พิษรักนนทพัทธ์

85.0K · จบแล้ว
Farista
33
บท
22.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

นนทพัทธ์เห็นข้าวหอมเป็นเพียงนางบำเรอรองรับอารมณ์...ส่วนข้าวหอมรักชายหนุ่มหมดหัวใจแม้ถูกเหยียบย่ำหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม

นางเอกเก่งดราม่านิยายรักเลือดร้อน18+หมอรักแรกพบนักศึกษา

บทที่1 เจอกันอีกครั้ง

"ข้าวหอม"

หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ผิวขาวซีดในชุดนักศึกษาพอดีตัวหยุดชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอัตโนมัติเมื่อเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง

หัวใจพลันเต้นแรงราวกับกลองชุดน้ำเสียงแบบนี้เธอจำได้ขึ้นใจว่าเป็นเสียงของผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันเขาหายไปตั้ง 8ปีแล้ว 8ปีเต็ม ๆ ที่เธอไม่ได้ยินข่าวคราว หรือรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย

อีกอย่างมันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาหาเธอ ป่านนี้คงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงที่ชื่อข้าวหอม

เธอคงคิดถึงเขามากไปจริง ๆ ถึงได้หูฝาดแบบนี้ แม้เวลาจะผ่านไป 8ปีแล้ว แต่ไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่คิดถึงเขา ความรักที่เธอมีต่อเขามันมากมายเกินกว่าจะลบลืมได้ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ถึงแม้เขาจะทำให้เธอเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

เธอยังจำความรู้สึกแรกที่ตกหลุมรักได้ดี ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าปีหนึ่งใหม่ ๆ เธอได้รู้จักเขาผ่านพี่รหัสที่แนะนำว่าเขาคือรุ่นพี่สายรหัส เพียงแรกพบสบตาเธอก็ตกหลุมรักเขาเข้าเต็มเปา

และมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาได้ช่วยเหลือเธอถึงหลายครั้งหลายครา ครั้งแรกเธอเกือบโดนขี้ยาลากไปทำมิดีมิร้าย แต่นับว่าโชคดีที่เขาบังเอิญผ่านมาเห็นพอดีเลยช่วยไว้ได้ทัน หากเขามาช่วยไม่ทันเธอคงโดนย้ำยี้และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ไหม

ครั้งที่สองเขาก็เป็นคนช่วยแม่ของเธอในตอนที่ท่านเป็นลมข้างถนน ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลจนเสร็จสรรพ เขาช่วยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอไว้

เท่านั้นยังไม่พอเมื่อรู้ว่าแม่เธอไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลเขาก็เป็นคนออกให้เองทั้งหมด ช่วยเหลือทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ

เขาโคตรแสนดีแบบนี้จะไม่ให้เธอรักได้ยังไงกัน

"เป็นเอามากนะเนี่ยข้าวหอม" เธอยกมือขึ้นเคาะหัวเบา ๆ พลางระบายยิ้มออกมาอย่างนึกขำตัวเองที่คิดถึงเขาจนหูแว่ว ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วก้าวเท้าเดินต่อ

"ข้าวหอม"

ทว่าก้าวเท้าเดินได้สองก้าวเท่านั้นเธอก็ต้องชะงักอีกครั้งกับเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เริ่มมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดแน่นอนมีคนเรียกเธอจริง ๆ

หัวใจดวงน้อยที่เพิ่งสงบลงพลันเต้นแรงอีกครั้ง มือเรียวกำสายสะพายกระเป๋าแน่นข่มความตื่นเต้นเอาไว้ แล้วค่อย ๆ หันไปมองทางต้นเสียงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

"พะ..พี่นนท์" ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงราวกับสิ่งรอบตัวหยุดหมุนเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา และกางเกงแสล็กสีเทาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติที่ยืนตระหง่านอยู่

เขาคือนนท์ผู้ชายที่เธอหลงรักจริง ๆ ไม่ได้เจอกันแปดปีเขาดูดี และภูมิฐานมากขึ้นกว่าเดิม กาลเวลาไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดน้อยลงเลย

"สบายดีไหมข้าวหอม" เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้งทำให้ข้าวหอมที่ตกอยู่ในภวังค์ได้สติ เปล่งเสียงตอบด้วยท่าทางประหม่า "สะ..สบายดีค่ะ"

"แล้วพี่นนท์ละคะสบายดีไหม" และไม่ลืมจะถามไถ่กลับพลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาไหววูบ เพียงเห็นสายตาว่างเปล่าที่เขามองมาก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บในใจไม่น้อย ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาก็ยังมองเธอด้วยแววตาแบบนี้

"สบายดีครับ" นนทพัทธ์ตอบรุ่นน้องสาวด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม แต่แววตากลับจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความว่างเปล่า ภายใต้ท่าทางอ่อนหวานและใบหน้าแสนใสซื่อนี้เธอกลับซ้อนความชั่วร้ายเอาไว้จนใครก็คิดไม่ถึง

"อ่อค่ะ" ข้าวหอมพยักหน้าเข้าใจพร้อมถามไถ่ต่อ "พี่นนท์มาทำอะไรที่นี่คะ"

"พี่มาหาน้องข้าวนั่นแหละ"

"มาหาข้าว?" เธอขมวดคิ้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความสงสัย รุ่นพี่มาหาเธออย่างนั้นเหรอแล้วมาหาทำไมกัน

"พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย"

"พี่มีอะไรจะคุยกับข้าวเหรอคะ"

"พี่ว่าเราไปคุยกันตรงโน่นดีกว่า" นนทพัทธ์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับชวนรุ่นน้องสาวไปคุยใกล้ ๆ รถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลเพราะไม่อยากให้คนที่เดินผ่านไปมาได้ยินเรื่องที่เขาจะพูดกับเธอ

"ค่ะ" ข้าวหอมพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามรุ่นพี่หนุ่มไปโดยไม่คิดเอะใจสักนิด เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะคุยอะไร นี่ก็ผ่านมาถึงห้าปีแล้วมีอะไรให้คุยอีกอย่างนั้นเหรอ

"น้องข้าวรู้จักผู้หญิงชื่อแพรแฟนของคุณอลันไหมครับ" เมื่อเดินมาถึงรถนนทพัทธ์ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงยิงคำถามใส่รุ่นน้องสาวแบบไม่อ้อมค้อม

"ไม่รู้จักค่ะ" ข้าวหอมปฏิเสธเสียงเรียบทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าแพรเป็นใคร หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างหนักทั้งรู้สึกหวาดหวั่นทั้งสงสัยในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ รุ่นพี่หนุ่มมาถามเรื่องนี้กับเธอทำไม

มือเรียวกำชายกระโปรงนักศึกษาทรงเอแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ตัวเองแสดงพิรุธใด ๆ ออกไปให้เขาจับได้

"เหรอข้าวหอม" นนทพัทธ์เค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันสรรพนามใช้เรียกเปลี่ยนไปบ่งบอกได้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจมาก

จับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยแววตาแข็งกร้าวแตกต่างจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง เขาคิดไว้แล้วว่าเธอต้องตอบแบบนี้เพราะคงไม่มีผู้ร้ายคนไหนยอมรับว่าตัวเองกระทำผิดหรอก

"หากไม่มีอะไรแล้วข้าวขอตัวก่อนนะคะใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้วค่ะ" คนถูกจับจ้องถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องรีบบอกกล่าวแล้วหันหลังเดินจากไปไม่รอให้เขาได้ถามไถ่อะไรต่อ

ตอนแรกยอมรับว่าดีใจที่ได้เจอเขา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหวั่นใจจนไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาต่อแม้แต่วินาทีเดียวรับรู้ได้ถึงรังสีความน่ากลัวจากสีหน้าเคร่งขรึมและแววตาแข็งกร้าวนั้น

"อ๊ะ!" ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวเธอก็ต้องหลุดร้องด้วยความตกใจเพราะแรงกระชากจากด้านหลังทำให้ตัวเธอเซถลาปะทะร่างสูงดังปึก

ใบหน้าจิ้มลิ้มเหยเกเล็กน้อยเพราะรู้เจ็บ ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของการกระทำอย่างไม่เข้าใจพลางพยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุม "พี่นนท์ปล่อยข้าวนะคะ ข้าวต้องไปทำงานแล้ว"

"นึกว่ากลัวความผิดจนต้องรีบหนีเสียอีก" นนทพัทธ์เหยียดยิ้มมุมปากมองร่างบางที่พยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุมอย่างเย้ยหยัน คงกลัวว่าความเลวของตัวเองจะปรากฏสินะถึงได้รีบชิงหนีแบบนี้

"พี่พูดเรียกอะไรข้าวไม่รู้เรื่อง ที่ข้าวรีบเพราะกลัวจะเข้างานสายแค่นั้นค่ะ" ข้าวหอมยังคงปฏิเสธและยิ่งออกแรงดึงมือจากการจับกุม "ปล่อยข้าวเถอะค่ะพี่นนท์"

"เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์คิดว่าเธอเป็นเด็กดี" นอกจากนนทพัทธ์จะไม่ยอมปล่อยแล้วยังบีบข้อมือเล็กแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งผิดหวังและโมโหในเวลาเดียวกัน

มาถึงขนาดนี้แล้วรุ่นน้องสาวยังจะปากแข็งอีกเสียแรงที่เมื่อก่อนเขาเคยเอ็นดูและชื่นชมว่าเธอเป็นเด็กนิสัยดี อดทน ขยัน มีความบากบั่นทำงานส่งตัวเองเรียนไหนจะดูแลแม่ที่ไม่สบายอีก แต่ทั้งหมดมันก็เป็นแค่เปลือกนอกที่เธอสร้างขึ้น แท้จริงจิตใจเธอมันก็อำมหิตทำร้ายคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น

ข้าวหอมพลันหยุดชะงักกับคำพูดและแววตาของรุ่นพี่หนุ่มที่มองมายังเธออย่างผิดหวัง เขาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกันไปรู้อะไรมางั้นเหรอ หรือมันจะเป็นเรื่องที่เขาถามเธอเมื่อกี้แต่เขาจะรู้ได้ยังไงกัน คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองพร้อมกับความรู้สึกกังวล ไม่สิไม่มีทางที่เขาจะรู้เรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อน

"ปล่อยข้าวเถอะนะคะพี่นนท์" ไม่ว่าจะเพราะอะไรตอนนี้สิ่งสำคัญคือเธอต้องไปสแกนลายนิ้วมือเข้างานก่อนเพราะใกล้แปดโมงแล้ว หากไปสายแม้เพียงนิดเดียวอาจเป็นผลต่อคะแนนการฝึกงานของเธอได้ พยายามส่งสายตาอ้อนวอนคนตรงหน้าสุดฤทธิ์หวังให้เขาปล่อยเธอไปสักที "ข้าวต้องไปทำงานแล้วจริง ๆ หากเข้างานสายข้าวต้องโดนหัวหน้าตัดคะแนนแน่ ๆ"

"คุณนนท์" เสียงของใครบางคนดังแทรกขึ้นทำให้ทั้งสองหันไปมองเป็นตาเดียวกัน ใบหน้าของข้าวหอมถอดสีฉับพลันหัวใจหล่นวูบลงสู่ตาตุ่มวินาทีที่เห็นหน้าเจ้าของเสียง

เธอจำได้ดีว่าเขาคือผู้ชายที่อยู่คอนโดแพรในวันนั้น รีบหันหน้ากลับแล้วสะบัดมือออกจากการจับกุมพัลวันเธอจะให้เขาเห็นหน้าไม่ได้เด็ดขาดไม่อย่างนั้นเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อนต้องแตกแน่ ๆ "ปล่อยนะคะพี่นนท์ข้าวต้องไปทำงานแล้ว ปล่อยข้าว"

"ใช่ผู้หญิงคนนี้ไหมครับคุณสินที่ไปหาน้องสาวคุณวันนั้น" นนทพัทธ์เอ่ยกับสินไม่สนใจเสียงทักท้วงของเธอสักนิด หนำซ้ำยังกอบกำข้อมือเล็กแน่นขึ้น อย่าได้ฝันไปเลยว่าเขาจะปล่อยให้ผู้ร้ายอย่างเธอเลยนวลเธอจะต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง

"ใช่ครับเธอนี่แหละที่ทำร้ายน้องสาวผม ผมจำหน้าได้ดี" สินตอบโดยไม่ต้องนึกแค่เห็นเสี้ยวหน้าเขาก็จำได้แล้วว่าคือผู้หญิงที่ไปหาน้องสาวในวันนั้น เขาจำเธอได้ขึ้นใจ

"คุณพูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่เคยรู้จักคุณด้วยซ้ำ" ข้าวหอมส่ายหน้าปฏิเสธระรัวทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร นนทพัทธ์ถึงกับกัดกรามกรอดจนถึงขั้นนี้แล้วเธอยังปฏิเสธได้อย่างหน้าซื่อตาใสไม่คิดเลยว่าจะร้ายกาจได้มากขนาดนี้ "ต้องให้ฉันเอาภาพกล้องวงจรที่คอนโดคุณแพรมายืนยันไหม เผื่อเธอจะจำได้สักทีว่าเคยทำเลวอะไรไว้"

"ก็บอกว่าข้าวไม่รู้เรื่อง ข้าวไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นพี่นนท์ปล่อยข้าวนะคะ" แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นเพียงใดข้าวหอมก็ยังคงยืนยันเสียงแข็ง เธอจะยอมให้ชีวิตตัวเองพังเพราะเรื่องนี้ไม่ได้อนาคตของเธอกำลังไปได้สวย

"ผู้ร้ายปากแข็ง" เป็นสินที่เอ่ยออกมาอย่างเหลืออดหากไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงเขาอยากจะเข้าไปซัดหน้าเธอสักสองสามฉาดตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าแล้ว

"พูดไปก็เปล่าประโยชน์ครับ พาเธอไปหาพายดีกว่าให้พายถามด้วยตัวเอง" นนทพัทธ์เอ่ยตัดบทเพราะรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าวหอมส่ายหน้าระรัวเธอไม่อยากไปพบเจอ ไม่อยากเห็นหน้าพระพายรุ่นพี่สาวเพราะกลัวความผิดที่ได้ทำไว้

แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามสลัดมือหนาออกจากข้อมือเท่าไรก็ไม่เป็นผลและตอนนี้เธอก็กำลังถูกเขาจับยัดเข้าไปในรถคันหรูที่จอดอยู่ข้าง ๆ "ข้าวไม่ไป ปล่อยข้าว"

"คุณสินขับรถให้ผมหน่อยนะครับ" เมื่อยัดร่างบางเข้าในรถได้สำเร็จนนทพัทธ์ก็บอกกล่าวกับสิน พอสินพยักหน้ารับจึงสอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนที่พยายามดิ้นรนลงจากรถพร้อมกับดึงเนกไทมามัดมือเรียวไว้ "อย่าคิดจะหนีมันไม่มีประโยชน์ จงก้มหน้ารับผลกรรมของตัวเองซะข้าวหอม"

"พี่นนท์ปล่อยข้าวเถอะนะ ข้าวไม่รู้เรื่องจริง ๆ" ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย ๆ ของข้าวหอมพร้อมกับน้ำสีใสที่เริ่มเอ่อคลอดวงตากลมอย่างกลั้นไม่อยู่ พยายามส่งสายตาเว้าวอนรุ่นพี่หนุ่มสุดฤทธิ์หวังจะมีสักนิดที่เขานึกใจอ่อนแล้วยอมปล่อยเธอไป

เธอจะไปแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ เธอต้องฝึกงานเธอมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ "พี่นนท์ข้าวต้องฝึกงาน ขอร้องปล่อยข้าวไปเถอะนะคะ"

แต่ดูเหมือนคำขอร้องอ้อนวอนของเธอจะไร้ความหมายเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากหน้าโรงแรม เขาไม่แม้แต่จะปริปากพูดหรือชายตามองเธอสักนิดเอาแต่เบือนหน้ามองออกไปนอกรถทำเหมือนคำพูดของเธอเป็นเสียงแมลงวี่แมลงวัน