาจริง ๆ ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำเพราะนัดกันบ่ายสามโมง เป็นเธอเองต่างหากที่มาเร็วเกือบชั่วโมง
“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว บ่นไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา เรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า” ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้คำพูดที่เหมือนประชดประชัน แต่เธอก็รู้ตัวว่าเขากำลังคิดแบบนั้น “นัดจะเดินทางไปอเมริกาพรุ่งนี้แล้ว ต้องไปเป็นเดือน นัดคงคิดถึงคุณรามแย่เลยค่ะ” เธอมองเขาด้วยสายตายั่วยวนอย่างเปิดเผย พร้อมกับรอยยิ้มสีแดงสดของลิปสติก “คุณรามน่าจะไปกับนัดนะคะ ไปดูตลาดที่นั่นด้วยกัน เผื่อมีโอกาสขยายสาขาได้อีก”
“ผมก็อยากไปนะครับคุณนัด แต่ภรรยาของผมเพิ่งจะเสียไป ลูกชายก็ยังแบเบาะอยู่เลย ตอนนี้ส่วนตัวผมคงต้องพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน รอให้ลูกโตกว่านี้อีกสักหน่อยค่อยว่ากัน” รามพยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ไม่สนใจกับสายตาเสน่หาของเธอ
“นัดเห็นใจคุณนะคะราม.. นัดแนะนำทางออกให้ไหมคะ” เสนออย่างกระตือรือร้น
“แนะนำอะไรเหรอครับ”
