บท
ตั้งค่า

บทที่ 2: ความลับของพี่สะใภ้[2]

ร่างสะโอดสะองของจางอี้ซวนปรากฏสู่สายตาของหลินซานซานในอีกไม่นานหลังจากนั้น หลินซานซานสั่งให้พ่อบ้านเตรียมน้ำชาและขนมเอาไว้แล้ว คราวนี้ล่ะที่นางหมายมั่นปั้นมือว่าจะหว่านล้อมพี่สะใภ้ให้ยินยอมพร้อมใจดูแลญาติผู้พี่ของนาง

ครั้นพี่สะใภ้นั่งลง การนั่งสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น แต่...เป็นหลินซานซานคนเดียวที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด จางอี้ซวนได้แต่นั่งนิ่ง มือคว้าถ้วยน้ำชามายกขึ้นจิบบ้าง หยิบขนมกินบ้าง ไม่ปริปากพูดสิ่งใดออกมาสักคำ

“ขนมนี่รสชาติดีนัก มิน่าเล่า อาจิ้นถึงได้ชอบ พี่สะใภ้ก็จำเอาไว้สิว่าอาจิ้นชอบ ภายหน้าท่านจะได้คอยเตรียมไว้ให้อาจิ้นกิน”

เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่หลินซานซานพูดในทำนองนี้ ขนมนั้นอาจิ้นก็ชอบ ขนมนี่อาจิ้นก็ชอบ ดูหน้าคนฟังด้วยว่าอยากรู้ไหมว่าชายผู้นั้นจะชอบหรือไม่ชอบกินสิ่งใด

“อ๊ะ อันนี้ก็ด้วย อาจิ้นชอบมากเลยนะ พี่สะใภ้จำไว้ให้ดีล่ะ ท่านจะได้เอาใจสามีท่านถูก”

ถึงตอนนี้ จางอี้ซวนรู้แล้วว่าสตรีตรงหน้าหาได้เหงาจนอยากให้ตนมาพูดคุยเป็นเพื่อนหรอก แต่หลอกล่อให้มานั่งฟังนางพร่ำสอนวิธีการเอาใจสามีต่างหาก พลันก็ส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมา หลินซานซานปิดปากฉับ เอียงคอเล็กน้อยด้วยสงสัย

“พี่สะใภ้หัวเราะสิ่งใดหรือเจ้าคะ มีอะไรน่าขบขันอย่างนั้นหรือ”

ดวงตาคมกริบปรายมองดวงหน้านาง ก่อนผู้เป็นเจ้าของจะว่าช้าๆ

“ข้าเพียงคิดว่าแค่มีเจ้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเอาใจสามีข้าแล้วล่ะ”

“พี่สะใภ้ ท่านพูดเช่นนี้หมายความอย่างไร”

“หมายความอย่างไร เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี”

จางอี้ซวนว่าอีก ทำเอาหลินซานซานถึงกับหน้าง้ำ วางขนมในมือลงที่เดิม

“พี่สะใภ้อยากจะพูดสิ่งใดก็ว่ามาตรงๆ เถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม”

อารมณ์ก่อนหน้าที่คล้ายว่าจะพยายามควบคุมให้ปกติชักจะไม่ปกติเสียแล้ว สีหน้าปั้นปึ่ง น้ำเสียงแข็งกระด้างเล็กน้อย กระนั้นจางอี้ซวนก็หาได้สนใจว่าพฤติกรรมของนางสมควรหรือไม่สมควรแสดงออกอย่างไร พูดในสิ่งที่ตนคิดเท่านั้น

“ข้าเห็นว่าเจ้าดูแลสามีของข้าดี เจ้าก็ดูแลไปเถิด ไม่ต้องมาบอกให้ข้าดูแล ในเมื่อเจ้ามีใจปฏิพัทธ์ด้วย  อยากดูแลเขาก็ทำไป”

หลินซานซานถึงกับหน้าม้าน

นางรู้!?

รู้อย่างแน่นอน จางอี้ซวนใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออก สายตาที่หลินซานซานของญาติผู้พี่ การกระทำ ความใส่ใจ ล้วนแล้วเป็นการกระทำที่มีต่อคนรัก

“เจ้าคงจะไม่พอใจที่เห็นญาติผู้พี่ของเจ้าตบแต่งหญิงอื่นเข้าจวนเป็นฮูหยิน เจ้ายอมไม่ได้ ยื่นมือมาเข้าสอด จู้จี้จัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ราวกับว่าตนเองเป็นฮูหยินเสียเอง หากเจ้าจะทำเช่นนี้ ไยเจ้าถึงไม่ตบแต่งมาเป็นอนุของอาจิ้นของเจ้าเสียเลยเล่า”

“...”

“อ้อ แต่ข้าลืมไป เจ้าเป็นหลานสาวของท่านเสนาบดี จะมาตบแต่งเข้าเป็นอนุคงจะไร้เกียรติ ท่านเสนาบดี...ไม่สิ ท่านพ่อคงไม่ยินยอมแน่ ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะให้เจ้าแต่งให้คุณชายสกุลดีๆ สักสกุลมากกว่า เสียใจด้วยนะซานซานที่เจ้าทำได้ดีเพียงเท่านี้”

“พี่สะใภ้...”

หญิงสาวครางออกมาอย่างไม่เชื่อหู ใครจะไปคิดว่าคนไร้ปากเสียงเช่นพี่สะใภ้ ยามเอ่ยปากออกมาจะมีคำพูดเชือดเฉือนคมกริบเช่นนี้

“แต่หากเจ้าหมายใจว่าจะรอ ก็รออีกสักปีแล้วกัน เมื่อนั้นข้าจะทูลขอฮ่องเต้หย่าขาดกับญาติผู้พี่ของเจ้า กว่าจะถึงวันนั้น เจ้าอย่าตรอมใจไปเสียก่อนล่ะ”

หลินซานซานกำมือแน่น ผิวหน้าเนียนแดงเรื่อขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนจะแค่นเสียง

“ท่านพูดเกินไปแล้วนะพี่สะใภ้”

จางอี้ซวนเลิกคิ้วสูง

เกินไปหรือ เกินไปอย่างไร ก็การกระทำของนางทำให้คิดอย่างนี้จริงๆ แต่จางอี้ซวนก็ไม่ได้ตอบโต้สิ่งใด ได้แต่มองหลินซานซานที่บิดเบี้ยวเสมือนดื่มยาขม พลันว่าตบท้ายอีกครา

“สิ่งที่ข้าพูดไม่เกินไปหรอก หากเจ้าอยากตบแต่งเป็นภรรยาของสามีข้ามากนักก็รอหน่อยแล้วกัน ข้าหย่ากับเขาแน่ เจ้าไม่ต้องห่วง”

ไม่รู้ว่าจางอี้ซวนพูดจริงหรือไม่ แต่หลินซานซานก็ไม่สนแล้วว่าจะจริงหรือไม่ การถูกพูดตอกหน้าเช่นนี้เป็นการดูแคลนนางมิใช่หรือ นางสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง โกรธขึ้งเสียจนแทบจะระงับอารมณ์ของตนไว้ไม่อยู่

หากว่าสตรีตรงหน้าไม่ใช่พี่สะใภ้ของนาง นางคงโวยวายใส่ไปแล้ว แต่เพราะใช่ นางจึงได้แต่เงียบงัน เม้มริมฝีปากแน่นกระทั่งจางอี้ซวนเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว จึงได้ตัดบท

“หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน ส่วนเจ้าก็รออีกสักหน่อยนะ สักวันสวรรค์จะเมตตาเจ้าให้เจ้าได้แต่งเข้าเป็นภรรยาเอกแทนข้า”

หลินซานซานมองร่างสูงของพี่สะใภ้เดินออกจากศาลาไป ก่อนจะทุบกำปั้นเล็กๆ ลงบนโต๊ะอย่างเจ็บใจ ทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามไม่ได้ไม่พอ ยังจะถูกว่าแทงใจดำ มิหนำซ้ำยังโดนดูแคลนอีก

พี่สะใภ้ เห็นทีเราคงจะเป็นมิตรกันไม่ได้แล้วล่ะ!

แผนการผูกมิตรอะไรนั่น ล้มเลิก! ล้มเลิก!

 

หลังจากวันนั้นก็กลายเป็นว่าคนที่ฉุนเฉียวง่ายที่สุดในจวนของผู้ตรวจการเมืองแห่งนี้ไม่ใช่นายหญิงของจวนแล้ว แต่กลับเป็นหลินซานซานต่างหาก ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงพี่สะใภ้ หลินซานซานก็มักจะทำหน้าบึ้งตึงทุกครั้ง ทำเอาทุกชีวิตภายในจวนนั้นรู้กันถ้วนหน้าว่าความสัมพันธ์ของนางกับนายหญิงของจวนเบนไปในทางที่ไม่ดีแล้ว

ไม่เว้นแม้แต่หลินจิ้นฝูเองที่รับรู้เรื่องนี้ แต่เขาก็หากระทำสิ่งใดได้นอกจากจะบอกกับหลินซานซานว่า...

‘เห็นใจพี่สะใภ้ของเจ้าหน่อยเถิด นางตัวคนเดียว หากไร้ซึ่งเจ้าแล้วก็ไม่มีสหายใดในเมืองหลวงนี้ ใจดีกับนางหน่อย’

หลินซานซานก็อยากจะใจดีด้วยอยู่หรอกถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่มาดูแคลนนางน่ะ!

แต่ก็จริงอย่างที่พี่สะใภ้พูด เพราะนางเป็นห่วงหลินจิ้นฝูมากเกินไป ทำให้สอดมือเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง อีกทั้งยังวางตัวประหนึ่งว่าเป็นฮูหยินของหลินจิ้นฝูเสียเอง การกระทำของนางอาจจะทำให้พี่สะใภ้ไม่พอใจถึงได้ถูกค่อนแคะให้เจ็บใจเช่นนี้ ทางที่ดีนางควรจะไปขอโทษและวางตัวใหม่ให้สมกับฐานะญาติผู้น้องจะดีกว่า

เพราะคิดเช่นนั้น วันนี้จึงหมายจะไปขอโทษอีกฝ่ายถึงที่เรือนหลังจากที่ไม่สบอารมณ์กับคำพูดของพี่สะใภ้มาแล้วถึงสามวัน แต่กว่าที่หลินซานซานจะตัดสินใจไปขอโทษได้ก็ผืนฟ้าเปลี่ยนสีเป็นมืดสนิทแล้ว

สองเท้าก้าวย่ำไปบนทางเดินปูก้อนหินกรวด ก่อนจะมาหยุดที่หน้าเรือนของพี่สะใภ้ บ่าวรับใช้ประจำตัวของจางอี้ซวนออกมาด้านนอกห้องจังหวะเดียวกับที่หลินซานซานไปถึงพอดี ทำให้นางรีบย่อคำนับผู้มาใหม่

“พี่สะใภ้ล่ะ”

“อาบน้ำอยู่ด้านในเจ้าค่ะ”

หลินซานซานพยักหน้ารับ เวลานี้ไม่แปลกที่จะอาบน้ำเพราะได้เวลาใกล้เข้านอนแล้ว แต่ทว่า...

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปช่วยนาง?”

ปกติแล้วเวลาชำระล้างร่างกาย หลินซานซานมักจะมีบ่าวรับใช้ขนาบข้างคอยช่วยเหลือตลอด แต่พี่สะใภ้ของนางกลับไล่คนรับใช้ออกมารออยู่ด้านนอกหลังจากตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เสร็จ เป็นเช่นนี้ไม่แปลกหรอกหรือ

“นายหญิงสั่งไว้ว่าห้ามผู้ใดเข้าไปข้างในจนกว่านางจะเรียกเจ้าค่ะคุณหนู”

“ทำไมล่ะ”

“นายหญิงไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายอยู่ข้างๆ ตัว หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่เรียกผู้ใดไปใช้งานเลยเจ้าค่ะ แม้แต่ข้าน้อยเอง นานๆ ครั้งก็จะถูกเรียกตัวเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอาบน้ำ สั่งห้ามเด็ดขาดเลยว่าห้ามผู้ใดเข้าใกล้เจ้าค่ะ”

หรือเป็นเพราะนางอยู่ชายแดนมานานถึงได้ระแวงผู้คนว่าจะสวมรอยเป็นคนใช้มาทำร้ายกัน?

หญิงสาวทึกทักเอาเองแล้วว่าเป็นเช่นนั้น สะใภ้ของนางเกิดในตระกูลแม่ทัพ เหล่าแม่ทัพล้วนมีศัตรูรอบด้าน หากจะระแวดระวังตนกับคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แวบหนึ่งที่หลินซานซานเกิดเห็นใจพี่สะใภ้ของตนขึ้นมา ทั้งที่ตบแต่งสามี มีชีวิตสุขสบายแล้วแท้ๆ แต่นางกลับดูโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน ถึงนางจะพูดจาร้ายกาจให้หลินซานซานได้ช้ำใจ แต่หลินซานซานก็อดอยากทำดีด้วยไม่ได้ จากที่ตั้งใจว่าจะไม่สนใจนางแล้ว นอกจากจะมาขอโทษเท่านั้นก็กลายเป็นว่าอยากเอาอกเอาใจ อย่างน้อยการทำให้จางอี้ซวนอารมณ์ดีก็คงจะทำให้ความบาดหมางทุเลาลง ญาติผู้พี่ของนางก็จะได้สบายใจด้วย

“ถ้าอย่างนั้นประเดี๋ยวข้าจะดูแลนางเอง เจ้าไปเถิด”

“แต่นายหญิงสั่งไว้ว่าห้าม...”

บ่าวรับใช้จะพูด หลินซานซานจึงถลึงตาแล้วออกคำสั่งอีกครั้ง

“ข้าบอกให้ไปก็ไปเถิดน่า หากผู้ใดจะลงโทษเจ้า ข้าจะช่วยเอง”

ปฏิเสธนางไม่ได้จึงจำต้องรับคำแล้วผละจากไป ปล่อยให้หลินซานซานยืนอยู่หน้าห้องนอนของจางอี้ซวนครู่หนึ่ง  ก่อนนางจะยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ

“พี่สะใภ้...”

ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ หลินซานซานจึงเคาะไปอีก

“ซานเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ เปิดประตูให้หน่อย”

ยังคงไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ ตอบกลับมาอยู่ดี หลินซานซานย่นคิ้วยู่

“พี่สะใภ้ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”

ไร้เสียงตอบรับอีกระลอก คราวนี้หลินซานซานตัดสินใจผลักบานประตูแล้วก้าวเข้ามา หันไปปิดประตูอย่างเงียบเชียบแล้วก็มุ่งตรงไปยังฉากหลังที่กั้นอาบน้ำ

เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่ค่อยๆ ดังเข้ามาใกล้ปลุกให้คนที่แช่น้ำอยู่ในอ่างและผล็อยหลับไปเมื่อครู่ตื่นจากนิทรา เมื่อสัมผัสได้ว่ามีผู้บุกรุก มือข้างหนึ่งก็คว้าเอาผ้าที่พาดไว้บนฉากกั้นไว้ มืออีกข้างก็ดันตัวขึ้นจากอ่าง ก่อนที่สองมือจะตวัดเอาผ้านั้นห่อหุ้มร่างกายตนอย่างรวดเร็ว

“ว้าย!”

หยดน้ำกระจายไปทั่วพื้น หลินซานซานที่เห็นร่างของอีกฝ่ายพุ่งพรวดออกจากอ่างน้ำร้องด้วยความตกใจ น้ำในอ่างสะบัดขึ้นมาโดนใบหน้านาง ทำให้นางผงะถอยหลัง ก่อนที่เท้าข้างหนึ่งจะก้าวพลาดไปเหยียบเอาแอ่งน้ำบนพื้นจนลื่นหงายหลัง

ในจังหวะนั้นเอง มือของนางไขว่คว้าในอากาศหาที่ยึด ก่อนจะคว้าบางสิ่งได้

มันคือผ้าที่คลุมกายของจางอี้ซวน...

ผ้าผืนนั้นหลุดออกพร้อมกับร่างของดรุณีน้อยที่ล้มกระแทกลงไป หากแต่ความเจ็บปวดกลับไม่ได้ทำให้นางตกใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อสายตามองเห็นร่างกายเปล่าเปลือยของพี่สะใภ้อย่างชัดเจน ก่อนที่ ‘บางสิ่ง’ ซึ่งนางไม่มีจะปรากฏสู่ระดับสายตา

นะ...นั่นมัน...

พูดไม่ออก ปากและมือสั่นระริก ใบหน้าก็ร้อนวูบด้วยความอับอายระคนอัปยศ

นั่นมันเครื่องเพศของบุรุษไม่ใช่หรือ!?

ถึงจะไม่เคยเห็น แต่หลินซานซานก็รู้เพราะร่างกายของคนตรงหน้าหาได้มีองค์เอวเฉกเช่นสตรีเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะพิศทางไหนก็เป็นร่างกายของบุรุษ กล้ามเนื้อแกร่ง หน้าอกราบเรียบ มิหนำซ้ำยังมี...มี...

จะกรีดร้องก็ทำไม่ได้เพราะตกใจจนคลำหาเสียงของตนเองไม่เจอ ขณะที่จางอี้ซวนตระหนักได้ว่าตนเองอยู่ในสภาพใด รีบคว้าเอาอาภรณ์ที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมปกปิดร่างกายตนเอง ว่าออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบ

“มีสิ่งใดกับพี่สะใภ้ของเจ้าหรือ”

ยังมีหน้ามาเรียกแทนตัวเองว่าพี่สะใภ้อีก มังกรน้อยบินถลาเล่นลมให้นางเห็นขนาดนี้ พี่สะใภ้อะไรกัน!

สวรรค์! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel