ตอนที่ 9 รอยราคี 4
“ไอจ๋า ชอบไหมแบบนี้ วิทย์ชอบมากเลยนะ”
“อะ..อืม” เนตรชนกตอบรับเสียงเบา หญิงสาวเริ่มหมดแรงอยากจะนอนเต็มทน
“ซี๊ด...อีกนิดนะที่รัก ทนอีกนิดนะ”
ชายหนุ่มอารมณ์เตลิด เขาเคล้นคลึงหน้าอกของเธออีกทั้งยังบดบี้ปุ่มทรวงแรงขึ้น ทำเอาอารมณ์พิศวาสของเนตรชนกให้ลุกโพลนขึ้นมาอีกครั้ง
“อะ..อ้า...วิทย์...ระ…เรา..ไม่ไหวแล้วนะ”
“อีกนิดนะที่รัก วิทย์จะแตกอีกแล้ว” เขาพูดพลางซอยถี่ยิบอย่างเมามัน แรงที่มีเหลืออยู่เท่าไหร่เขาใส่มันไม่ยั้ง
“อะ..อ๊า..” คนตัวเล็กเกร็งตัวก่อนซวนซบลงไปที่อกกว้าง เธอเสร็จอีกครั้งนึงแล้ว
“วิทย์แตกแล้ว” ชายหนุ่มยืนเกร็งตัวนิ่ง ปล่อยให้ธารรักร้อนสีขาวขุ่นค่อย ๆ ไหลเข้าไปในโพรงดอกไม้งามจนเต็ม ก่อนที่จะทะลักไหลออกมาตามหน้าขาเรียว
“ของไอยังตอดวิทย์อยู่เลย จะจัดอีกรอบไหมไอ”
กรวิทย์เอ่ยถามคนตัวเล็กที่ตอนนี้ซวนซบลงบนตัวเขา อีกทั้งยังหลับตาพริ้มราวกับคนที่กำลังนอนหลับลึก ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ได้ถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้องตัวจริงคือ ไอศิกา
“ขอโทษทีนะที่มาช้า พอดีร้านบะหมี่ข้างตึกไม่ขาย ไอเลยไปซื้อผัดไทยที่ตลาดมาให้..”
หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเจื้อยแจ้วพลางปิดประตูห้องลงอย่างแผ่วเบาโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองคนที่อยู่ในห้องเพราะคิดว่าเนตรชนกกำลังนอนเล่นรอตนอยู่บนเตียง หากแต่เมื่อเธอหันไปก็พบว่าเพื่อนสนิทขิงเธอนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว หากแต่มีกรวิทย์แฟนหนุ่มของเธออยู่ด้วย
‘กรวิทย์กับเนตรชนกมีความสัมพันธ์กันบนเตียงนอนในห้องเธอ’
“วิทย์…”
ไอศิกาพึมพำเสียงเบา เมื่อมองเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าคนที่เธอรักสองคน กำลังมีสัมพันธ์สวาทกันอยู่ ถุงใส่ผัดไทเจ้าอร่อยที่ตั้งใจซื้อมาให้เพื่อน มันร่วงหล่นลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างน่าเสียดาย
“ถ้าอยากนอนด้วยกัน ทำไมต้องมาที่ห้องของไอ ทำไมไม่ไปนอนกันที่อื่น?” เจ้าของห้องตวาดดังลั่นด้วยความเสียใจ น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นสั่นเครือ
“อะ..ไอ” กรวิทย์เบิกตาออกกว้างด้วยความตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงหวานตัดพ้อ เขาสร่างเมาแทบจะในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนรักยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า น้ำตาไหลคลออาบแก้มนวลทั้งสองข้าง ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ก้มมองผู้หญิงอีกคนที่โอบกอดเอาไว้ด้วยความรักเมื่อครู่ ก็ต้องตกใจเมื่อใบหน้าของคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นคือเนตรชนก
“ดะ..เดี๋ยวก่อนไอ ฟังวิทย์ก่อน”
ชายหนุ่มถอนลำแกร่งของตนออกมาจากช่องทางรักของคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว พลางประคองเนตรชนกให้นอนราบลงบนเตียงในขณะที่ธารรักยังคงเอ่อล้นออกมาจากโพรงดอกไม้งาม ก่อนรีบเดินเข้ามาหาสาวคนรักในสภาพที่เปลือยกาย
“อะ..ไอ วิทย์ขอโทษ วิทย์เข้าใจผิดว่าเนตรเป็นไอ วิทย์รักไอ วิทย์ก็เลย…”
กรวิทย์พูดยังไม่ทันจบ หน้าของเขาก็สะบัดหันทางด้านข้างด้วยแรงตบของฝ่ามือเล็กที่ตั้งใจเหวี่ยงตบลงไปบนใบหน้าคมเต็มแรง
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังลั่น กรวิทย์ยกมือของเขาขึ้นมากอบกุมแก้มของตนเอาไว้ด้วยความเจ็บและชา ในขณะที่คนตบนั้นเจ็บที่มือและเจ็บที่ใจ
“ออกไป!”
ไอศิกาตวาดลั่นด้วยความโกรธ พลางเหลียวมองไปรอบ ๆ ตัวก็เจอเสื้อผ้าที่เขาถอดทิ้งเอาไว้อย่างเกลื่อนกลาด เธอเดินไปเก็บเสื้อผ้าของเขาทีละชิ้นจนครบ ก่อนจะปามันไปที่ตัวของเขาเต็มแรงด้วยความโมโห
“แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วรีบออกไป อย่ามาให้ไอเห็นหน้าอีก ไป!”
กรวิทย์ใส่กางเกงด้วยความรีบร้อน พลางเดินเข้าไปหาเจ้าของห้องสาวที่ตอนนี้กำลังเดินไปที่เตียงนอนด้วยความโมโห
“ตื่นเดี๋ยวนี้เนตรชนก!” ไอศิกากระชากแขนของเธออย่างแรง เพื่อให้ลุกขึ้นจากที่นอน
เนตรชนกลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียด้วยความอ่อนเพลียเพราะเพิ่งผ่านกิจกรรมรักที่เผ็ดร้อนมาเมื่อครู่ แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่ปลุกตนเต็มตา เธอถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“อะ..ไอ”
“ออกไปทั้งคู่เลย ไปเดี๋ยวนี้”
“ไอ..ฮือ ๆ ๆ เราไม่ได้ตั้งใจ วิทย์ปล้ำเรานะ ฮือ ๆ ๆ ” เนตรชนกพูดเสียงสั่นพลางจับไปที่แขนของเจ้าของห้องอย่างขอความเห็นใจ
“วิทย์ขอโทษ วิทย์เมา วิทย์ไม่ตั้งใจ”
ไอศิกานิ่งเงียบ ปล่อยให้หยาดน้ำตารินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยอยู่อย่างนั้น
บางทีน้ำตามันอาจจะชะล้างเศษผงที่อยู่ในลูกตาออกและทำให้มองเห็นอะไรชัดขึ้นก็ได้
เมื่อเห็นเพื่อนสนิทยืนนิ่ง เนตรชนกลงจากเตียงนอนขนาดเล็กที่เธอเพิ่งใช้เป็นสังเวียนรักอย่างช้า ๆ ไม่กล้าสบตาของเจ้าของห้องก่อนที่จะรีบแต่งตัวแล้วเดินออกไปจากห้องเงียบ ๆ เช่นเดียวกับกรวิทย์
ทันทีประตูห้องได้ปิดลง หญิงสาวร่างเล็กผู้เป็นเจ้าของห้องค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น แข้งขาที่พยายามฝืนให้ยืนอย่างมั่นคงเมื่อครู่นั้น มันเริ่มหมดแรงเสียแล้ว
“ทำไม..ฮือ ๆ ทำไม”
ไอศิกานั่งกอดเข่าพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนด้วยความเสียใจ ภายในห้องพักของตัวเอง
