บทที่ ๑๘ เป็นเมียหลวงยังไงให้เหมือนเมียน้อย
“ใครโทรมา?” ร่างสูงเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ เอ่ยถามภรรยาสาว...ผู้รีบลุกออกจากอ้อมอกของเขาตั้งแต่เช้าตรู่ เพียงเพื่อรับสายปริศนา ที่เธอหลบไปคุยจนห่างไกลเขา
“อ๋อ พวกเด็กๆน่ะค่ะ..โทรมาปรึกษาเรื่องงานนิดหน่อย”
“งานเหรอ? มีข่าวเสียหายขนาดนี้...ยังมีคนจ้างงานอีกเหรอ” คำถามเชิงเป็นห่วงอยู่ลึกๆนั่น อยู่ๆก็สร้างจุดประกายบางอย่างให้กับหัวหน้าวงอย่างเธอ
แบบดังปิ๊ง!
“งานที่ถูกโทรมายกเลิกจนเกลี้ยงต่างหากล่ะ” ท่าทีที่ดูเหมือนจะไม่ได้เดือดร้อนสักนิดนั่น ทำเอาเขาหรี่ตา...ก่อนสะบัดผ้าห่มออกจากร่าง เดินโทงๆเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ
“มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
พิลาเรศส่งยิ้มแบบอึ้งๆให้เขา...ก่อนเดินตามหลังเขาไปแบบประชิดตัว พร้อมโอบกอดเขาจากทางด้านหลังทันที
“ขอบคุณนะคะ คุณสามี”
“ปล่อย จะเข้าห้องน้ำ” เสียงเรียบซ่อนความรู้สึก ทำเอาเธอต้องส่ายหน้า และปล่อยเขาไปตามที่เขาร้องขอ
พลางเริ่มขบคิดว่าจะจัดการคนที่ก่อเรื่องเสียหายนี้ให้กับเธอยังไง?
หึ! เล่นกับใครไม่เล่น...มาเล่นกับพิลาเรศ!
“คุณหมอมนกานต์ออกตรวจไหมคะวันนี้?” ร่างเพรียวบางในชุดเดรสเกาะอกเปลือยไหล่สีเทาโทนเรียบ ยืนอวดทรวงอกที่นูนแอ่นดันเนื้อผ้าส่วนอกออกมาจนล้นทะลัก แขนเสื้อระย้าที่ยาวจากส่วนศอกถึงฝ่ามือเท่านั้น ห้อยด้วยกระเป๋าแบรนด์ดังใบเล็กสีเข้ากันกับชุด
ใบหน้าที่แต่งโทนสีนู้ด...ถูกเปิดออกเมื่อเธอถอดแว่นดำ พร้อมเผยรอยยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ทะเบียนคนเดิม ที่เคยมาในวันนั้น
แต่ครานี้...แววตาของผู้พบเห็นแปลกใหม่แม้จะพยายามหลบซ่อนความรู้สึก คงจะเป็นเพราะข่าวโครมๆที่กำลังดังอยู่ตอนนี้สินะ ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักของคนในชั่วข้ามคืน
แต่คนอย่างพิลาเรศหาได้สนใจไม่!
“ไม่ทราบว่า คุณผู้หญิงมีปัญหาเรื่องอะไร ถึงจะมาพบคุณหมอเหรอคะ?”
“ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ สบายดี...เพียงแต่อยากมามอบของขวัญให้คุณหมอเล็กน้อย แค่อยากทราบค่ะ...ว่าวันนี้ออกตรวจหรือเปล่า?”
“อ๋อ สักครู่นะคะ”
แต่คนที่รู้อยู่แล้วว่าแพทย์หญิงผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างนั้น ออกตรวจวันนี้แน่ๆก็เดินฉับไปแบบไม่รอคำตอบ...ราวกับว่า ที่มาถามเพียงแค่อยากจะมาประกาศการมาของตัวเองเท่านั้น!
“ของขวัญพร้อมแล้วนะเจ้” เสียงกระซิบที่ดังมาจากหูฟังบลูทูธขนาดเล็กเท่าต่างหูที่เธอติดเอาไว้ ทำเอาเธอยิ้มพึงพอใจ
“ไปรอได้เลย เจ้กำลังไป” โพนี่ผู้อยู่ปลายสายรับทราบ และปฏิบัติงานทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” แพทย์หญิงมนกานต์ผู้ตรวจคนไข้คนที่ห้าของวันเพิ่งจะเสร็จ ถามพยาบาลในขณะที่เดินออกมาจากห้องตรวจ...เมื่อได้ยินเสียงฮือฮาจากหน้าห้องตรวจของเธอ
“อ้าวคุณหมอ สวัสดีค่ะ!” สาวร่างสูงที่ยืนบนรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุดเอ่ยทักทาย พร้อมยื่นกระเช้าประหลาดส่งมาให้
“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ...ที่อุตส่าห์ห่วงใยสารทุกข์สุกดิบของครอบครัวเรามาโดยตลอด”
“ขอบคุณเรื่องอะไร” ใบหน้านิ่งเอ่ยเสียงเรียบชัด พร้อมมองไปรอบๆที่ตอนนี้คนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น
แล้วกระเช้าน่าเกลียดในมือเจ้าหล่อนนั่นอีก
เธอจะเอื้อมมือไปรับมาได้อย่างไร!
“ก็ขอบคุณที่คุณหมอ...คอยห่วงใย ดูแลสามีดิฉัน แล้วก็บ้านของดิฉันอย่างดีเสมอมา ผ้าม่านสวยมากค่ะ...ขอบคุณที่ดำเนินการให้คนช่วยไปติดให้เมื่อวันก่อนนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเองก็ขอบคุณดิฉันไปแล้วนี่คะ” เสียงเบาราวกับไม่อยากจะให้ใครได้ยินบทสนทนานี้ด้วย
“แหมๆ คืออย่างนี้นะคะ...ดิฉันเห็นควรอย่างยิ่ง ที่อยากจะเห็นคุณหมอมีครอบครัวเป็นของตัวเอง เป็นแม่บ้านที่ดีของสามีสักคน ที่ไม่ใช่สามีคนอื่นน่ะค่ะ” เว้นช่วงเล็กน้อย...เมื่อเห็นแววตาวาวโรธได้ฉายอย่างมีจังหวะ
“ก็เลย...นำของขวัญที่คิดว่ามันน่าจะดึงดูด สามี ผู้คน เข้ามาในชีวิตคุณหมอบ้าง...จะได้เอาเวลาไปดูแลบ้าน ดูแลครอบครัวของตัวเอง แทนที่จะคอยแต่สาระแนเรื่องครอบครัวคนอื่น” ยิ้มหวานเอ่ยถ้อยคำรุนแรงขึ้นจนความตึงบนใบหน้าแพทย์สาว แทบจะขาดผึงลง
ของขวัญที่ว่าคือบราเซียสีดำสลับแดงแสนเซ็กซี่...รับกับจีสตริงที่ถูกจัดเรียงไว้ในกระเช้าแบบโจ่งครึ่ม
“กรุณาอย่ามาพูดจาไม่ให้เกียรติดิฉัน ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ค่ะ...คุณพิลาเรศ” น้ำเสียงนิ่งยังคงควบคุมโทนเสียงสุภาพเชิงตักเตือนแบบผู้ดี จนพิลาเรศขำให้ลั่น
“แหมๆ การให้เกียรติคนเนี่ย...มันไม่ใช่แค่จะต้องทำต่อหน้านะคะ มันต้องทำทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ ไม่เช่นนั้นคนเขาจะว่าเอาได้...ว่าเป็นพวกลอบกัด!”
“หยุดค่ะ กรุณาหยุด...หยุดที่จะพ่นวาจาที่ทำให้ผู้คนเดากันไปต่างนานา ดิฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดและไม่อยากจะเข้าใจด้วย ขอตัวก่อนนะคะ...ดิฉันมีคนไข้ที่ต้องดูแลต่อ”
“ดิฉันจะหยุดก็ต่อเมื่อคุณหยุด...เตือนเอาไว้เลยนะคะ ว่าถ้ายังไม่หยุดที่จะยุ่งกับสามีดิฉัน และตัวดิฉัน ดิฉันจะไม่ทำแค่เตือนแน่” เธอทิ้งท้ายตามหลังคนที่รีบมุ่งหน้าเข้าไปในห้องแบบเร่งด่วน
ผู้คนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปและวิดีโอแห่งความดุเดือดนี้...ซึ่งคนตั้งใจจะมาโชว์อย่างพิลาเรศ ก็โพสท่าใส่ราวกับว่าเป็นนางแบบ ก่อนที่จะฝากกระเช้านั้นไว้ให้พยาบาลส่งถึงมือคุณหมอ
พยาบาลลำบากใจที่จะรับ...เธอก็เลยวางทิ้งไว้ตรงนั้นและจากมา
“นี่เจ้ กะจะขนชุดตัวเองมาไว้ที่ห้องของวงจนหมดบ้านเลยเหรอเนี่ย?” พลุแตกมองการนำชุดเซ็กซี่ออกมาห้อยไว้บนราวห้องแต่งตัวของวง ด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็ผัวเจ้น่ะสิ สั่งงดไม่ให้ใส่ชุดพวกนี้...แถมยังขนใส่ถุงขยะเตรียมไปทิ้งจนเกลี้ยง แถมวันนี้เจ้ยังใส่ชุดเซ็กซี่ไปก่อเรื่องถึงโรงพยาบาล เจ้ก็เลยรีบแจ้นไปเอาถุงขยะที่ยังไม่ได้ทิ้ง หอบมาที่นี่เสียก่อนสิ”
“แล้วไม่ให้ใส่ชุดพวกนี้ แล้วจะให้ใส่ชุดพวกไหน?”
“อยู่ในถุงนั่นน่ะ ใส่แล้วรู้สึกใจจะขาดยังไงก็ไม่รู้” พลุแตกรีบหยิบถุงที่ว่าขึ้นมารื้อทันใด
“โอ้โห นี่มันไม่ต่างอะไรกับชุดแม่ชีชัดๆ ผัวเจ้ไปหามาจากไหนเนี่ย?” กระโปรงสีขาวจนกรอมเท้า...เข้าชุดกับเสื้อลูกไม้แขนยาวที่มีลวดลายนิดหน่อย
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด...แล้วเสียงสั่นเรียกเข้าที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของพลุแตก ก็ทำเอาสองสาวต้องชะงักการวิจารณ์ชุดกันสักครู่
“ว่าไงโพนี่...ยัยเพลินฟื้นแล้วเหรอ!”
“โอเค เดี๋ยวฉันกับเจ้จะรีบไป...ตุ๊ด!”
“เจ้...”
“พลุแตกเจ้ฝากยัยเพลินด้วย...เจ้จะไปเยี่ยมมันแน่ๆ แต่ไม่ใช่วันนี้”
“จริงสิ เจ้เพิ่งจะไปก่อเรื่องมาหมาดๆ ผัวเจ้อาจจะโกรธจนสติขาดอยู่” พิลาเรศส่ายหัวให้เด็กในวงด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ไม่ใช่เพราะว่าเจ้กลัวผัวหรอกย่ะ เจ้แค่มีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องไปจัดการ”
“ยังไงเหรอ?”
“เดี๋ยวก็รู้” รอยยิ้มมั่นอกมั่นใจของหัวหน้าวง ไม่ได้ทำให้พลุแตกใจชื้นขึ้น
ถึงที่ผ่านๆมาพิลาเรศจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ดีเสมอ แต่เธอก็อดที่จะหวั่นใจไม่ได้
“ตกลงใครเป็นเมียหลวงหรือเมียน้อยอ่ะแก...” พยาบาล ICU ซุบซิบกันหนาหู เมื่อข่าวที่ภรรยาของแพทย์ฤๅชัชมาปรากฏตัวประกาศศึกหน้าห้องแพทย์หญิงมนกานต์
“ไม่รู้เหมือนกันแก แต่หมอโมจิแกก็ดูสนิทกับหมอลือมาแต่ไหนแต่ไร คือใครๆก็มั่นใจอ่ะ...ว่าหมอโมจิยังไงก็จะต้องลงเอยกับหมอลือแน่ๆ แต่อยู่ๆก็มีข่าวว่าหมอลือแอบไปแต่งงาน...ก็เลยงงกันทั้งโรงพยาบาลอยู่เนี่ย”
“แสดงว่า...หมอโมจิเป็นเมียน้อย เพราะไปยุ่งกับคนที่แต่งงานแล้ว แม้ว่าจะแต่งแบบลับๆก็เหอะ” พยาบาลอีกคนออกความเห็น
“ไม่ๆ ไม่ควรจะด่วนสรุปแบบนั้น...ใครจะไปรู้ ว่าบางทีหมอลืออาจจะแค่พลาดท่าเสียที ให้กับโคโยตี้สาวที่เป็นข่าวฉาวโฉ่อยู่ตอนนี้ และแม่นั่นก็คงจะจับแบบไม่ยอมปล่อย...ดูสิมาหวงผัวถึงที่ทำงาน มาอย่างกับมาดเมียน้อย!”
“แต่ฉันว่าหมอโมจิแกก็กินหมอลือมาก่อนตั้งนาน...คนมาทีหลังอย่างแม่โคโยตี้นั่น น่าจะเป็นเมียน้อยที่เกาะคุณหมอไม่ปล่อยต่างหาก”
ข้อสงสัยที่หาสรุปไม่ได้ ติดอยู่ในปากคนช่างติฉินนินทาชาวบ้าน...โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าของเรื่องปรากฏตัวต่อหน้าแล้ว
“ขอดูชาร์ตเตียง 2 หน่อยค่ะ” น้ำเสียงเรียบของผู้ที่มายืนฟังด้วยความพยายามสงบใจได้สักครู่ ทำเอากลุ่มคนที่กำลังช่วยกันวิเคราะห์ต้องแตกออกไปคนละทิศทาง
‘พิลาเรศ ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่’ มนกานต์ลอบคิดอย่างเดือดดาล และเริ่มวางแผนเอาคืนใหม่
