2
“พี่พฤกษ์ใจดีที่สุดเลย วีวี่อยากได้พี่พฤกษ์เป็นพี่รหัสบ้างจัง” กวีทำหน้าฝันหวาน ทำเอานิลินียิ้มขำ พฤกษ์ไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มละมุนเท่านั้น
รอยยิ้มของพี่รหัสทำหัวใจน้องรหัสอย่างเธอหวั่นไหวอย่างที่สุด
“ว้าถึงเสียแล้ว อยากนั่งรถพี่พฤกษ์ต่ออีกนิด” กวีพูดขึ้น ในขณะที่นิลินีได้แต่แอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของพี่รหัสคนดี
“งั้นนั่งรถไปบ้านพี่ไหมล่ะ”
“ไปค่ะ” กวีบ้าจี้ตาม
“วีวี่น่ะ เกรงใจพี่พฤกษ์เขา ขอบคุณนะคะพี่พฤกษ์” เธอยกมือไหว้เขา เพราะเขาอาวุโสกว่า ก่อนจะลากเพื่อนลงจากรถ
ท้ายรถคันหรูราคาหลักสิบล้านเคลื่อนออกไปแล้ว แต่เพื่อนรักทั้งสองยังยืนมองไม่คลาดสายตา
“ฮันแน่ นี่แกยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว”
“จะแซวอะไรกันล่ะ” นิลินีดันนิ้วชี้ของกวีที่ชี้หน้าจับผิดออกไป
“แกชอบพี่พฤกษ์เหรอ”
“บ้าเหรอ เขาเป็นพี่รหัสฉันนะ”
“เป็นพี่รหัสแล้วไง ตำราเล่มไหนระบุว่าห้ามเธอชอบพี่รหัสกันล่ะ” กวีเดินกอดกระเป๋านักเรียนไปกับเพื่อนรัก แล้วก็เอาไหล่ชนอีกฝ่ายเหมือนเป็นการกระเซ้า
“เราเป็นนักเรียนทุนนะวีวี่ จำเอาไว้ห้ามลืมเด็ดขาด ต้องขยันเรียนตั้งใจเรียนแล้วก็ทำเกรดให้อยู่ในระดับที่ดีรักษาทุนเอาไว้ หากมีความรักก็คงต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึกสุดใจ เข้าใจไหม”
“จ้ะ แม่คนดี ยึดมั่นในศีลธรรมอันดีงาม” กวีทำหน้าทำตาใส่เพื่อนด้วยท่าทีน่ารัก
“แกไม่มีพี่รหัสมอ.ห้าเพราะตุยไปแล้ว แกเลยเป็นน้องรหัสคนเดียวของพี่พฤกษ์”
“ฉันก็ได้ยินว่าพี่สาตายแล้วเหมือนกัน แต่ทำไมถึงตายฉันก็ไม่รู้”
“ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ แต่ฉันได้ยินพี่รหัสของฉันเล่าให้ฟัง แต่แกต้องเหยียบให้มิดเลยนะ” กวีกระซิบกระซาบ
“แกจะกระซิบทำไมนี่ อยู่กันสองคนแค่นี้” นิลินีพูดแล้วทำท่าขำเพื่อน
“ก็มันเป็นความลับสุดยอด ไม่มีใครเคยพูดถึงเรื่องนี้มานานเป็นปีแล้วไง เห็นว่าพี่สา พี่รหัสของแกแอบชอบพี่พฤกษ์ แล้วโดนพี่พฤกษ์เมิน เพราะมีข่าวลือว่าถึงพี่พฤกษ์จะดีกับน้องรหัสมาก แต่ก็เอ็นดูแค่น้องรหัส ไม่ใช่ให้คิดเกินเลยไปมากกว่านั้น”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ พอพี่สาโดนเมินก็เลยคิดสั้น พี่พฤกษ์เลยเสียใจมากนะ เห็นว่าไปงานสวดทุกคืนเลย แล้วก็ห้ามให้ใครพูดถึงพี่สาอีก”
“พี่พฤกษ์มีมุมดาร์กแบบนี้ด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อน” นิลินีครางออกมา
“พี่รหัสฉันเล่าให้ฟังเอง พี่รินทร์ไม่น่าโกหกนะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
“ทำไมแกเสียงหงอยแบบนั้นล่ะ ไหนบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่พฤกษ์หรือว่าแกคิด”
“ฉัน”
“คิดก็คิดสิ ฉันยังคิดเลย พี่พฤกษ์น่าคลั่งไคล้เสียขนาดนั้น”
“ฉันยังเรียนอยู่แค่มอ.สี่เอง ไม่ควรคิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แกก็เหมือนกันยายวีวี่ กลับบ้านกันได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ไม่มีความรักแต่แอบรักเขาในใจไม่น่าจะเป็นอะไรนี่นา ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนหรือใครตายเสียหน่อย” กวีพูดยิ้ม ๆ แต่นิลินีไม่ได้โต้ตอบอะไรอีก
คืนนั้นเธอทำการบ้านเสร็จก็นั่งดูดาวอยู่คนเดียวที่ระเบียงบ้านไม้หลังเก่าของบิดามารดา นั่งดูดาวเพราะคิดถึงพี่รหัสสุดหล่อและแสนดีของตัวเอง แค่มองท้องฟ้าใบหน้าของเขาก็ลอยอยู่บนท้องฟ้า แถมยังยิ้มให้เธอเสียอีก
“โอ๊ย! ฟุ้งซ่านอีกแล้วยายนิล ไม่เอาไม่คิดมาก” เธอตบหน้าผากของตัวเองเบา ๆ ไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน
“ฟุ้งซ่านอะไรจ๊ะสาวน้อยของพี่” มุกดาเอ่ยถามน้องสาวคนสวย
“เปล่าค่ะพี่มุก”
“มีอะไรพูดกับพี่ได้ทุกเรื่องเลยนะจ๊ะ” มุกดาโยกศีรษะน้องสาวไปมา เธอเพิ่งเรียนจบและตอนนี้กำลังเริ่มเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี โชคดีที่ได้ทำงานที่นี่ เพราะเธอจะได้แบ่งเบาภาระทางบ้าน เนื่องจากครอบครัวยากจน พ่อทำงานรับจ้างทั่วไป แม่เป็นแค่แม่บ้านรายได้ไม่เยอะ มีรับเย็บผ้าซ่อมเสื้อผ้าบ้างพอได้เงินมาจุนเจือครอบครัว เธอจึงตั้งใจทำงาน เพราะอยากส่งน้องสาวให้เรียนจนจบด้วยเหมือนกัน แต่นิลินีก็เป็นเด็กดีขยันเรียนจนได้ทุนการศึกษา ดังนั้นนิลินีจึงไม่สร้างภาระให้ครอบครัวแต่อย่างใด แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าคนในครอบครัวเป็นภาระ เพราะทุกคนต่างรักและห่วงใยกัน พ่อกับแม่ก็เป็นพ่อแม่ที่ดี แม้จะได้ไม่ร่ำรวยแต่ก็รักลูกมาก มุกดาจึงรู้สึกว่าครอบครัวของเธอ ถึงจะไม่ได้รวยมากมายอะไร แต่ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“แอบชอบใครอยู่หรือเปล่า”
“พี่มุกรู้ได้ยังไงคะ” เธอตกใจที่พี่สาวรู้
“จริงด้วย”
“ขอโทษนะคะ ต่อไปนิลจะไม่ฟุ้งซ่าน จะตั้งใจเรียน”
“เรื่องปกตินะ คนเรามีความรักกันได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือไม่ทำอะไรเสียหายก่อนวัยอันควร ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่สำคัญอะไรในชีวิต รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แค่นี้ก็พอแล้วจ้ะ”
“แต่มันก็ไม่ควรมีความรักในวัยเรียนไม่ใช่เหรอคะ”
“ใจคนนะ ไม่ใช่ก้อนหินจะห้ามไม่ให้มีความรัก
ความชอบ ความปลื้มได้ยังไงกัน แต่ก็ควรอยู่ในขอบเขต รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ดูแลตัวเองให้ดีอย่าให้ท้องก่อนแต่งหรือไปเสียเนื้อเสียตัวจนติดโรค”
