14 เธอเป็นของฉันคนเดียว..
ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำใส ๆ รื้นบริเวณขอบตา แต่ก็ยังแสดงความเข้มแข็งไม่อยากให้ชายหนุ่มสมเพชเธอไปมากกว่านี้ คนอะไรไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เธอไปทำอะไรให้เขานักหนาถึงได้ด่ากราดเธออย่างกับผู้หญิงข้างถนนเช่นนี้
“เก็บคำนี้ไว้กรอกใส่กะโหลกน้อยๆ ของเธอดีกว่าไหม? อย่าลืมสิว่าฉันเป็นใคร แล้วเธอมาจากไหน” ชายหนุ่มยังคงหาเรื่องต่ออย่างย่ามใจเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะร้องไห้ ใจหนึ่งก็สงสาร แต่อีกใจหนึ่งก็พยายามไม่ให้ใจอ่อนไปกับเธอเพราะเธออาจจะกำลังมารยากับเขา เพราะเห็นๆ อยู่ว่าเธอทำให้เพื่อนเขาหลงจนหัวปักหัวปําขนาดไหน
“กรุณาปล่อยโรสด้วยคะ ถ้าโรสต่ำก็อย่ามายุ่งกับคนชั้นต่ำอย่างโรส” หญิงสาวพยายามดึงข้อมือออกจากข้อมือหนาของเขาอย่างสุดแรงเพียงเท่านั้นเขื่อนอารมณ์ความโกรธของเขาพังทลายทันทีพร้อมเพิ่มแรงมือของเธอไว้แน่นจนชาเนื่องจากขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง
“ฉันไม่ปล่อย เธอจะทำไม คืนนี้ฉันต้องสั่งสอนคนอย่างเธอ..โรสสิริน”
“จะสั่งสอนยังไงไม่ทราบคะ เดี๋ยวคุณอรปรียาของพี่ก็ได้มีฉีกอกโรสพอดี”
“เรื่องอรไม่เกี่ยวกับเรื่องของเรา อย่าดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“พี่กล้าพูดคำว่าเราด้วยเหรอคะ..นึกว่าพี่ภีมเห็นโรสเป็นแค่ที่ระบาย”
“โรสสิริน..เธอหยุดต่อปากต่อกับคำกับฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ทั้งคู่ปะทะอารมณ์กันดุเดือน แต่โรสิรินก็ยังเก็บอารมณ์เจ็บปวดไม่แสดงความเจ็บปวดหรือร้องขอความเห็นใจต่อหน้าเขา พร้อมพยายามจะแกะมือหนาออกจากมือของพี่ชายเธอออก
“ปล่อยโรสเดี๋ยวนี้พี่ภีม!!!..”
“ไม่ปล่อย!!...ต่อไปนี้เธอจำไว้ เธอเป็นของฉันคนเดียว และไม่มีสิทธิ์ไปมองใครหน้าไหนทั้งนั้น”
วิศรุตที่กำลังคุยกับสาวๆ รีบเข้ามาดูสถานการณ์ทันที เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองคงไม่ได้พูดคุยกันธรรมดา แต่คงจะมีเรื่องเป็นแน่ จากที่สังเกตเห็นสีหน้าของทั้งคู่
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ ขอร่วมวงด้วยคนสิ ดูท่าทางสนุกเชียว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้ม หวังว่าเพื่อนเขาคงไม่หาเรื่องทำให้ยัยตัวแสบจนต้องเสียใจอีกน่ะ
“เปล่า ฉันแค่กำลังจะชวนน้องโรสเต้นรำเฉยๆ” เสียงเข้มตอบเรียบเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดี มือหนาคลายจากมือบางของหญิงสาวทันทีที่วิศรุตเข้ามา แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยไว้เนื่องจากแรงที่เขาบีบด้วยความโกรธ
“เอ่อ!...คือโรสเหนื่อยค่ะอยากไปพักแล้ว” เธอตอบปฏิเสธทันทีเพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะมาไม้ไหนกันแน่
“ถ้าฉลาดก็อย่าขัดใจพี่....โรส” พูดจบก็ดึงแขนเรียวตามเขาไปเบาๆ ด้วยไม่อยากให้วิศรุตรู้ว่าเขากำลังมีเรื่องกับยัยตัวดีอยู่
โดยที่ร่างบางพยายามขืนตัวไว้ไม่ไปกับเขา แต่ด้วยแรงอันน้อยนิดหรือจะสู้แรงของเขาได้ ภีมภวัตเดินนำเธอไปโดยไม่สนใจเสียงใส ๆ ที่ร้องขอ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเสียงใสแม้แต่นิดเดียว คนบ้าเอาแต่ใจที่สุดเลย แม้จะเจ็บขนาดไหนเธอก็จะไม่แสดงให้เขารู้เด็ดขาด
“ทีไอ้รุตทั้งกอด ทั้งรัดฟัดกันกลางชายหาดขนาดนั้น ไม่เห็นจะสะเทือนหน้าด้าน ๆ อย่างเธอเลยนิ” ภีมภวัตระเบิดอารมณ์ทันทีเมื่อเห็นว่าไกลจากบริเวณที่วิศรุตยืนอยู่พอสมควรแล้ว ทีเพื่อนเขาเธอยังยอมให้จับมือถือแขน แต่พอเขาจับบ้างกลับขัดขืนอย่างกับรังเกียจเขาอย่างนั้นแหละ ภีมภวัตค่อนขอดหญิงสาวในใจ
“นี่พี่ภีมแอบตามโรสกับพี่รุตเหรอคะ?” หญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ ก็ในเมื่อเธอไปกบวิศรุตเพียงสองคนโดยไม่ได้บอกใครเลยแต่คำถามนั้นกลับทำให้เธอต้องเจ็บปวดใจเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่มีวันถามคำถามนี้กับเขาเด็ดขาด
“อย่า คิดว่าเธอมีความสำคัญขนาดนั้นสิโรส ฉันไม่ลดตัวลงไปตามเธอหรอกน่ะ ฉันแค่เป็นห่วงเพื่อนฉันว่าจะโดนเธอจับกินเป็นอาหารก็เท่านั้น” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มให้เธอ รีบพูดกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าเรียบเฉย โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาตัดพอ ซึ่งแสดงถึงความรวดร้าวขนาดไหนเพราะคำที่เขาพูดออกมาเพื่อความสะใจ แค่ไม่สนใจก็เกินพอแล้ว ยังมาทำร้ายจิตใจกันไม่รู้จักจบจักสิ้นอีก กะจะให้ใจสลายต่อหน้าต่อตาเลยใช่ไหม?.. เขาถึงจะสาแก่ใจ
หญิงสาวยิ้มเหยียดและเริ่มคิดหาทางเอาคืนพี่ชายปากร้ายของเธอทันที ถึงเธอจะรักเขามากเพียงใด แต่ในเมื่อเขามองเธอเหมือนตัวปลิงที่จะจับเพื่อนเขา ไหนจะสมบัติของเขาอีกละ คราวนี้แม่จะเอาให้ช้ำในเลยคอยดูไหน ๆ เธอก็ไม่เคยดีในสายตาเขาอยู่แล้วนิ
“พรุ่งนี้โรสจะพาพี่ภีมไปโรงพยาบาลนะคะ” เสียงใสพูดจีบปากจีบคอ พร้อมส่งสายตายียวนให้ชายหนุ่ม
“จะพาฉันไปทำไมไม่ทราบ” เสียงเข้มถามระแวง เมื่อเห็นว่ายัยตัวแสบไม่ได้ไม่มีทีท่าเกรงกลัว แถมยังต่อปากต่อคำกับเขาอีก
“ไปผ่าเอาสุนัขออกจากปากพี่ยังไงละคะ” ความจริงเธอก็ไม่อยากจะต่อปากกับเขาหรอก แต่เขาอยากมาหาเรื่องดูถูกเธอก่อนทำไม เสียงใสมัวแต่นึกดีใจที่เอาคืนเขาได้ โดยไม่ทันคิดถึงผลของคำพูดที่จะตามมาว่าอาจทำให้เธอเดือดร้อนได้
ภีมภวัตเองตั้งแต่เกิดมายังก็ยังไม่เคยมีใครมาว่าเขาปากสุนัข หรือต่อว่าเขาขนาดนี้ แม่ตัวดีกล้าดียังไงถึงมาพูดกับเขาแบบนี้ เห็นทีจะต้องจัดการสั่งสอนขั้นเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เธอกล้าหือกับเขาอีก แต่ยังไม่ทันได้ลงมือก็มีคนมาขัดจังหวะเสียก่อน
“ภีมค่ะ อรรู้สึกเวียนหัวจังเลยค่ะ พาอรไปที่ห้องหน่อยสิคะ” หลังจากที่แอบสังเกตคู่นี้อยู่นานแล้ว เมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังจะไปกันใหญ่ อรปรียาจึงรีบเข้าไปเรียกชายหนุ่มว่าที่คู่หมั้น โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าไม่พอใจของเขาพร้อมกับแอบส่งสายตาจิกโรสสิริน แต่ภีมภวัตก็ไม่อาจปฏิเสธได้เพราะบุญคุณของบิดาเธอค้ำคออยู่ แต่ก็ไม่ลืมฝากฝังเพื่อนรักให้เป็นธุระจัดการเรื่องงานเลี้ยงให้
“รุต ฝากเคลียร์หน่อยน่ะ” เสียงเข้มกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เออ ฉันพึ่งรู้ว่าตอนนี้ฉันได้เปลี่ยนสถานภาพจากเพื่อนเป็นขี้ข้าแกไปแล้ว สั่ง ๆ อยู่ได้” วิศรุตตอบประชดประชันภีมภวัต ซึ่งเขายังไม่ชินสักทีกับการที่ถูกภีมภวัตแกล้งประจำ ทำเหมือนเขาเป็น เด็กๆ ไปได้
“งั้นแกไปพักเถอะน่ะ ดูเหมือนแกจะเหนื่อย” ภีมภวัตรีบบอก
“เออๆ เจอกันพรุ่งนี้เช้า” คืนนี้เขาไม่อารมณ์มาเถียงกับเพื่อน เพราะต้องจัดการกับแม่ตัวดีสักหน่อย
เมื่อภีมภวัตพยุงอรปรียามาส่งถึงห้องแล้ว เขาก็รีบออกจากห้องของเธอทันทีเพราะต้องรีบไปจัดการกับยัยตัวแสบต่อ แต่ต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น เมื่อเจอลูกตื๊อผสมลูกอ้อนของอรปรียา
