บทที่ ๑๙ เมียที่ฉลาด
‘หัวหน้าวงสาว...ประกาศชัดให้รางวัลคนขุดภาพยนตร์ที่ตนเคยแสดงได้!’
พาดหัวข่าวเป็นไปดังคาด...พิลาเรศยิ้มนัยหน้า ก่อนเปิดชมคลิปที่ตัวเองจัดการให้พีชญา หรือ อีพีช เพื่อนในวงการร้องเล่นเต้นรำ ที่อัดฉีดให้ช่วยเหลือสืบข่าวให้
แถมยังให้ช่วยสร้างข่าวให้ใหม่ได้อีกด้วย!
‘ไฮ ชาวโซเชียล...พบกันอย่างเป็นทางการกับพิกนะคะ ชื่อพิกค่ะ พิกชี้ฟ้า!’ แล้วเธอหมุนตัวเผยท่าตีลังกาขึ้นฟ้าอย่างที่ปากพูด
ในคลิปเธอมาในชุดสาวนักแดนซ์กางเกงขาสั้น...รับกับเสื้อสายเดี่ยวสีรุ้งแวมวับ แล้วการตัดต่อก็ดำเนินท่าเต้นใหม่ที่เธอฝึกซ้อมมาเพียงน้อยนิด ได้อย่างลงตัวและเผ็ดสไตล์เกาหลี ด้วยเพลงลูกทุ่งแดนซ์สุดฮอตในตอนนี้
‘พิกค่ะ หัวหน้าวงพริกสิบเม็ดว่าเผ็ดแล้ว...หลายคนอาจจะงงนะคะ ว่าวงนี้มีอยู่บนโลกด้วยเหรอ จริงๆเราก็พยายามกันมาหลายปี...ที่จะขึ้นแท่นเหมือนวงอื่นๆเขาบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้’
‘วันนี้...พิกเลยถือโอกาสออกมาขอบคุณอะไรก็ตาม ที่ทำให้พวกเราได้ดังพลุแตกในวันนี้ แม้จะดังในแง่ไม่ดีเท่าไหร่ก็เถอะ...พิกจะไม่ขอพูดถึงข่าวหน้าเศร้าของวงหรอกนะคะ เพราะไม่อยากที่จะให้การออกมาในวันนี้ กระทบถึงใครอื่นในวงเลย..นอกจากพิกคนเดียว’
แล้วเธอก็หมุนตัวไปมา...พร้อมออกสเต็ปท่าอีกสองสามสเต็ป
‘ที่ตัดสินใจทำคลิปออกมาในวันนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะมาแถลงข่าวเหมือนศิลปินดังๆเขาทำกันหรอกนะคะ แต่ว่า...เห็นคลิปตอนที่ตัวเองไปเต้นโคโยตี้แล้วเนี่ย รู้สึกว่า...มันเป็นท่าที่เอาท์ไปละ แล้วก็กลัวไง กลัวคนจะจำภาพนั้นไป...ไม่ได้การละ ต้องสร้างภาพใหม่ให้คนได้จำ’
‘ท้ายคลิปขอฝากไว้อีกเรื่องหนึ่งก็คือ...สิ่งที่หลายคนยังอดหลับอดนอนตามหา แต่ก็ยังไม่เจอ...ก็คือคลิปภาพยนตร์ที่พิกเคยไปเล่น ไม่ใช่แค่คุณหรอกค่ะที่อยากจะเห็น พิกเองก็อยากเห็น...เอาอย่างนี้ถ้าใครหาคลิปนั้นเจอ พิกขอให้รางวัลนำเจอค่ะ...รับไปเลยหนึ่งหมื่นบาท!’ ริมฝีปากสีแดงเพลิงว่าอย่างมั่นอกมั่นใจ หากก็...ขำให้ลั่นอย่างน่ารัก จนคนที่ชมคลิปนี้อยู่...ขำไปตามๆกัน
‘น้อยไปใช่ไหมคะ...ก็ทำยังไงได้ วงเรางานน้อยมาทุกเดือน พิกไม่มีปัญญาไปให้รางวัลแพงหรอกๆ ส่วนใครที่อยากจะเห็นคลิปนี้เหมือนพิก สามารถ Inbox ติดต่องานเข้ามาได้...และกำชับท้ายว่าร่วมสนับสนุนรางวัลนำเจอ พิกจะเพิ่มเงินรางวัลนำเจอทุก1 หมื่นบาทต่องานที่เข้าวงค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ไว้เจอกันในงานคุณค่ะ’
“โอ้โหเจ้ สุดยอดไปเลย! นี่เหรองานที่เจ้ว่าต้องไปทำ...” โพนี่ปรบมือเสียงดังอย่างภาคภูมิใจในการหาทางออกให้กับวงได้เสมอมา ของหัวหน้าวงสาว
“พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสิ..”
“แต่ว่า...เพิ่มรางวัลนำเจอต้อง 1 หมื่นเลยเหรอเจ้ ถ้าเป็นงานเล็กๆล่ะ จะได้เงินเท่าไหร่กันเชียว” ความวิตกกังวลของคนที่ไม่ทันได้คิด ทำเอาเพื่อนสาวอีกคนต้องเอาหมอนอิงบนโซฟามาทุบเข้าให้แบบลงโทษ
“แล้วไอ้คลิปนั่นเนี่ย มันมีจริงที่ไหนกันล่ะ?” พลุแตกเฉลยให้คนลูบหัวด้วยความเจ็บ จนถึงบางอ้อ
“อ๋อ...นั่นสินะ ไอ้เราก็คิดว่าเจ้แอบไปเล่นหนังมาจริงๆ”
“ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ขอตัวกลับบ้านไปหาผัวก่อนนะ...ไม่รู้ว่าป่านนี้ จะโกรธไปถึงไหนแล้ว” คนไม่ได้กลับบ้านมาหนึ่งคืน แถมไม่ยอมรับสายสามีทำเป็นวิตกกังวลพอเป็นพิธี
“แล้วนี่ พรุ่งนี้เจ้จะไปเยี่ยมไอ้เพลินไหม?”
“ไปสิ แต่คงไปตอนไปส่งผัวที่โรงพยาบาลนั่นแหละ...ไงก็เจอกันพรุ่งนี้นะ” ว่าเสร็จ...ก็ขยับชุดที่เพิ่งสวมใส่ราวกับกำลังจะไปบวชชีที่วัดของตัวเองแบบอึดอัด
“จะว่าไป ชุดนี้ก็เหมาะกับเจ้ดีนะ...ดูเป็นผู้ทรงศีลยังไงก็ไม่รู้” พลุแตกแซวตามหลังแบบขำๆ
“เดี๋ยวเหอะ ฉันจะฟ้องเจ้”
“อย่าเชียว นี่แหนะ!” แล้วสองสาวก็คลุกวงในกันอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนหัวเราะลั่นสบายใจ...ในปัญหาที่ถูกแก้ได้ไปเปราะหนึ่ง
เรือนหอน้อยที่แสนจะเงียบเหงา...ทำให้เธอที่ตั้งใจว่าจะย่องเบาเข้าบ้าน ต้องผ่อนคลายลง เสียงเจ้าหมาน้อยที่แสนจะขี้ฟ้อง...ส่งเสียงครางงิ๋งๆดังมาอยู่ในบ้านเล็กของมัน ที่อยู่ในตัวบ้านอีกที
บ่งบอกว่ามันหลับใหลเป็นที่เรียบร้อย
“วันนี้ไม่กลับบ้านสินะ” หมายถึงสามีที่วันนี้เงียบกริบ ไม่โทรตามไม่ถามไถ่สิ่งใด
ฟึบ! เธอเปิดไฟสว่างโร่ทั่วห้องทันทีที่เดินขึ้นมาถึงชั้นสอง ที่มีห้องนอนของเธอกับสามี หากแต่ภาพร่างสูงที่นั่งเอกเขนกจิบวายอยู่บนโซฟา แบบไม่ได้ตกใจกับการมาของเธอเท่าไหร่นั้น...ทำเอาเธอแทบจะส่งเสียงร้องออกไปแบบตกใจ
“ตาเถร! ทำไมนั่งมืดๆไม่เปิดไฟคะ” เธอยืมคำของคุณครูนวลอนงค์ที่ชอบพูดเสมอๆ มาใช้แบบไม่ได้ขออนุญาต
“มีสิทธิมาตั้งคำถามทันทีที่มาถึงด้วยเหรอ?” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของคนที่มีน้ำเมาในร่างกาย เป็นภาพพจน์ที่แปลกออกไปในสายตาของผู้พบเห็น
“นั่นแน่...ยังไม่หายโกรธล่ะสิ” น้ำเสียงอ่อย...ค่อยๆเดินไปนั่งทรุดลงเคียงข้าง
แต่เขาก็ขยับออกห่างทันที!
“ก่อเรื่องอะไรมาบ้างล่ะ ถ้าไม่เชื่อฟังกัน...มันจะอยู่ร่วมกันได้ยังไง” ท่าทีจริงจังของเขา ทำเอาเธอกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก!
“ไม่ใช่ไม่เชื่อฟัง...แต่แค่มีความคิดเป็นของตัวเอง นิดนึง” ว่าพร้อมชูคำว่านิดให้ดูแบบแอบรู้สึกผิด และใช้สายตาอ้อนเพื่อให้เขาให้อภัย
“โตแล้วนะ...จะทำอะไรช่วยนึกถึงสิ่งที่มันจะตามมาด้วย” เขาดุราวกับว่าเธอเป็นเด็กวัยรุ่นที่เอาแต่สร้างปัญหาแล้วแก้เองไม่ได้
“ก็นึกดีหมดแล้ว และวันนี้ก็ไปแก้ปัญหาด้วยวิธีของตัวเองมาแล้วด้วย!” เธอเถียงเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้ผิดอะไร
“แล้วเรื่องไประรานโมจิเขาเนี่ย คิดอะไรอยู่...ทำไปทำไม!”
“อ๋อ ที่แท้ก็ไม่ได้โกรธเรื่องไหน...นอกจากเรื่องนี้เรื่องเดียวสินะ มันก็แค่สงครามระหว่างลูกผู้หญิง ไม่ต้องมาสนใจด้วยหรอก”
“หึ ไม่ให้สนใจเหรอ! ก่อเรื่องจนเขาลือกันทั้งโรงพยาบาล...จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนอยู่แล้ว”
“ลืมไปค่ะ ว่าตัวเองมีผัวหน้าใหญ่!” ความสำนึกผิดที่เคยมีก่อนหน้า ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความน้อยใจทันใด...เมื่อรู้ว่าเขาก็แค่โกรธที่เธอไปยุ่งกับผู้หญิงของเขา!
“อย่ามาประชด โตแล้ว...ทำอะไรมันควรจะรอบคอบกว่านี้!”
“ดิฉันขอโทษค่ะคุณหมอ แล้วคุณหมอจะให้ดิฉันทำอะไรให้ไม่ทราบดีคะ ถึงจะแก้ไขความผิดครั้งนี้ได้”
“ไปขอโทษโมจิซะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปขอโทษให้ถึงหน้าห้องเลย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นด้วยความน้อยอกน้อยใจ ก่อนลุกขึ้นเพื่อที่จะไปสงบสติอารมณ์ในบริเวณที่ห่างไกลจากเขา
ห้องน้ำนั่นแหละ!
“เดี๋ยว ยังคุยไม่จบ” ไม่ทันได้คาดคิด...ร่างสูงเพรียวที่อยู่ในชุดแม่ชีที่สามีสรรหามาให้ ถูกคว้าแขนดึงไปตามแรงจนสะดุดกับชายกระโปรงยาว และล้มลงบนตักกว้างที่หมายจะให้เธอมาอยู่บนตักตั้งแต่แรกทันใด
