บท
ตั้งค่า

บทที่ 5: ญาติผู้พี่เป็นของพี่สะใภ้

นางจะยอมให้ความอัปยศเกิดขึ้นคืนนี้ได้อย่างไร!

หลินซานซานพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้จางอี้ซวนได้เข้าหอกับหลินจิ้นฝูอย่างสุดความสามารถ หลังจากที่ทั้งสองตกปากรับคำกัน นางก็ได้รู้ในตอนนั้นเองว่าแท้จริงแล้วในคืนงานแต่งงาน ทั้งสองเข้าหอไปโดยไม่ได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น มีเพียงการพักผ่อนโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รบกวนกันเท่านั้น แต่คืนนี้!

คืนนี้จะไม่ใช่แค่ต่างคนต่างนอนพักผ่อนแล้ว!

หลินซานซานร้อนรนตามพี่สะใภ้กำมะลอไปยังเรือน ทั้งอ้อนวอน ทั้งขอร้องว่าอย่าไปเลย ขณะที่จางอี้ซวนไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เอาแต่แต่งตัวสวยงาม ประพรมกลิ่นบุปผาหอมรัญจวนไปทั่วทั้งเนื้อตัว มิหนำซ้ำยังจะบอกนางว่า...

“ข้าไปทำหน้าที่ภรรยาให้ญาติผู้พี่เจ้าไม่นาน เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”

นางจะไม่เป็นกังวลได้อย่างไร!

หลินซานซานเต้นผางแล้ว และก็ใจหายวาบมากขึ้นไปอีกเมื่อถูกไล่ออกจากเรือนมาโดยหญิงรับใช้

นางเป็นคุณหนูของสกุลหลิวนะ กล้ามาไล่นางได้อย่างไรกัน!

แน่ล่ะว่าจางอี้ซวนกล้า ในยามนี้นางอยู่ในจวนของหลินจิ้นฝู คนที่เป็นประมุขก็คือญาติผู้พี่ คนที่มีอำนาจสั่งการดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ในจวนก็คือภรรยา ซึ่งนั่นก็คือจางอี้ซวนที่นั่งให้หญิงรับใช้แต่งองค์ทรงเครื่องให้ในเรือนตอนนี้

หลินซานซานเดินวนไปวนมาไม่หยุด ครั้นเห็นจางอี้ซวนในอาภรณ์สวยงาม เตรียมพร้อมสู่การทำหน้าที่ภรรยาโผล่หน้าออกมาให้เห็น นางก็รีบเข้าไปขัดขวางด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายมุ่งหน้าไปยังเรือนของหลินจิ้นฝู

“ข้าขอร้อง ท่านอย่าไปเลยนะ”

หญิงสาวเข้าไปขวางหน้า ดวงตากลมโตฉายแววอ้อนวอนระคนกังวลใจ จางอี้ซวนเหลือบมองเล็กน้อยก็ก้าวหนีไปอีกทางให้หลินซานซานได้รีบเข้าไปดักหน้าอีก

“พี่สะใภ้ ข้าขอร้องจริงๆ จะให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้ แต่อย่าไปเลย”

“เจ้าไม่ยอมให้ข้าไปทำหน้าที่ภรรยา มีเหตุผลอะไรอย่างนั้นหรือ”

เหตุใดจางอี้ซวนจะไม่รู้ล่ะว่าสตรีตรงหน้ามีเหตุผลอะไร ทว่าที่ถามก็เพื่อหลอกล่อให้นางได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ แต่หลินซานซานหาใช่คนโง่งมเพียงนั้น ขืนนางพูดไป สกุลหลินก็ได้เหลือแต่ชื่อน่ะสิ!

“เอาเป็นว่าข้าไม่อยากให้ท่านไป กลับเข้าเรือนเถอะ ข้าจะปรนนิบัติพัดวีให้ ท่านปวดเมื่อยตรงไหน ข้าจะนวดให้ไม่มีบ่น ท่านอย่าไปเลยนะ”

ถึงขั้นยอมเอาตัวเข้าแลก จางอี้ซวนหยักยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นรอยยิ้มขบขันหรือเวทนาในการกระทำของหลินซานซานกันแน่ ที่รู้ๆ ก็คือสิ่งที่นางร้องขอไม่ได้ผล

“ข้าคงลืมบอกเจ้าไปว่านอกจากเรื่องที่เจ้าเปิดโปงข้าแล้ว ก็มีเรื่องที่เจ้าทำให้ข้ารำคาญใจนี่ล่ะที่ทำให้สกุลหลินเหลือเพียงชื่อได้”

หลินซานซานกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ ตัวแข็งค้างเป็นหินไปแล้ว ไม่กล้าปริปากพูดสิ่งใดออกมา ได้แต่ปล่อยให้จางอี้ซวนเดินผ่านไปโดยทำอะไรไม่ได้

เจ้าคนกักขฬะผู้นั้น เอะอะก็เอาแต่ขู่ฆ่า อย่าให้ถึงทีของนางบ้างก็แล้วกัน!

แต่ทีของนางกว่าจะถึงก็คงตายแล้วเกิดใหม่อีกหลายชาติ ตอนนี้จางอี้ซวนหายเข้าไปในเรือนของหลินจิ้นฝูแล้ว อันที่จริงนางควรจะทำใจให้สงบ จางอี้ซวนบอกว่าเข้าไปทำหน้าที่ภรรยาไม่นาน แต่คำว่า ‘ทำหน้าที่ภรรยา’ นี่ล่ะที่ทำให้นางต้องเดินไปมาเป็นหนูติดจั่น รู้ตัวอีกทีก็มาเดินด้อมๆ มองๆ วนไปวนมาอยู่ที่หน้าเรือนของหลินจิ้นฝูแล้ว

เสียงที่เงียบไปนั้นทำเอาหลินซานซานใจไม่ดี กังวลเหลือเกินว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นด้านใน พลันนางก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด

เอ้า! เอาก็เอา แอบฟังก็ได้!

คิดดังนั้นก็แนบใบหูลงไปยังบานประตู หายใจให้เบาที่สุดเพื่อที่จะได้ยินเสียงด้านในอย่างชัดเจน ขณะที่ภายในนั้น สองสามีภรรยานั่งคู่กันอยู่ยังปลายเตียง คนหนึ่งนั่งอยู่ฝั่งหนึ่งของเตียง อีกคนหนึ่งก็นั่งอยู่อีกฝั่ง ระยะห่างกันเพียงหนึ่งช่วงแขน แต่กลับรู้สึกว่าห่างไกลกันเหลือเกิน

นอกจากรู้สึกห่างไกลแล้ว ยังรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ความอึดอัดนั้นพร่างพรายในอกของหลินจิ้นฝูที่ฮูหยินของเขาไม่พูดอะไรตั้งแต่เข้ามา มีเพียงท่าทางสงบนิ่งเย็นยะเยือก ทำให้เขาต้องปริปากด้วยทนไม่ไหวกับสถานการณ์กระอักกระอ่วนเช่นนี้

“หากฝืนใจเจ้า คืนนี้จะล้มเลิกก็ได้”

ใช่ว่ากระอักกระอ่วนอย่างเดียว หลินจิ้นฝูยังเห็นใจฮูหยินของตนเป็นอย่างยิ่ง เข้าใจดีว่าเหตุใดนางถึงได้ดูเย็นชา นางถูกตบแต่งเข้ามาแทนพี่สาวที่ตายไปไม่พอ ยังจะต้องมาจมจ่อมกับบุรุษที่ไม่ได้รัก อีกทั้งต้องมาลูกหลานให้สกุลหลินสืบสกุล เรียกได้ว่าชีวิตของนางน่าเวทนานัก

ทว่าจางอี้ซวนในอาภรณ์สตรีกลับผินดวงหน้าผุดผาดที่ประทินโฉมงดงามพลันแย้มยิ้ม

“ไม่ใช่คืนนี้ วันข้างหน้าข้าก็ต้องเป็นของเจ้าอยู่ดี ไม่ต้องใส่ใจ ทำหน้าที่เถอะ”

ทำหน้าที่อย่างนั้นหรือ?

หลินจิ้นฝูรู้สึกไม่ดีสักเท่าไรนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเมื่อเห็นดวงตาคมของภรรยาจ้องมองมาราวกับออกคำสั่งให้เขาทำ

ใช่ ออกคำสั่ง หาใช่การเชื้อเชิญแต่อย่างใด ไม่รู้เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่าสตรีผู้นี้มีอำนาจเหนือเขาขนาดนี้

แต่ในยามนี้ก็หาได้คิดวุ่นวายอีกแล้ว ชายหนุ่มเลื่อนฝ่ามือตนไปวางบนหัวไหล่คนตรงหน้า สูดหายใจเข้าลึก ว่าเสียงแผ่วออกมา

“ข้าจะอ่อนโยน”

จะอ่อนโยนหรือจะรุนแรง จางอี้ซวนก็หาได้สนใจไม่ เขาคลี่ยิ้มรับขณะที่หลินจิ้นฝูค่อยๆ คลายอาภรณ์ออกจากหัวไหล่อีกฝ่าย ส่วนหลินซานซานที่ลอบฟังอยู่ด้านนอกก็ถึงกับหัวใจเต้นระส่ำ

ไม่!

นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง!

นางผละออกห่างประตู เลิ่กลั่กเดินวนไปมา คิดครุ่นไม่ตกว่าควรจะยับยั้งสถานการณ์น่าอดสูนี้อย่างไรดี ก่อนที่จะต้องเย็นวาบไปทั่วสันหลังเมื่อได้ยินเสียงดังตุบๆ ตับๆ ลอยแผ่วมาจากด้านใน

ระ...หรือว่า...

นางไม่กล้าคิดต่อแต่อย่างใด ตัวก็แข็งนิ่งเป็นหิน ไม่ขยับเขยื้อนจากตรงนั้น

เกิดอาเพศที่เมืองหลวงแล้ว!

และนางก็ต้องเหงื่อกาฬแตกซิกเมื่อเห็นว่าตะเกียงด้านในถูกดับสนิท พร้อมกับเสียงตับๆ ตับๆ ที่หายไป

สะ...สถานการณ์อย่างนี้มัน...

ใจของนางหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เหงื่อซึมออกจากฝ่ามือจนเปียกชื้น ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์รำไรเห็นได้ชัดเจนว่าซีดเผือดเพียงใด

เกิดอาเพศแล้วจริงๆ ด้วย!

หลินซานซานนอนไม่หลับเลยทั้งคืน เฝ้ารอให้จางอี้ซวนออกมาจากเรือนนั้นอย่างใจจดใจจ่อ เขาบอกว่าเข้าไปทำหน้าที่ภรรยาไม่นาน แต่นี่ก็ใกล้รุ่งสางแล้ว เหตุใดจึงยังไม่ออกมาอีก!

หญิงสาวเดี๋ยวนั่ง เดี๋ยวนอน เดี๋ยวเดินไปชะเง้อดูว่าบุรุษผู้นั้นจะกลับออกมาเมื่อไรหลายสิบรอบจนร่างกายอ่อนล้า ก่อนที่ความอ่อนล้านั้นจะอันตรธานหายไปเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งกลับออกมาจากที่นั่น เท่านั้นนางก็รีบออกจากเรือนรับรองของตน ตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

“พี่สะใภ้”

เข้าใกล้ได้ก็รีบร้องเรียก จางอี้ซวนปรายตามอง เห็นท่าทางอ่อนเพลียและร่องรอยดำคล้ำที่ใต้ดวงตาคู่สวยของนางก็รับรู้ได้ทันทีว่านางคงจะข่มตาไม่หลับเลยทั้งคืน ส่วนเหตุผลที่นางนอนไม่หลับนั้น ต่อให้ไม่พูด เขาก็เดาได้

“มีอะไร”

จางอี้ซวนหยุดยืน ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำให้หลินซานซานต้องรีบเข้าไปกัดฟันถามเสียงต่ำ

“ไหนท่านว่าทำหน้าที่ภรรยาไม่นานไง เหตุใดถึงได้กลับออกมาเอาเสียเช้า”

จางอี้ซวนยกยิ้ม กะไว้อยู่แล้วเชียวว่านางจะต้องถามเรื่องนี้ พลันก็นึกสนุก อยากจะกลั่นแกล้งให้นางได้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกว่าเดิม

“เหตุนั้นก็ต้องโทษญาติผู้พี่ของเจ้า ผู้ใดเล่าจะคิดว่าเขาจะเป็นคนคึกคะนองปานนั้น”

ได้ผลทันควัน หลินซานซานเบิกตาโต ชี้นิ้วไปที่เขา ปากสั่นระริก

“ทะ...ท่าน!”

แต่จางอี้ซวนกลับไม่สะทกสะท้าน โน้มใบหน้าลงมากระซิบ

“เจ้าเองก็ลอบฟังอยู่ตั้งนานสองนาน ทำไมถึงไม่รู้เล่าว่าเขาคึกคะนองเพียงใด”

หลินซานซานคิดถึงเสียงตุบๆ ตับๆ ที่ได้ยินเมื่อคืนทันใด ก่อนที่พวงแก้มขาวนวลจะเรื่อสีแดงผุดผาด

“จะ...เจ้าคนกักขฬะ! คนลามก! สวรรค์ต้องลงโทษท่านแน่!”

หลินซานซานถึงกับลืมตัวบริภาษออกไป หากแต่จางอี้ซวนทำเพียงสูดลมหายใจเข้าปอด เชิดหน้าขึ้นราวกับไม่สนใจ

“ปวดเมื่อยเนื้อตัวนัก ข้าใช้ร่างกายหนักไปหน่อย คงต้องขอตัวญาติผู้น้องของ ‘สามี’ ไปพักผ่อนก่อน”

สิ้นเสียงก็เบี่ยงตัวเดินจากไป หากแต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็ชะงัก หันกลับมาส่งเสียง

“ข้าพูดผิดไป ต้องบอกว่าญาติผู้น้องของ ‘ภรรยา’ ต่างหาก ข้าบอกเจ้าไปแล้วนี่นาว่าใครควรเป็นสามี ควรเป็นภรรยาหากนอนร่วมเตียงเดียวกัน ญาติผู้พี่ของเจ้าเป็นของพี่สะใภ้ ข้าก็ต้องทำหน้าที่เช่นนี้”

หลินซานซานทำหน้าประหนึ่งเห็นผีไปแล้ว นางตัวสั่นระริก ทำสิ่งใดไม่ถูก ได้แต่มองจางอี้ซวนเดินจางไปด้วยความรู้สึกคล้ายจะเป็นลม

สวรรค์! บุรุษผู้นั้นเป็นปีศาจจำแลงกายมาชัดๆ เลย!

เรื่องการนอนร่วมเตียงของหลินจิ้นฝูกับจางอี้ซวนเป็นเรื่องยินดีของฮูหยินใหญ่สกุลหลินเป็นอย่างมาก ทันทีที่นางรู้ข่าวจากพ่อบ้านจวนบุตรชาย นางก็รีบรี่มาเยี่ยมเยือนอีกครั้งพร้อมกับของบำรุงกำลังวังชามากมาย โดยกำชับกับบ่าวรับใช้ไว้ว่าจะต้องจัดเตรียมของเหล่านี้ให้กับบุตรชายและลูกสะใภ้ของนางได้กินบำรุงไม่ขาด เพื่อที่นางจะได้พบหน้าหลานในเร็ววัน

ที่ทำให้มารดาดีใจได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่หลินจิ้นฝูยังมีอาการงุนงงอยู่ไม่น้อย เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวไปทั่วร่างกาย อีกทั้งยังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ที่น่าแปลกคือเขาจำไม่ได้เลยสักนิดว่าเมื่อคืนนี้ได้ร่วมรักกับจางอี้ซวนไปหรือไม่ ครั้นถามจางอี้ซวน ก็ได้รับคำตอบว่า...

“เจ้าปลุกปล้ำข้าราวกับสัตว์ป่า คึกคะนองเสียจนสติเลอะเลือนกระมัง ถึงได้จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนนี้เจ้ากับข้ามีความสุขกันมากเพียงใด”

แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าไปถามต่อ หลินจิ้นฝูได้แต่นิ่งเงียบ ขมวดคิ้วย่นยู่ตลอดวัน

ไม่เห็นจะจำได้เลยสักนิดว่าแปลงกายเป็นสัตว์ป่าอะไรอย่างที่ภรรยาเขาว่า ภาพตัดราวกับสิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

และใช่ สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น เพราะหลังจากที่จางอี้ซวนบอกว่าจะทำหน้าที่ภรรยาและถูกอีกฝ่ายแตะต้องเนื้อตัว เขาก็สกัดจุดหลินจิ้นฝูให้ขยับเขยื้อนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังทำให้สลบ จากนั้นก็จัดการเปลื้องผ้า จัดฉากทำประหนึ่งว่าระหว่างเขากับบุรุษอีกคนเกิดอะไรขึ้น ร้ายกว่านั้นคือยังมีแก่ใจมานอนข้างๆ เพื่อรอดูว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อไรด้วย หากรู้สึกตัวเร็วกว่าเวลาอันสมควร เขาจะได้จัดการทำให้สลบไปอีกระลอก

ช่างเป็นแผนการที่ร้ายกาจและชวนให้หลินจิ้นฝูน่าสงสารยิ่งนัก

ไม่ให้น่าสงสารได้อย่างไร ปวดเมื่อยเนื้อตัวเสียจนไปทำหน้าที่ตนไม่ไหว ต้องพักผ่อนอยู่กับเตียงตลอดวัน เช่นนี้ไม่เรียกว่าน่าสงสารอย่างนั้นหรือ?

แต่คงจะมีแค่หลินซานซานเท่านั้นที่รู้สึกเช่นนี้ ท่านป้าสะใภ้ของนางกลับยินดีด้วยหลงคิดว่าบุตรชายตั้งอกตั้งใจมีทายาทให้สกุลหลิน ขณะที่นางคิดไปไกลแล้วว่าเมื่อคืนนี้ หลินจิ้นฝูคงจะถูกจางอี้ซวนรังแกอย่างหนักหน่วง ส่วนรังแกอย่างไรนั้น...นางไม่อยากจะคิด!

“จากนี้คงต้องฝากให้เจ้าดูแลอาจิ้นให้ดี เขาต้องการสิ่งใด เจ้าก็จงจัดหาให้ครบถ้วน อย่าให้ขาดตกบกพร่อง”

ฮูหยินใหญ่หลินออกปากสั่งกับลูกสะใภ้หลังจากที่นางหมดธุระ จางอี้ซวนที่แสร้งยืนสงบนิ่งอยู่ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย รับคำด้วยความเหนื่อยหน่าย

“เจ้าค่ะ”

“อ้อ แล้วก็ข้ามีของบางอย่างจะให้เจ้า”

พูดมาอย่างนี้ หลินซานซานที่ตามติดมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันควัน ป้าสะใภ้ของนางสั่งให้บ่าวรับใช้ยกกล่องไม้ใบเล็กมาให้

“นี่เป็นโอสถเพิ่มกำลังวังชาสำหรับสตรี ช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น เจ้าจงเอาไปต้มดื่มทุกวันก่อนนอน ส่วนนี่...”

จากนั้นก็พยักหน้าเรียกให้บ่าวรับใช้เอาของอีกอย่างมาให้ ของสิ่งนั้นอยู่ในหีบใบไม่ใหญ่นัก แต่ด้วยถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี หลินซานซานก็อดอยากรู้กว่าเดิมไม่ได้ว่าของด้านในนั้นคืออะไร

“เป็นตำราซุนกง[ ภาพซุนกง หรือภาพตำหนักวสันต์ หมายถึง ภาพกามสูตร หรือบางทีก็เป็นภาพนู้ด] เอาไว้ให้เจ้าศึกษา จะได้ทำหน้าที่ภรรยาให้ดี”

เป็นภรรยาจะต้องศึกษาตำราด้วยหรือ?

หลินซานซานไม่เข้าใจนัก ความสงสัยคงประดับพรายบนใบหน้าของนางอย่างชัดเจนกระมัง ป้าสะใภ้ถึงได้กลั้วหัวเราะแล้วว่าเย้า

“ซานเอ๋อร์ ไว้เจ้าตบแต่งเป็นฮูหยินของผู้ใดเสียก่อน เจ้าจะรู้เองว่าตำราซุนกงคืออะไร”

ว่ามาอย่างนี้ หลินซานซานก็ไม่กล้าถามต่อ ได้แต่ไปส่งป้าสะใภ้กลับออกจากจวน จากนั้นถึงได้มาคาดคั้นเอากับจางอี้ซวนถึงเรือน

“นี่ท่าน”

“อะไร”

“ตำราซุนกงคืออะไรหรือ”

จางอี้ซวนถึงกับย่นคิ้วยู่ บุกรุกเรือนเขาโดยไม่อนุญาตไม่พอ เขาจำเป็นต้องบอกหรือว่าตำราซุนกงมันคืออะไร เขาไม่โมโหนางที่ไร้มารยาทก็ดีเท่าไรแล้ว

“ป้าสะใภ้ของเจ้าก็บอกแล้วว่าเจ้าตบแต่งเป็นฮูหยินให้คุณชายสกุลใดเมื่อไร เจ้าจะได้รู้เอง”

“แต่ข้าอยากรู้ตอนนี้ ท่านต้องบอกข้านะ”

นางจำต้องดื้อด้าน หากไม่เพราะเป็นห่วงหลินจิ้นฝูแล้วล่ะก็ นางไม่มาซักไซ้หรือตอแยคนตรงหน้าให้วุ่นวายหรอก

“ถ้าข้าไม่บอก แล้วเจ้าจะทำไม”

นี่อย่างไรล่ะ เหตุผลที่นางไม่อยากวุ่นวาย จางอี้ซวนเป็นคนกักขฬะ อีกทั้งยังยียวนยั่วโมโหเก่ง ตอนนี้ก็กอดอก เชิดหน้าขึ้น วางท่าราวกับว่าตนมีอำนาจมากมายเสียเต็มประดา ซึ่งนั่นก็ทำให้นางต้องหดคอด้วยความหวาดเกรง

“ข้าก็ไม่ทำไมหรอก แค่อยากรู้ว่ามันคืออะไร”

จางอี้ซวนพบคนช่างสอดรู้สอดเห็นมามาก คนเหล่านี้หากไม่ได้คำตอบก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้คำตอบในท้ายที่สุด เขาควรบอกนางไปตามตรงเพื่อตัดรำคาญ แต่...หากบอกไปตามตรงเลยก็ไม่สนุกน่ะสิ

เขาจึงเชิดหน้าขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงราวกับหยั่งเชิง

“เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากรู้?”

หลินซานซานเม้มริมฝีปาก ชั่งใจไปเล็กน้อย แต่แล้วก็พยักหน้า

เท่านั้นจางอี้ซวนก็เดินไปเปิดหีบที่มารดาของหลินจิ้นฝูมอบไว้ให้ ก่อนจะหยิบตำราซุนกงออกมาเล่มหนึ่ง ยื่นส่งให้นาง

“อยากรู้ก็ดูเองแล้วกัน”

ไม่แน่ใจนักว่าเหตุใดหลินซานซานถึงไม่กล้าเปิดตำรา ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งทีเดียวกว่าที่มือบางจะพลิกหน้ากระดาษ และเมื่อสายตากวาดมองไปยังตำราที่อยู่ในมือ ใบหน้าของนางก็กลายเป็นสีแดงจัดทันควัน ก่อนนางจะโยนตำราทิ้งราวกับว่าถูกของร้อนลวกมือเมื่อเห็นว่าบนหน้ากระดาษนั้นเต็มไปด้วยรูปวาดการร่วมรักของหนุ่มสาว

“จะ...เจ้าคนลามก! กล้าเอาของอย่างนี้ให้ข้าดูได้อย่างไร!”

“เป็นเจ้าเองไม่ใช่หรือที่อยากรู้ว่าตำราซุนกงคืออะไร”

จางอี้ซวนว่าอย่างไม่ยี่หระ หลินซานซานก็ปฏิเสธไม่ได้ ทำเพียงเต้นผางๆ โวยวายออกมา

“แต่ข้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยากเห็นนี่ ท่านบอกข้าอย่างเดียว ข้าก็รู้แล้ว!”

จางอี้ซวนยักไหล่ ชี้นิ้วไปยังหีบตำราซุนกงที่ยังเปิดอยู่

“ของดียังมีอีกมาก เจ้าอยากรู้ ข้าก็แบ่งปัน เผื่อวันหน้าเจ้ามีสามี เจ้าจะได้ปรนนิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม”

หลินซานซานทนความอับอายนี้ไม่ไหวอีกแล้ว ชี้นิ้วไปยังใบหน้าของจางอี้ซวน ประกาศกร้าวลั่น

“คอยดูเถอะ! สักวันข้าจะเอาคืน คอยดู!”

สิ้นเสียงก็วิ่งออกไปจากเรือน ทิ้งให้จางอี้ซวนมองตามพลางยกยิ้มมุมปาก

จะเอาคืนเขาอย่างนั้นหรือ... ปะทะคารมให้ชนะเอาสักครั้งก่อนเถอะแล้วค่อยคิดจะเอาคืน

“หึ...สตรีโง่งม”

บุรุษหนุ่มแค่นหัวเราะออกมา พลันก็ปิดประตู หมุนกายกลับเข้าเรือนใช้เวลาตามลำพัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel