Ep.1
ดวงตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีดโกนมองภาพสองใบสลับกันไปมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ออกจากที่พัก ดวงตาสีอำพันเข้มราวกับมีเปลวไฟนรกลุกโชนอยู่ในนั้น คล้ายอยากจะแผดเผาผู้หญิงในรูปคนหนึ่งที่น่าจะอยู่จะในวัยสี่สิบกว่าให้มอดไหม้เป็นจุณหากทำได้ แววตาอาฆาตหมายมาดอย่างรุนแรงว่า จะต้องตามหาหล่อนให้เจอ ส่วนรูปภาพของผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาอ่อนวัยกว่า เขาตั้งใจไว้แล้วว่า ควรจะทำอย่างไรกับหล่อนดี ที่แน่ๆ ผู้หญิงสองคนในรูปนี้จะต้องได้รับการลงโทษทัณฑ์อย่างสาสม!
รถเก๋งสีดำมันปลาบแล่นเข้ามาจอดที่หน้าผับเล็กๆ แห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของตัวจังหวัด ด้านนอกผับไม่มีอะไรดึงดูดตาของบลิซเซิร์ดแม้แต่นิด สถานที่แบบนี้น่ะหรือที่เด็กสาวกะโปโลนั่นมาทำงาน
“ตามแผนที่ เด็กผู้หญิงที่นายตามหาทำงานอยู่ที่นี่ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ขับรถหันมาบอกเจ้านายของตนเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเคารพนับถือเต็มเปี่ยม
ลูกน้องคนสนิทวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายอย่างรีบด่วนเมื่อรถจอดสนิท ร่างสูงที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนแบรนด์ดังสีเข้มที่สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวหนังสัตว์สีดำราคาแพงเดินลงมาจากรถคันหรู แล้วสั่งงานลูกน้องตัวโตพอๆ กับเขาสองสามนาทีก่อนที่จะเดินเข้าไปในผับโกโรโกโสด้านหน้าด้วยท่าทางดุดันจนนักท่องราตรีหลายคนที่เดินผ่านไปมาไม่กล้าสบตามอง
ร่างสูงสง่าที่ดูดีโดดเด่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่ก้าวเข้ามาเต็มไปด้วยพลังเสน่หาแห่งบุรุษเพศที่ดึงดูดสายตาสาวๆ ในที่แห่งนั้นให้หันมามองด้วยความหลงใหล ใบหน้าคมสันที่หล่อเข้มเกินพิกัดที่หาใครทัดเทียมได้ยากดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ แต่มันกลับแฝงไปด้วยเสน่ห์อย่างเหลือร้ายจนผู้ชายด้วยกันเองยังอดที่มองเขาด้วยความชื่นชมแกมอิจฉาไม่ได้
มองปราดเดียวก็รู้ว่า แขกผู้มาใหม่คงไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่รู้หรอกว่า ชายหนุ่มที่มีหน้าตาไปทางโซนยุโรปจะร่ำรวยล้นฟ้าขนาดไหน แต่มันก็ทำให้เจ้าของผับคนสวยที่เห็นเขาเดินเข้ามาแต่ไกลถึงกับต้องรีบเดินออกไปหาบริการด้วยตนเอง และเอื้อนเอ่ยกับเขาด้วยภาษาสากลแสนจะสุภาพ พร้อมทั้งส่งสายตาหวานเยิ้มคล้ายจะทอดสะพานให้
“สวัสดีค่ะมิสเตอร์ เชิญทางนี้ค่ะ” ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีแดงสดที่ค่อนข้างเปิดเผยกล่าวสวัสดีพร้อมทั้งผายมือเชื้อเชิญเขาให้ไปนั่งในมุมมืดสลัวพอดีมุมหนึ่ง
“มาคนเดียวหรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น “จะรับอะไรดีคะ”
“เอาวอดก้าแล้วกัน” เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยเสียงเรียบ สร้างความแปลกใจให้กับเกศรินทร์เจ้าของอินดี้ผับมาก และสำเนียงของเขาก็ชัดเจนเสียด้วยสิ ท่าทางจะเป็นหนุ่มลูกครึ่งแน่นอน ม่ายสาวคิด ก่อนที่จะตอบรับเขาเป็นภาษาไทยที่อ่อนหวานเป็นพิเศษ
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเกรซจะให้เด็กมาเสิร์ฟให้” ร่างระหงส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้เขาอีกครั้งก่อนเดินไปสั่งงานลูกน้องไม่กี่นาทีก็ไปบริการลูกค้าวีไอพีโต๊ะอื่นต่อ แต่หันมามองหนุ่มลูกครึ่งเป็นระยะๆ
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เกศรินทร์ก็ไม่เห็นวี่แววว่าใครจะมานั่งเป็นเพื่อนแขกหนุ่มที่เธอหมายตาเอาไว้ ผู้หญิงที่แพ้ความหล่อของผู้ชายก็เดินเข้ามาหาลูกค้าคนพิเศษของเธออีกครั้งด้วยท่าทางราวกับนางพญาอ่อยเหยื่อ แววตาที่เธอมองเขากับรอยยิ้มยั่วยวนเล็กน้อยอย่างมีเสน่ห์แสดงออกชัดเจนเสียขนาดนั้น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ผู้หญิงตรงหน้ากำลังให้ท่าเขาขนาดไหน
แต่เป้าหมายสูงสุดที่เขาต้องการจะต้องสำเร็จ บลิซเซิร์ดจึงต้องเปิดการเจรจาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มแสนเสน่ห์ของเขาที่คลี่ยิ้มออกเพียงเล็กน้อย แค่นี้ม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่างเกศรินทร์ก็แทบละลายลงตรงหน้าเขาแล้ว หากว่าชายหนุ่มเอ่ยขอสิ่งใด หล่อนคงจะรีบเอามาประเคนให้ทุกอย่างโดยไม่รอช้า
“คุณคงเป็นเจ้าของผับนี้สินะ”
“ใช่ค่ะ เอ่อ...แล้วคุณรู้ได้อย่างไรคะว่า ฉันเป็นเจ้าของที่แห่งนี้” หล่อนถามพลางชม้อยตาวิบไหวมองตาเขาด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้มหว่านเสน่ห์เต็มที่ ในมือก็คลึงแก้วทรงสูงที่มีของเหลวสีอำพันไปมาราวกับมันเป็นผิวกายของผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ปาน ก็หล่อคมบาดตาบาดใจน่าขย้ำมากขนาดนี้จะไม่ให้เธอรู้สึกรู้สาได้อย่างไร
“เพราะบุคลิกของคุณดูมีสง่าราศี ผมจึงเดาเอาน่ะครับ” ขณะที่ถามสายตาคมกล้าวาววับก็มองไปทางด้านบนเวทีตลอดเวลา เพื่อรอดูว่าเมื่อไรเหยื่อสาวของเขาจะโผล่มาสักที นี่ก็หลายนาทีแล้ว หรือว่าเอมฤทัยไม่ได้มาทำงานคืนนี้ แต่ถ้าถามผู้หญิงตรงหน้าเขานี้ หล่อนคงจะให้คำตอบที่เขาพอใจได้
เกศรินทร์แสร้งทำเป็นอายม้วนก่อนที่จะคุยกับเขาต่อว่า
“คุณนี่ตาแหลมจังเลยนะคะ เดาเก่งจัง”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย แต่เป็นคนละความหมายแน่นอน
“ผมทราบมาว่า ที่นี่มีนักร้องเสียงดีมากที่ชื่อว่าเอมฤทัย ไม่ทราบว่า เธอมาทำงานคืนนี้หรือเปล่าครับ”
เกศรินทร์มีแววไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเขาถามถึงผู้หญิงคนอื่น แต่หล่อนก็ยิ้มกลบเกลื่อนทันควันจนแทบสังเกตไม่ทันว่า หล่อนรู้สึกไม่พอใจ เพราะมีอาชีพบริการ จึงทำให้เธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี และคงไม่ใช่มีเพียงแค่บุรุษตรงหน้านี้เท่านั้นที่ถามถึงนักร้องสาวเอมฤทัย ผู้ชายแทบจะทุกคนที่เข้ามาที่ผับนี้เลยก็ว่าได้ที่ต้องการมานั่งฟัง และมองสาวน้อยหน้าหวานเสียงใสร้องเพลงอันไพเราะให้ฟัง
“มาสิคะ แต่ของดีมักตามมาทีหลัง คุณต้องรอหน่อยนะคะ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเธอออกมาแน่นอนค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ คุณช่วยลัดคิวให้เธอหน่อยได้ไหม ผมใจร้อน”
เจ้าของผับคนสวยยิ้มร้าย มองหนุ่มลูกครึ่งที่ท่าทางกระเป๋าหนักอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบว่า
“ถ้าเกรซทำตามที่คุณต้องการได้ เกรซจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนคะ” เพราะเธอเป็นสาวนักธุรกิจ จะทำอะไรให้ใครก็ต้องได้กำไรและผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอ
แค่มองตาก็รู้ว่า หล่อนต้องการอะไร บลิซเซิร์ดจึงไม่ต้องคิดนาน ก่อนที่จะล้วงเอาธนบัตรปึกหนึ่งที่มีมูลค่ามากพอเอามาวางไว้ตรงหน้าม่ายสาว ดวงตาคู่สวยที่กรีดอายไลเนอร์จนคมกริบเบิกกว้างออกทันทีที่เห็นในสิ่งที่เขาเสนอให้มา และเธอคงโง่มากหากไม่รีบตะครุบเอาไว้
“แค่นี้พอไหม” เขาถามสั้นๆ และรู้คำตอบโดยทันทีที่เห็นแววตาพึงพอใจของหญิงสาวส่งมา
“แหมๆ ทำไมจะไม่พอล่ะคะ เอาเป็นว่า อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะคะ เกรซจะไปบอกให้เอมมี่เธอเตรียมตัวร้องเพลง” เกศรินทร์รีบลุกออกไปจากโต๊ะทันที เพราะกลัวว่า มหาเศรษฐีหนุ่มตาคมจะเปลี่ยนใจ
สิบกว่านาทีที่ผ่านไปช้าราวกับสิบกว่าชั่วโมงที่เขาต้องนั่งแกร่วรอหลังจากนักร้องสาวคนหนึ่งเพิ่งร้องเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว เมื่อเจ้าหล่อนเดินออกไปจากเวที แสงสว่างของไฟหลากสีก็หรี่ลง ปรากฏแสงไฟวงกลมเจิดจ้าสาดส่องไปตรงกลางเวทีที่มีร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังให้
ดวงตาทุกคู่จ้องไปบนเวทีเป็นจุดเดียวที่เรือนร่างสมส่วนงดงามในชุดราตรีเกาะอกสีโอลด์โรสที่ประดับด้วยเกล็ดเพชรเป็นประกายระยิบระยับ ชุดสวยสั้นแค่ปิดช่วงสะโพกงามงอนเท่านั้นเพื่อโชว์เรียวขาสวยขาวผ่อง หนุ่มๆ เกือบทุกคนตะลึงมองเรือนร่างแสนเซ็กซีของนักร้องสาวจนต้องลอบกลืนน้ำลายไม่เว้นแม้แต่บลิซเซิร์ด
