พิษรักเจ้าสาวมือสอง

86.0K · จบแล้ว
อารัญ
80
บท
10.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ไอศิกา ตัดสินใจช่วยเหลือกรวิทย์แฟนหนุ่มที่พลั้งเผลอมีความสัมพันธฺทางกายโดยที่ฝ่ายหญิงอย่างเนตรชนกไม่เต็มใจ จนเกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ เธอยินยอมใช้ชื่อของตนให้เป็นแม่เด็ก ในขณะที่แม่ตัวจริงทิ้งเด็กไป กรวิทย์ไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดได้ เพราะตนเองนั้นยังเรียนอยู่ จึงขอความช่วยเหลือจากพี่ชายอย่างกรวีย์ให้ช่วยเลี้ยงหลาน ซึ่งเขาเองก็เต็มใจช่วยเหลือ กรวิทย์สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเรียนจบจะแต่งงานกับไอศิกา แต่แล้วฝ่ายชายผิดสัญญา ไปมีกิ๊กใหม่จนเธอจับได้ และเลิกรากันไป ทำให้กรวิทย์ไม่ติดต่อทางบ้านอีกเลย ส่วนกรวีย์นั้นรู้แค่ว่าน้องชายเลิกรากับแม่ของเด็กเพราะฝ่ายหญิงไม่ได้เงินค่าส่งเสียเลี้ยงดู เป็นผู้หญิงใจแตกที่จับผู้ชายเท่านั้นเมื่อเรื่องราวผ่านไป จนใกล้จะลืมเลือน กรวีย์กลับมารู้เรื่องของไอศิกาอีกครั้ง จาก รัตติยา เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลยนะคะ ขอฝากด้วยค่ะ

นิยายรักโรแมนติกประธานคนต่ำต้อยพลิกชีวิตแต่งงานสายฟ้าแลบอุ้มบุญ

ตอนที่ 1 บทนำ แม่เลี้ยงสาว

วันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพของ ธเนศ ปรีดาอัครกุล เศรษฐีใหญ่สูงวัยผู้ใจบุญแห่งเมืองน่าน ผู้คนทั่วทุกสารทิศต่างพร้อมใจกันเดินทางมาร่วมงานเพื่อแสดงความอาลัยอย่างมืดฟ้ามัวดินเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยสำนึกที่ครั้งหนึ่งท่านได้เคยเกื้อหนุนจุนเจือ อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือในยามที่ขาดแคลน

กลุ่มควันสีดำลอยพวยพุ่งออกจากปล่องสูงทรงยาวที่ตั้งอยู่ทางด้านบนเมรุเผาศพของวัดใหญ่ประจำอำเภอขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนที่กระจ่างใส ไร้ซึ่งกลุ่มก้อนมวลเมฆขาว ราวกับว่าสวรรค์เบื้องบนต้องการสื่อให้เห็นว่าชายผู้วายชนม์นั้นกำลังเลื่อนขั้นจากภพภูมิเดิมเพื่อขึ้นไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นและสว่างสดใส

ไอศิกา หญิงสาวร่างเล็กบอบบาง ใบสวยหวานของเธอนั้นเต็มไปด้วยความหมองเศร้า ดวงตากลมโตคู่สวยบวมช้ำและมันยังคงเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของความเสียใจ วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงสีดำสนิทแขนเรียวทั้งสองข้างกอดประคองกรอบรูปขอบทองลายหลุยส์ขนาดใหญ่ที่ภายในนั้นมีภาพถ่ายสี่สีของธเนศเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ใบหน้าของเขาดูยิ้มแย้มและมีความสุข ภาพนี้เป็นภาพที่ถูกนำมาใช้ในงานตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย เธอประคองภาพเอาไว้อย่างทะนุถนอมและหวงแหน

“เอารูปพ่อของฉันมานี่!” รัตติยา หญิงสาวร่างสูงระหงลูกสาวเพียงคนเดียวของธเนศและมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของไอศิกาตวาดเสียงดังลั่นกลางงานอย่างไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ด้วยเห็นว่าคนตัวเล็กหน้าซื่อนั้นไม่มีใครคุ้มครองเธอได้อีกแล้ว อีกทั้งยังกระชากเอากรอบรูปใหญ่ที่มีภาพของพ่อตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของหญิงสาวมาถือเอาไว้เสียเอง

“เอ๊ะ! ระวังกรอบรูปจะตกแตกนะคะคุณรัตติ” เธอร้องเตือนขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ กรอบรูปที่ถือเอาไว้อย่างทะนุถนอมเมื่อครู่จู่ ๆ ถูกแย่งไปจากมือเสียดื้อ ๆ

“ฉันรู้ ฉันไม่โง่เหมือนพ่อของฉันหรอกคุณแม่เลี้ยง” รัตติยาพูดออกมาอย่างเจ็บช้ำ ก่อนที่จะออกคำสั่งเสียงดังอีกครั้งเมื่อเห็นคนตรงหน้ายืนก้มหน้านิ่ง

“จะมายืนอ้อยสร้อยทำอะไรอยู่ตรงนี้ รีบเดินขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปถึงบ้านช้าไม่ทันคุณทนายหรอก”

“ค่ะ” ไอศิการับคำเบาๆ พลางเดินตามหลังลูกเลี้ยงสาวไปยังรถเบนซ์สีดำที่จอดเรียงรายรออยู่ที่บริเวณหน้าศาลา

“เธอมาแต่ตัว ก็อย่าคาดหวังเลยว่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับออกไป เท่าที่ฉันรู้มาที่เธอได้ไปมันก็มากพอแล้ว!”

ประโยคที่ลูกเลี้ยงสาวพูดออกมานั้น ทำเอาผู้ฟังถึงกับรู้สึกสะอึกในใจน้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งลงไปแล้ว กลับเอ่อล้นจนรินไหลลงมาอาบรดนวลแก้มงามอีกครั้ง เพราะทุกคำที่เธอคนนั้นได้พูดออกมา มันคือเรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ หญิงสาวพยายามฝืนยืนให้มั่นก่อนเดินตรงไปที่รถเบนซ์ส่วนตัวสีดำคันใหญ่ โดยที่มีปรีชาคนขับรถเปิดประตูไว้คอยอยู่แล้ว หากแต่ทันทีที่หลังของเธอแตะลงบนเบาะหนังเนื้อดีเท่านั้น หยาดน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้งอย่างไม่ขาดสายอย่างที่มาอาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไป ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูปักลายดอกไม้สีหวานหากแต่มันยังคงเปียกชื้นเนื่องจากได้ถูกใช้งานมาก่อนหน้านี้ได้ถูกหยิบขึ้นมาใช้ซับน้ำตาจากดวงตาคู่สวยอีกครั้ง

ภายในบ้านเรือนไทยไม้สักทองใต้ถุนสูงหลังใหญ่บรรดาญาติสนิทคนอื่น ๆ อีกทั้งลูกหลานของธเนศ ต่างนั่งรอคอยการมาของนาวิน ทนายความประจำตระกูลซึ่งมาเปิดพินัยกรรมของ ธเนศ ปรีดาอัครกุล อย่างเป็นทางการด้วยอาการกระสับกระส่ายและใจจดใจจ่อภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่ ซึ่งต่างกับไอศิกา ถึงแม้ว่าจะมีตำแหน่งเป็นภรรยาอีกคนของเจ้าของบ้านที่เพิ่งเสียชีวิตไป หากแต่เธอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการ ถึงกระนั้นแววตาของทุกคนที่จ้องมองตรงเข้ามา เธอก็รู้ในทันทีว่า พวกเขาเหล่านั้นไม่ปรารถนาให้เธอมีส่วนแบ่งในทรัพย์สมบัติของธเนศ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม

หญิงสาวเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างเงียบๆ บรรจงเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่ลงในกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กที่ได้ซื้อเอาไว้หลังจากที่รู้ว่าผู้สูงวัยเสียชีวิต ก่อนจะก้มลงกราบบนเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของเธออีกครั้ง

“ไอขอลาก่อนนะคะคุณท่าน หากชาติหน้ามีจริงไอขอกลับมาทดแทนบุญคุณท่านอีกครั้งนะคะ”

ไอศิกาเดินหิ้วกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กผ่านไปยังห้องรับแขก ซึ่งคนที่อยู่ในห้องนั้นไม่มีใครมองเห็นว่าเธอเดินผ่านไปเลยสักคน หญิงสาวเดินลงบันไดเพื่อตรงไปยังประตูเล็กที่อยู่หน้าบ้าน

“คุณไอจะไปไหนคะ?” พิไลหัวหน้าแม่บ้านเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะเธอเดินคุมฝนและสาวใช้คนอื่นเตรียมน้ำและของว่างให้กับบรรดาญาติของธเนศที่มารอฟังการอ่านพินัยกรรมจากทนายความประจำตัว

“ไอจะกลับบ้านไอค่ะคุณพิไล” เธอพูดยิ้มๆ ก่อนที่จะวางกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงกับพื้นเพื่อยกมือไหว้

“ไอขอลานะคะ”

“โธ่..คุณไอ” ผู้สูงวัยกว่าน้ำตารื้น จุกในอก หากแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอจึงทำได้เพียงยกมือขึ้นมารับไหว้เท่านั้น

“ขอให้พระคุ้มครองนะคะ”

“ขอบคุณมากค่ะคุณพิไล”

ไอศิกายิ้มให้บางๆ ก่อนที่จะเดินหันหลังตรงไปยังประตูเล็กเพื่อกลับบ้านของเธอที่อยู่ไม่ไกลนัก

‘บ้านของเธอ ที่ได้รับการช่วยเหลือมาจาก ธเนศ ปรีดาอัครกุล’

หญิงสาวถอนหายใจยาวออกมาช้าๆ รู้สึกใจหายไม่น้อยที่ต้องจากบ้านหลังนี้ ถึงแม้ว่าจะมีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่ว่าความอบอุ่น และความเอื้ออาทรของผู้สูงวัยที่ได้รับมาโดยตลอดเมื่อครั้งที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ยังคงมีอยู่อย่างท่วมท้นและเต็มเปี่ยมภายในหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอ

ไอศิกาผลักบานประตูเล็กออกมาอย่างเบามือ ก่อนที่หมุนตัวกลับไปดูบ้านหลังใหญ่ที่เพิ่งเดินจากมาอีกครั้งด้วยความอาลัย ทันใดนั้นเองจู่ ๆ ได้มีชายหนุ่มปริศนาเข้ามาล็อคตัวเธอจากทางด้านหลัง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นฉุนของสารเคมีบางอย่างโปะลงที่จมูก หญิงสาวต่อสู้ดิ้นรนขัดขืนสุดฤทธิ์หากแต่ยังคงพ่ายแพ้ให้กับท่อนแขนกำยำของเขาคนนั้นที่โอบรัดตัวเธอเอาไว้แน่น จนในที่สุดสติของเธอก็เริ่มเลือนลางลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจางหายไปในที่สุด