พิศวาสรักจอมเถื่อน

90.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
58
บท
8.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

มีผู้ชายที่ไหน อยากได้ถูกหญิงที่ต่อยตัวเองจนหน้าหงายมาเป็นเมียบ้าง มีผู้ชายที่ไหน หน้าด้าน หน้าทน เสนอวิธีลดหนี้ให้ลูกหนี้สาวด้วยวิธีการสุดห่ามๆ อธิเช่น…กอด จูบ ลูก คลำ หืมมมม!! มีผู้ชายที่ไหน ปากไม่ตรงกับใจ แต่บทจะรัก จะหึงก็รุนแรงราวกับพายุลง และมีผู้ชายที่ไหน รักเมีย หลงเมียอย่างผู้ชายที่ชื่อว่าเจฟบ้าง ข้อดีของปั๋วมีเยอะแยะ โปรดรับรักด้วยเถอะเมียจ๋า

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายผจญภัยประธานคนธรรมดารักแรกพบฟินๆมาเฟียโรแมนติก

บทที่ 1

เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงที่กำลังวิ่งเล่นอยู่สวนหน้าบ้าน ที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามร่มรื่นนั้นสร้างความสุขให้ทุกคนที่ได้พบเห็น

“ทางนี้ลูก ทางนี้” เสียงของผู้เป็นมารดาเอ่ยเรียกบุตรสาวให้วิ่งมาทางตน

“คุณแม่ รอปัดด้วย” เสียงสดใสของเด็กหญิงวัยสามขวบดังขึ้น ขณะที่ขาเล็กๆ กำลังวิ่งไล่ตามผู้เป็นมารดาอย่างสนุกสนาน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แต่...นั่นคือเรื่องราวในอดีตที่นับดาว พิเชฐพงศ์ กำลังหวนคิดถึง ตอนนี้เธอเติบโตจนเกือบจะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เพราะเหลืออีกเพียงเทอมเดียวหญิงสาวก็จะคว้าใบปริญญาบัตรมาครองได้สำเร็จ นับดาวนั่งมองสนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมๆ กับคิดถึงเรื่องราวในอดีต ตั้งแต่จำความได้ เธอก็เติบโตขึ้นที่นี่ แต่แล้ววันหนึ่งกลับได้รู้ความจริงว่าเธอนั้นไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของครอบครัวพิเชฐพงศ์ เป็นแค่เด็กกำพร้าที่บิดามารดาขอมาอุปการะเลี้ยงดู

จากที่คิดมาตลอดว่าเธอคือบุตรแท้ๆ แต่แล้ววันหนึ่งกลับต้องเปลี่ยนสถานะมาเป็นบุตรบุญธรรม วันนั้นคือวันที่มารดาให้กำเนิดน้องสาวที่ชื่อทัดดาว พิเชฐพงศ์ ที่อายุห่างจากเธอสี่ปี ความรักจากกมลและสายฝนที่เคยมอบให้เธอตลอดมากลับถูกแบ่งครึ่งกระทั่งยกให้น้องสาวเสียหมด เธอถูกผลักไส ถึงอย่างนั้นนับดาวก็ไม่เคยคิดโทษกมลและสายฝน เพราะการได้มาอยู่บ้านหลังใหญ่โต ได้เรียนหนังสือก็ถือว่าดีมากแล้ว

“นั่งคิดอะไรอยู่คะคุณปัด”

“เปล่าจ้ะป้า” นับดาวหันมาตอบวิไล ผู้ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านของที่นี่และคอยเลี้ยงดูเธอไม่ต่างจากแม่คนหนึ่งก็ว่าได้ แววตาของวิไลนั้นแสดงออกว่าเอ็นดูและห่วงใยนับดาวจากใจจริง เพราะรับรู้เรื่องราวของเธอมาตั้งแต่ต้น แม้จะมีเรื่องให้ต้องเสียใจเพราะฐานะความเป็นลูกเลี้ยง แต่นับดาวก็ยังเติบโตขึ้นมาอย่างผ้าขาวอันบริสุทธิ์ เธอจึงเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เสมอ

“วันนี้คุณปัดของป้าไม่มีเรียนเหรอคะ”

“มีค่ะ แต่เป็นคาบบ่าย เดี๋ยวปัดค่อยออกไป” น้ำเสียงสดใสเอ่ยตอบ วิไลจึงยิ้มให้ เพราะนับดาวนั้นขยันไม่เคยทิ้งการเรียนเลย

“ถ้ายังไม่ออกไปเรียนก็ดีเลย นี่เอาไป” อยู่ๆ เสียงของทัดดาวก็ดังขึ้น พร้อมกับโยนสมุดลงตรงหน้าของนับดาวแล้วยืนกอดอกมอง พร้อมด้วยแววตาเฉยชา

“อะไรน่ะปลา”

“การบ้าน ทำให้ปลาหน่อย” น้ำเสียงห้วนๆ เอ่ยสั่งโดยไม่มีหางเสียงให้ความเคารพพี่สาวแม้แต่น้อย

“ครั้งก่อนพี่ก็ทำให้แล้ว ทำไมปลาไม่ลองทำเองดูล่ะ” นับดาวสบตาน้องสาว แต่ทัดดาวกลับตะคอกกลับมาแทน

“อย่าพูดมาก บอกให้ทำก็ทำๆ ไปเถอะ เป็นแค่คนอาศัยแท้ๆ กล้าขัดใจเจ้าของบ้านหรือไง”

“คุณลูกปลา ทำไมถึงพูดแบบนี้กับคุณปัดล่ะคะ” วิไลที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยปรามทัดดาวขึ้นมาทันที

“ก็เรื่องจริง ทำไมปลาจะพูดไม่ได้ พี่ปัดเป็นแค่ผู้อาศัย ปลานี่สิที่เป็นเจ้าของบ้าน เป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ใช่ลูกเลี้ยง” ทัดดาวเน้นเสียงตรงคำว่าลูกเลี้ยงหนักขึ้น นับดาวลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ

“พี่รู้ว่าอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”

“รู้ก็ดี รีบๆ ทำด้วย ปลาต้องเอาไปส่งพรุ่งนี้เช้า”

“แล้ววันนี้ทำไมปลาไม่ไปเรียน ไม่สบายหรือเปล่า” ถึงจะถูกค่อนขอดมากแค่ไหน แต่ความรัก ความเป็นห่วงที่มีให้น้องสาวก็ทำให้นับดาวเอ่ยถาม แต่คนถูกถามกลับไม่อยากตอบ

“อย่าเซ้าซี้ได้ไหม น่ารำคาญ” พูดจบก็สะบัดหน้าให้แล้วหมุนตัวกลับเข้าบ้าน ทุกอย่างทัดดาวดูจะโดดเด่นกว่านับดาวมากนัก ทั้งการเลี้ยงดู เอาใจใส่จากทุกคนในครอบครัวจนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่เรื่องการเรียนทัดดาวกลับสู้นับดาวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“เฮ้อ...คุณปลาก็เป็นซะแบบนี้ แล้วจะเรียนจบกันไหมนะ” พูดจบวิไลก็ลอบถอนหายใจออกมา

“จบสิจ๊ะป้า น้องปลาเองก็เรียนเก่งออก แต่วันนี้คงไม่สบายจริงๆ”นับดาวออกตัวให้น้องสาว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์เครื่องเขียน แล้วมานั่งทำการบ้านระดับมัธยมตอนปลายให้ทัดดาวอย่างไม่อิดออดหรือปริปากบ่น

วิไลนั่งมองอยู่ใกล้ๆ รู้ว่านับดาวนั้นจะคิด จะรู้สึกยังไง จึงพยายามดูแล มอบความรักให้เธอแทนกมลและสายฝนเท่าที่จะทำได้ เด็กสาวคนนี้แม้ภายนอกจะอ่อนแอ ยอมทุกคนไปเสียหมด แต่หากได้ใกล้ชิด จะรู้ได้ทันทีว่าตัวตนจริงๆ ของนับดาวนั้นไม่ได้อ่อนหวานเหมือนใบหน้า ออกจะห้าว นิสัยลุยๆ เหมือนผู้ชายก็ว่าได้ วีรกรรมสมัยเด็กๆ ก็เยอะ ร้ายแรงถึงขั้นชกต่อยกับเด็กชายข้างบ้านมาแล้ว นั่นก็เพราะต้องการปกป้องน้องสาวที่ชื่อทัดดาว เหตุการณ์วันนั้นทำให้นับดาวสนิทกับธนภูมิไปโดยปริยาย

นับดาวมีความเป็นพี่ที่คอยปกป้องน้องสาวสูงมาก แม้ทัดดาวจะทำให้พี่สาวต้องน้อยอกน้อยใจอยู่บ่อยครั้งก็ตามที เมื่อทำการบ้านให้ทัดดาวเสร็จก็ใกล้เวลาต้องไปเรียน นับดาวจึงคว้ากระเป๋าและหนังสือเพื่อออกจากบ้านในช่วงใกล้ๆ เที่ยง แม้ในบ้านจะมีรถอยู่หลายคันที่พร้อมให้เธอใช้สอย แต่นับดาวกลับต้องเดินทางไปเรียนด้วยตัวเอง เพราะไม่มีใครว่างพอจะไปส่งเธอได้ เนื่องจากบิดาต้องทำงานและมารดาก็ต้องคอยรับส่งทัดดาวนั่นเอง

ทุกวันที่มีเรียนนับดาวเดินทางด้วยรถสาธารณะไปมหาวิทยาลัย ชีวิตที่ต้องดิ้นรนทำให้เธอเป็นคนแข็งแกร่ง อ่อนนอกแต่แข็งใน พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่วันนี้ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์บางอย่างเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ นั่นคือการได้พบกับ เจฟ ราเมส อินทรอุดม ขณะที่เธอกำลังเดินเข้าหมู่บ้าน

“เฮ้! อย่าหนีนะ” เสียงตะโกนที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้นับดาวหันกลับไปมอง นั่นทำให้เธอจะถูกชนเข้าอย่างจังจากชายคนหนึ่งจนกระเด็น ก่อนจะเห็นภาพชายสองคนวิ่งไล่จับกันผ่านหน้าไปอย่างเร็ว คนแรกแต่งตัวมอมแมมหน่อย ส่วนคนที่วิ่งตามนี่แต่งตัวดีราวกับนายแบบ นับดาวชะเง้อมองคนทั้งคู่กระทั่งเห็นว่าหายเข้าไปในซอยเล็กๆ ตรงป้ายรถเมล์ แต่จังหวะที่ชะเง้อมองอยู่นั้น เท้าก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง

“เอ๊ะ!” พอยกเท้าออกจึงเห็นว่าเป็นกระเป๋าสตางค์ นับดาวหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของ เมื่อไม่มีจึงหยิบขึ้นมาถือไว้ ความตั้งใจแรกคือต้องเอาสิ่งนี้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เผื่อจะตามหาเจ้าของได้

“ให้ตายสิ ไม่น่าคลาดกันเลย” เสียงบ่นดังมาจากชายคนที่เพิ่งจะเดินกลับออกมาจากซอยที่หายเข้าไปเมื่อครู่ เพราะเขานั้นเกือบจะได้ตัวพวกมือไวฉกกระเป๋าสตางค์เขาแล้วเชียว สีหน้าของเจฟดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งจังหวะที่กำลังจะเดินผ่านนับดาว สาวตาของเขาก็มองเห็นกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในมือเธอเข้า

“กระเป๋าเงินของฉันนี่” เจฟคว้ากระเป๋าสตางค์จากมือของ นับดาวมาถือไว้ทันที ก่อนจะรีบเปิดออกดู จึงพบว่าเงินสดในกระเป๋าหายเกลี้ยง