5.ความคิดถึง (ต่อ)
*** ทักทายคร้า ***
มาริคเบียดริมฝีปากเข้าหาจนเรียวปากอิ่มเผยอออก เรียวลิ้นสากสอดเข้าไปหยอกเย้าดูดดุนกับลิ้นเล็กอย่างนุ่มนวล มิรันตรีเคลิบเคลิ้มไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน เพียงครู่เดียวสัมผัสอ่อนโยนก็แปรเปลี่ยนเป็นจูบแสนเร่าร้อน รุนแรงและดูดดื่มจนหญิงสาวเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว
มาริคเปลี่ยนตำแหน่งมาซุกไซ้ลำคอหอมกรุ่นอย่างหลงใหล แล้วเลื่อนไปจูบดวงตาหวานและวกกลับไปหาริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง ปลายลิ้นสอดใส่ไล่ตวัดเกี่ยวพันกันอย่างไม่รู้ตัว มือใหญ่ลูบไล้สำรวจร่างกลมกลึงอย่างเป็นเจ้าของ กระดุมชุดคาฟตานสีเข้มถูกปลดออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นเนินอกขาวสล้างที่ซุกซ่อนอัดแน่นอยู่ในยกทรงตัวสวย มือใหญ่สอดเข้าไปใต้เสื้อ กอบกุมทรวงอกเต่งตึงแล้วเคล้าคลึงแผ่วเบา
“อย่าค่ะชีคมาริค” มิรันตรีบอกเสียงสั่นพลางจับมือเขาไว้อย่างตกใจ หัวใจเต้นระรัว มาริคชะงักสายตาจับจ้องใบหน้าแดงก่ำที่ดวงตากลมโตกำลังมองเขาอย่างหวาดหวั่น
ชายหนุ่มขบกรามแน่น ระงับอารมณ์ความต้องการของตัวเองอย่างเต็มที่ เริ่มไม่แน่ใจบทลงโทษหญิงสาวเสียแล้ว เพราะตอนนี้มันย้อนกลับมาทรมานเขาเช่นกัน
“ฟังผมได้หรือยัง” เขาถามเสียงพร่า สายตาไม่ยอมละจากทรวงอกที่โผล่พ้นออกมา มิรันตรีจับสาบเสื้อเข้าหากันมือไม้สั่น ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กอดร่างงดงามเต็มอ้อมแขน มืออีกข้างดึงผ้าโพกหัวออก ผมยาวสลวยแผ่กระจายเต็มหมอน
“ลุกขึ้นคุยกันดีกว่านะคะ” มิรันตรีดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนอุ่น อากาศข้างนอกยามค่ำคืนเย็นยะเยือก แต่ข้างในกลับร้อนรุ่มไปด้วยไฟรักที่คุกรุ่นอยู่ในใจคนทั้งสอง
“นอนคุยกันน่ะดีแล้ว ผมชอบ” เขาบอกเสียงนุ่ม ก่อนจะจูบแก้มปลั่งฟอดใหญ่
แล้วเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ถูกถ่ายทอดให้เธอได้รู้ แต่ความคลางแคลงใจหลายอย่างยังคงมีอยู่ในใจของหญิงสาว
ด้านนอกกระโจมหลังใหญ่ ซีมมานยืนมองพระจันทร์ดวงโตที่เคลื่อนต่ำลงไปซึ่งหมายถึงความสว่างไสวของดวงอาทิตย์กำลังจะเข้ามาแทนที่
พึ่บ! เสียงเปิดผ้าม่านหน้ากระโจมดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสง่าของชีคมาริคก้าวออกมา ซีมมานยืดตัวตรงโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
“รู้แล้วใช่ไหมฝีมือใคร” เสียงทุ้มทรงอำนาจถาม
“คิมมานและคนของบารัส ลงมือเพื่อลดความน่าเชื่อถือของชีคครับ”
ดวงตาคมของมาริคแข็งกร้าวขึ้นทันทีที่ได้ยิน
“ไม่นานกองกำลังบารัสจะหมดสิ้นไปจากอัจมาร์ดีน” มาริคบอกด้วยแววตามุ่งมั่น
“เราต้องรีบพาท่านหญิงกลับเข้าเมืองนะครับ ไม่อย่างนั้นเรื่องใหญ่แน่”
มุมปากของมาริคขยับยิ้มเมื่อเข้าใจความหมายขององครักษ์คนสนิท
“ฉันจะพักที่นี่สองวัน เตรียมตัวให้พร้อม ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ” มาริคยิ้ม ตบไหล่กว้างของซีมมานแล้วเดินกลับเข้าไปในกระโจม องครักษ์ถึงกับถอนหายใจเบาๆ มองแผ่นหลังหนาอย่างกังวล
ดวงตาคมกริบของมาริคมองร่างบอบบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ ร่างสูงขยับตัวเข้าไปชิดแล้วกอดเธอไว้ทั้งตัว
มิรันตรีเบียดกายเข้าหาไออุ่นจากร่างใหญ่ ริมฝีปากอุ่นจูบแก้มนวลแผ่วเบาแล้วถอนออก ปลายนิ้วแข็งแรงไล้ไปตามริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะแนบริมฝีปากลงอย่างนุ่มนวล มิรันตรีสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ มือบางดันบ่ากว้างไว้อัตโนมัติ ริมฝีปากอิ่มเผยอเตรียมประท้วงจูบรับอรุณของชายหนุ่ม ทำให้ลิ้นร้อนได้โอกาสสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ไล่พันกับลิ้นของเธออย่างวาบหวาม มือใหญ่ลูบไล้ร่างงามไปจนถึงสะโพกผายมน ก่อนจะบีบคลึงอย่างเล้าโลม
“ฮึ่ม พอแล้ว” มิรันตรีรวบรวมสติที่เหลือเพียงน้อยนิดพูดออกมาแผ่วเบา
มาริคครางอย่างขัดใจ ใบหน้าคมซุกไซ้ลำคอขาวผ่องอย่างหลงใหล ฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นมากอบกุมอกอิ่ม ไล้วนบีบคลึงไปมาจนปลายปทุมถันแข็งเป็นไตชูชันขึ้นอย่างตื่นตัว ร่างบอบบางแอ่นรับสัมผัสอย่างเสียวซ่าน
“อ๊า...” ริมฝีปากอิ่มครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อลิ้นร้อนลากไล้บนยอดอกที่ดันผ้านูนขึ้นมา มือบางขยุ้มผมสลวยของเขาอย่างเสียวสยิว ความเป็นชายของเขาแข็งขึงดันต้นขาของเธออย่างวาบหวามในอารมณ์
“บอกผมถ้าคุณต้องการ...มิรันตรี” เขาบอกเสียงแหบพร่ายามเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำของเธอ
“ฉัน...”
มาริคมองเธอด้วยแววตาหวานเชื่อม ความปรารถนาฉายชัดในดวงตาคม มิรันตรีเบี่ยงหน้าหนี ปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนขึ้นสบตาเขา หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว อกอิ่มเบียดชิดกับแผงอกกำยำ ผิวแก้มแดงระเรื่อเมื่อเห็นแววตาหวานของชายหนุ่ม
มาริคไม่รอคำตอบจากหญิงสาว ริมฝีปากร้อนแนบลงมาจุมพิตอย่างดูดดื่มและเร่าร้อนรุนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เก็บกดอยู่ข้างใน มาริคจัดการกับพันธนาการบนตัวเธอออกอย่างเบามือโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีมือใหญ่ก็เข้าครอบครองทรวงอกอวบหยุ่นพร้อมบีบเคล้นเบาๆ ร่างบอบบางสั่นสะท้าน ริมฝีปากร้อนผ่าวเลื่อนต่ำมาตามซอกคอขาว ซุกไซ้ดูดดุนด้วยปลายลิ้นเรื่อยมาจนถึงร่องอกขาว แล้วมาหยุดที่ยอดอกสีชมพูที่ชูชันอย่างเร้าใจ
“อ๊ะ...” มิรันตรีครางออกมาอย่างซ่านเสียว เมื่อยอดอกงามถูกกลืนหายเข้าไปในโพรงปากร้อนชื้นของเขา ลิ้นสากปัดป่ายหยอกเย้าพร้อมกับขบเม้มเบาๆ ร่างบอบบางแอ่นขึ้นบิดกายอย่างสุดสยิว มาริคถอดเสื้อและกางเกงออกจากตัว แต่ปากยังคงดูดกลืนปลายอกงามอย่างหิวกระหาย มือบางจับไหล่กว้างแน่น มือหนายังคงทำหน้าที่อย่างดีลูบไล้เนินเนื้อนูนที่ซ่อนอยู่ตรงหว่างขาอย่างเป็นเจ้าของ นิ้วแข็งแรงสอดลึกเข้าไปสำรวจความฉ่ำชื้นที่หลบอยู่ข้างใน เสียงครางระงมดังขึ้นอย่างหฤหรรษ์
“สวยเหลือเกินรันจ๋า” เขาเงยหน้าขึ้นมองเรือนร่างนวลเนียนอย่างชื่นชม ก่อนจะก้มลงไปซุกไซ้ทรวงอกงามอีกครั้ง
เมื่อเห็นเธอพร้อม ร่างสูงก็ขยับตัวขึ้นมาเสมอกับหญิงสาว มือใหญ่แยกเรียวขาสวยให้แยกห่างออกจากกันเพื่อเปิดอ้ารับตัวตนของเขา ร่างสูงเกร็งตัวเมื่อความมหึมาค่อยๆ แทรกผ่านความคับแคบเข้าไป ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกจู่โจมแบบไม่รู้ตัว
“อย่า...ฉันเจ็บ ไม่นะ เอาออกไป” มิรันตรีร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพลางขยับหนี หยาดน้ำตาไหลออกมา
ชายหนุ่มหยุดการรุกรานไว้เพียงเท่านั้น แล้วก้มลงไปจูบริมฝีปากแดงอย่างดูดดื่มเพื่อให้เธอลืมความเจ็บพร้อมกับขยับแก่นกายเข้าไปในร่างเธออย่างช้าๆ จนในที่สุดแก่นกายแข็งขึงก็จมหายเข้าไปสุดทาง ทั้งเขาและเธอครางออกมาอย่างเสียวซ่านรัญจวน มิรันตรีมองร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเหนือร่างของเธอ ใบหน้างามแดงก่ำเมื่อมองไปตรงทางแยกระหว่างขาที่เนินเนื้อบดเบียดกับร่างแกร่งของเขาอย่างถนัดถนี่
มาริคประสานนิ้วกับนิ้วสวย ขยับตัวเข้าออกอย่างเชื่องช้าและเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วระรัว เสียวสยิวไปทุกอณู ริมฝีปากอิ่มครวญครางอย่างสุขสม ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่ดุจพายุทะเลทรายก็ไม่ปาน ร่างบอบบางสั่นไหวไปตามแรงกระหน่ำที่สาดซัดเข้ามาอย่างไม่ปรานี ไม่นานสองร่างก็เกร็งผวาเข้ากอดกันอย่างสุดเสียว พร้อมกับแตะปลายขอบรุ้งไปพร้อมๆ กัน
****
