18 สงสารตัวเอง
นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แต่เห็นว่าพาลินยังออนไลน์อยู่จึงกดโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายทันที
“สวัสดีครับพี่โดม โทรมาดึกมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า ก็แค่อยากโทรมาคุยด้วย ง่วงหรือยัง”
“ง่วงแล้ว แต่ยังนอนไม่ได้ กินเยอะไปหน่อยอืดท้องมาก”
“อ้าว ในห้องมียาไหมล่ะ”
“ไม่ถึงขนาดต้องกินยาหรอก เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
“เป็นบ่อยเหรอ” เมื่อเห็นว่าพาลินมาได้ทุกข์ร้อนอะไรกับอาการของตัวเองก็อดถามไม่ได้
“ไม่หรอกครับ วันนี้ผมกินเยอะกว่าทุกวันไง ว่าแต่พี่เอาไก่ไปให้น้องหมาไหม”
“ให้แล้ว กินเกลี้ยงเลยสงสัยหิวมาก เดี๋ยวส่งรูปในไลน์ให้ดูนะ”
“กินเกลี้ยงจริงๆ ด้วย พี่โดม แล้วปกติมันกินข้าวที่ไหนเหรอครับ” พาลินเห็นแล้วนึกสงสารและคิดถึงตัวเองที่ตอนนี้เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
“พี่ก็ไม่รู้แต่ก็คงมีคนให้อาหารแหละ ถ้างั้นคงผอมกว่านี้”
“นั้นสิครับ ดูแล้วคงมีคงเอ็นดูเยอะเลย” เสียงพูดเบาลงเล็กน้อย
“เป็นอะไร สงสารขนุนเหรอ”
“สงสารตัวเองครับ ขนุนยังมีคนเอ็นดูให้อาหาร แต่ตอนนี้ผมไม่เหลือใครเลย” พาลินรู้สึกโดดเดี่ยว ตั้งแต่บิดามารดาจากไปเขาก็มีเพื่อนและกันต์ธีร์คอยอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้ทั้งปิดเทอมทั้งเลิกกับแฟนเขาก็เลยไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
“เหลือสิ พาลินยังมีพี่นะ” ดลธรรมพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและจริงจัง เขาอยากให้อีกคนรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิดเลย
“...” พาลินเงียบ คำพูดของอีกคนทำให้รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมเงียบครับ” เขาใจคอไม่ค่อยดี กลัวอีกคนจะคิดมากกับคำพูดของตัวเอง
“ผมไม่ทำให้พี่รำคาญใช่ไหมครับ”
พาลินรู้ว่าตัวเองเกาะติดชายหนุ่มมากเกินไป เขายอมรับว่าช่วงนี้กำลังอ่อนไหวและไม่อยากอยู่คนเดียว
“พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย”
“ถึงแม้ผมจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชอบอยู่คนเดียว”
“แสดงว่าที่ผ่านมาเหงามาตลอดเลยใช่ไหม”
“ก็เหงาบ้างครับ แต่เปิดเทอมก็ดีหน่อยทำงานกับเพื่อนอยู่กับเพื่อนจนดึกถึงกลับหอ”
“พี่นึกว่าอยู่กับแฟน ขอโทษที่ต้องพูดถึงเขา”
“ไม่เป็นไรครับ ถึงเป็นแฟนก็ไม่ค่อยตัวติดกันหรอกครับ เขาไม่ค่อยชอบให้ผมตามติดเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ผมก็อยู่กับเพื่อน”
“แล้วไม่น้อยใจแย่เหรอ”
“ก็มีบ้างครับ แต่น้อยใจไปก็เท่านั้น”
ดลธรรมนึกเห็นใจชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย เพราะช่วงนี้ทั้งปิดเทอม ทั้งไม่ได้ไปสอนพิเศษพาลินคงเหงามากจริงๆ
“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ มาคอนโดไหม มาว่ายน้ำกัน”
“ผมไม่กวนพี่ใช่ไหม”
“ไม่หรอกมาเลย ให้ไปรับไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าผมจะไปจะโทรบอกก่อนนะครับ” พาลินไม่อยากไปหาใครโดยไม่โทรนัดอีกแล้ว เพราะกลัวไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง ถึงแม้ว่าตัวเองกับดลธรรมไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ภาพแบบนั้นเห็นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ
“ถ้าโทรมาพี่ไม่รับก็มารอในห้องได้เลยเดี๋ยวจะส่งรหัสห้องให้นะ”
“ถ้าพี่ไม่รับผมก็ไม่กล้าไปหาหรอก”
“ไม่ต้องกลัวจะเจอใครหรือเห็นอะไรหรอกน่า” ดลธรรมรู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไร
“แน่นะครับ”
“แน่นอนสิ”
คุยกันอีกกว่าสิบนาทีทั้งสองก็แยกย้ายเข้านอน
สายวันอาทิตย์พาลินทำความสะอาดห้องจนสะอาด จากนั้นก็เอาชุดนักศึกษาไปส่งที่ร้านซักรีด วันจันทร์หน้าเขาต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก่อนจะเริ่มต้นฝึกงานในสัปดาห์ถัดไป
ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ กับหอพักกลับมาคึกคักอีกครั้ง พาลินนั่งทานข้าวกับเพื่อนร่วมหอพักคนหนึ่ง เขาไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ก็เคยเห็นหน้ากันบ้าง ทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่หอพัก เขายิ้มทักทายจากนั้นก็นั่งทานของตัวเองจนอิ่ม
หอนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมาก ค่าเช่าก็เลยมากตามไปด้วย คนอื่นอาจแชร์กันอยู่สองหรือสามคน แต่พาลินเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพราะตอนเข้ามาเรียนที่นี่เขายังไม่ไว้ใจใครถึงขั้นให้มานอนด้วย แม้จะเหงาแต่ก็มีเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันตลอด
อีกอย่างเรื่องค่าเช่าก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะถึงแม้จะไม่มีบิดามารดาแต่พาลินก็มีเงินจำนวนหนึ่งที่เขาได้จากประกันชีวิตของบิดามารดารวมถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่ปู่กับย่าของเขาส่งให้
กลับมาบนห้องก็นอนเล่นมือถือจนเบื่อ จึงโทรศัพท์ไปหามีนากับพราวรุ้ง แต่สองคนนั้นยังไม่กลับมาจากบ้าน จะไปคอนโดของดลธรรมก็รู้สึกเกรงใจ
“เฮ้อ! เหงาชะมัด” พาลินบ่นก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วเขาก็หลับยาวจนเย็น
พอตื่นมาก็คว้าโทรศัพท์มาดูเวลา จึงเห็นว่าดลธรรมไลน์มาถามว่าจะเขามาที่คอนโดหรือเปล่า ตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว และหลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงก็มีรูปพิซซ่าตามมา พร้อมกับข้อความที่บอกว่าสั่งพิซซ่ามารอ
เขารีบโทรกลับไปหาอีกคนทันที
“พี่โดม”
“ว่าไง”
“พิซซ่าหมดยังครับ”
“ใครจะกินหมดกันล่ะ ว่าแต่เราเถอะยุ่งอะไรอยู่ไลน์ไปไม่อ่านเลย”
“ไม่ได้ยุ่งหรอกครับ แต่หลับเพิ่งตื่น ขอโทษนะครับที่ไม่รีบตอบ”
“ไม่เป็นไร แล้วตกลงยังไงจะมาไหม”
“ครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ที่ห้องมีไมโครเวฟไหมครับ”
“มี จะอุ่นพิซซ่าเหรอ”
“ครับเดี๋ยวผมไปอุ่นเองพี่จะเอาอะไรเพิ่มไหมครับ”
“อยากกินน้ำอัดลม”
“เดี๋ยวผมซื้อเขาไปละกัน”
