พายุรักร้ายในสายลมหนาว

149.0K · จบแล้ว
ณัชชาพัชร์
78
บท
20.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

บลิซเซิร์ด หนุ่มนัยน์ตาสีอำพันเข้ม เขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แต่เธอกลับทำให้เขาลุกเป็นไฟ กับ เอมฤทัย ผู้หญิงที่น่าปรารถนาทุกครั้งที่เข้าใกล้ แต่ขอบอกว่าเขาเกลียดเธอเข้าไส้ และรังเกียจเธอสุดๆ จนต้องหยุดเตือนใจตนเองทุกนาทีที่ได้ใกล้ชิด ‘ว่าเขารังเกียจเธอ!’“ฮึ! คิดจะเสนอตัวให้ผมหรือ ถ้ายั่วไม่เก่งจริงก็อย่ามาขายให้ผมเลย ผมไม่ซื้อหรอก”“ไม่เป็นไร คืนนี้ฉันบริการคุณฟรีๆ ก็ได้ ผู้ชายหล่อๆ เถื่อนๆ อย่างคุณหาง่ายเสียที่ไหน” จบคำเธอก็จัดการยั่วเขา จนสุดความสามารถ!“คิดเหรอ ว่าแค่นี้จะทำให้ผมมีอารมณ์อยากจะนอนกับคุณ”แล้วเธอก็จัดการปลดกระดุมเสื้อของเขาออกทีละเม็ด แต่เขาก็กลัดกระดุมเข้าไปใหม่ตามเดิม“โอเค ถ้าคุณไม่อยากจะถอดชุดก่อน ฉันจะเป็นคนถอดเสื้อผ้าของฉันออกก่อนก็ได้”ทว่าพอเขาเริ่มทนยั่วยุไม่ไหว แล้วหันกลับมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง“คุณบลิซเซิร์ด ปล่อยฉันนะ!”“หึๆ ทีแบบนี้บอกให้ปล่อย เมื่อกี้ยังอวดเก่งอยู่เลย”เอมฤทัยทั้งหวาดหวั่น ทั้งตื่นตระหนก กลัวว่าบลิซเซิร์ดจะบ้าคลั่งข่มเหงเธอขึ้นมาจริงๆ“ฉันเป็นแค่นางโลมชั้นต่ำ เป็นแค่โสเภณีสกปรก คุณยังคิดจะมาเกลือกกลั้วกับฉันอีกเหรอ”“ก็คุณมายั่วผมจนอยากทำไมล่ะ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ และตอนนี้ผมก็อยากจะลองของต่ำๆ ดูบ้าง ว่ามันจะให้ความรู้สึกต่างกันอย่างไรกับของสูงๆ ผู้หญิงที่ผ่านมือชายมามากมายอย่างคุณ คงไม่ต้องทะนุถนอมมากมายหรอกมั้ง ถ้าชอบแรงๆ ก็บอกกันได้นะ ผมจะจัดให้”สิ้นประโยคหวาดเสียวจนเสียววาบเข้าไปในช่องท้อง ใบหน้าคมคร้ามก็ก้มต่ำลงมาอย่างรวดเร็ว ด้วยประกายตาวาววับร้ายกาจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองศึกด้วยความหวาดหวั่น เมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุดันก้มต่ำลงมา จนริมฝีปากหยักลึกแทบจะชิดเรียวปากสีกุหลาบของเธออยู่รอมร่อ“อย่า!”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบัน

Ep.1

ดวงตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีดโกนมองภาพสองใบสลับกันไปมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ออกจากที่พัก ดวงตาสีอำพันเข้มราวกับมีเปลวไฟนรกลุกโชนอยู่ในนั้น คล้ายอยากจะแผดเผาผู้หญิงในรูปคนหนึ่งที่น่าจะอยู่จะในวัยสี่สิบกว่าให้มอดไหม้เป็นจุณหากทำได้ แววตาอาฆาตหมายมาดอย่างรุนแรงว่า จะต้องตามหาหล่อนให้เจอ ส่วนรูปภาพของผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาอ่อนวัยกว่า เขาตั้งใจไว้แล้วว่า ควรจะทำอย่างไรกับหล่อนดี ที่แน่ๆ ผู้หญิงสองคนในรูปนี้จะต้องได้รับการลงโทษทัณฑ์อย่างสาสม!

รถเก๋งสีดำมันปลาบแล่นเข้ามาจอดที่หน้าผับเล็กๆ แห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของตัวจังหวัด ด้านนอกผับไม่มีอะไรดึงดูดตาของบลิซเซิร์ดแม้แต่นิด สถานที่แบบนี้น่ะหรือที่เด็กสาวกะโปโลนั่นมาทำงาน

“ตามแผนที่ เด็กผู้หญิงที่นายตามหาทำงานอยู่ที่นี่ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ขับรถหันมาบอกเจ้านายของตนเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเคารพนับถือเต็มเปี่ยม

ลูกน้องคนสนิทวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายอย่างรีบด่วนเมื่อรถจอดสนิท ร่างสูงที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนแบรนด์ดังสีเข้มที่สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวหนังสัตว์สีดำราคาแพงเดินลงมาจากรถคันหรู แล้วสั่งงานลูกน้องตัวโตพอๆ กับเขาสองสามนาทีก่อนที่จะเดินเข้าไปในผับโกโรโกโสด้านหน้าด้วยท่าทางดุดันจนนักท่องราตรีหลายคนที่เดินผ่านไปมาไม่กล้าสบตามอง

ร่างสูงสง่าที่ดูดีโดดเด่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่ก้าวเข้ามาเต็มไปด้วยพลังเสน่หาแห่งบุรุษเพศที่ดึงดูดสายตาสาวๆ ในที่แห่งนั้นให้หันมามองด้วยความหลงใหล ใบหน้าคมสันที่หล่อเข้มเกินพิกัดที่หาใครทัดเทียมได้ยากดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ แต่มันกลับแฝงไปด้วยเสน่ห์อย่างเหลือร้ายจนผู้ชายด้วยกันเองยังอดที่มองเขาด้วยความชื่นชมแกมอิจฉาไม่ได้

มองปราดเดียวก็รู้ว่า แขกผู้มาใหม่คงไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่รู้หรอกว่า ชายหนุ่มที่มีหน้าตาไปทางโซนยุโรปจะร่ำรวยล้นฟ้าขนาดไหน แต่มันก็ทำให้เจ้าของผับคนสวยที่เห็นเขาเดินเข้ามาแต่ไกลถึงกับต้องรีบเดินออกไปหาบริการด้วยตนเอง และเอื้อนเอ่ยกับเขาด้วยภาษาสากลแสนจะสุภาพ พร้อมทั้งส่งสายตาหวานเยิ้มคล้ายจะทอดสะพานให้

“สวัสดีค่ะมิสเตอร์ เชิญทางนี้ค่ะ” ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีแดงสดที่ค่อนข้างเปิดเผยกล่าวสวัสดีพร้อมทั้งผายมือเชื้อเชิญเขาให้ไปนั่งในมุมมืดสลัวพอดีมุมหนึ่ง

“มาคนเดียวหรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น “จะรับอะไรดีคะ”

“เอาวอดก้าแล้วกัน” เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยเสียงเรียบ สร้างความแปลกใจให้กับเกศรินทร์เจ้าของอินดี้ผับมาก และสำเนียงของเขาก็ชัดเจนเสียด้วยสิ ท่าทางจะเป็นหนุ่มลูกครึ่งแน่นอน ม่ายสาวคิด ก่อนที่จะตอบรับเขาเป็นภาษาไทยที่อ่อนหวานเป็นพิเศษ

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเกรซจะให้เด็กมาเสิร์ฟให้” ร่างระหงส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้เขาอีกครั้งก่อนเดินไปสั่งงานลูกน้องไม่กี่นาทีก็ไปบริการลูกค้าวีไอพีโต๊ะอื่นต่อ แต่หันมามองหนุ่มลูกครึ่งเป็นระยะๆ

หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เกศรินทร์ก็ไม่เห็นวี่แววว่าใครจะมานั่งเป็นเพื่อนแขกหนุ่มที่เธอหมายตาเอาไว้ ผู้หญิงที่แพ้ความหล่อของผู้ชายก็เดินเข้ามาหาลูกค้าคนพิเศษของเธออีกครั้งด้วยท่าทางราวกับนางพญาอ่อยเหยื่อ แววตาที่เธอมองเขากับรอยยิ้มยั่วยวนเล็กน้อยอย่างมีเสน่ห์แสดงออกชัดเจนเสียขนาดนั้น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ผู้หญิงตรงหน้ากำลังให้ท่าเขาขนาดไหน

แต่เป้าหมายสูงสุดที่เขาต้องการจะต้องสำเร็จ บลิซเซิร์ดจึงต้องเปิดการเจรจาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มแสนเสน่ห์ของเขาที่คลี่ยิ้มออกเพียงเล็กน้อย แค่นี้ม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่างเกศรินทร์ก็แทบละลายลงตรงหน้าเขาแล้ว หากว่าชายหนุ่มเอ่ยขอสิ่งใด หล่อนคงจะรีบเอามาประเคนให้ทุกอย่างโดยไม่รอช้า

“คุณคงเป็นเจ้าของผับนี้สินะ”

“ใช่ค่ะ เอ่อ...แล้วคุณรู้ได้อย่างไรคะว่า ฉันเป็นเจ้าของที่แห่งนี้” หล่อนถามพลางชม้อยตาวิบไหวมองตาเขาด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้มหว่านเสน่ห์เต็มที่ ในมือก็คลึงแก้วทรงสูงที่มีของเหลวสีอำพันไปมาราวกับมันเป็นผิวกายของผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ปาน ก็หล่อคมบาดตาบาดใจน่าขย้ำมากขนาดนี้จะไม่ให้เธอรู้สึกรู้สาได้อย่างไร

“เพราะบุคลิกของคุณดูมีสง่าราศี ผมจึงเดาเอาน่ะครับ” ขณะที่ถามสายตาคมกล้าวาววับก็มองไปทางด้านบนเวทีตลอดเวลา เพื่อรอดูว่าเมื่อไรเหยื่อสาวของเขาจะโผล่มาสักที นี่ก็หลายนาทีแล้ว หรือว่าเอมฤทัยไม่ได้มาทำงานคืนนี้ แต่ถ้าถามผู้หญิงตรงหน้าเขานี้ หล่อนคงจะให้คำตอบที่เขาพอใจได้

เกศรินทร์แสร้งทำเป็นอายม้วนก่อนที่จะคุยกับเขาต่อว่า

“คุณนี่ตาแหลมจังเลยนะคะ เดาเก่งจัง”

ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย แต่เป็นคนละความหมายแน่นอน

“ผมทราบมาว่า ที่นี่มีนักร้องเสียงดีมากที่ชื่อว่าเอมฤทัย ไม่ทราบว่า เธอมาทำงานคืนนี้หรือเปล่าครับ”

เกศรินทร์มีแววไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเขาถามถึงผู้หญิงคนอื่น แต่หล่อนก็ยิ้มกลบเกลื่อนทันควันจนแทบสังเกตไม่ทันว่า หล่อนรู้สึกไม่พอใจ เพราะมีอาชีพบริการ จึงทำให้เธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี และคงไม่ใช่มีเพียงแค่บุรุษตรงหน้านี้เท่านั้นที่ถามถึงนักร้องสาวเอมฤทัย ผู้ชายแทบจะทุกคนที่เข้ามาที่ผับนี้เลยก็ว่าได้ที่ต้องการมานั่งฟัง และมองสาวน้อยหน้าหวานเสียงใสร้องเพลงอันไพเราะให้ฟัง

“มาสิคะ แต่ของดีมักตามมาทีหลัง คุณต้องรอหน่อยนะคะ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเธอออกมาแน่นอนค่ะ”

“อย่างนั้นหรือ คุณช่วยลัดคิวให้เธอหน่อยได้ไหม ผมใจร้อน”

เจ้าของผับคนสวยยิ้มร้าย มองหนุ่มลูกครึ่งที่ท่าทางกระเป๋าหนักอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบว่า

“ถ้าเกรซทำตามที่คุณต้องการได้ เกรซจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนคะ” เพราะเธอเป็นสาวนักธุรกิจ จะทำอะไรให้ใครก็ต้องได้กำไรและผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอ

แค่มองตาก็รู้ว่า หล่อนต้องการอะไร บลิซเซิร์ดจึงไม่ต้องคิดนาน ก่อนที่จะล้วงเอาธนบัตรปึกหนึ่งที่มีมูลค่ามากพอเอามาวางไว้ตรงหน้าม่ายสาว ดวงตาคู่สวยที่กรีดอายไลเนอร์จนคมกริบเบิกกว้างออกทันทีที่เห็นในสิ่งที่เขาเสนอให้มา และเธอคงโง่มากหากไม่รีบตะครุบเอาไว้

“แค่นี้พอไหม” เขาถามสั้นๆ และรู้คำตอบโดยทันทีที่เห็นแววตาพึงพอใจของหญิงสาวส่งมา

“แหมๆ ทำไมจะไม่พอล่ะคะ เอาเป็นว่า อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะคะ เกรซจะไปบอกให้เอมมี่เธอเตรียมตัวร้องเพลง” เกศรินทร์รีบลุกออกไปจากโต๊ะทันที เพราะกลัวว่า มหาเศรษฐีหนุ่มตาคมจะเปลี่ยนใจ

สิบกว่านาทีที่ผ่านไปช้าราวกับสิบกว่าชั่วโมงที่เขาต้องนั่งแกร่วรอหลังจากนักร้องสาวคนหนึ่งเพิ่งร้องเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว เมื่อเจ้าหล่อนเดินออกไปจากเวที แสงสว่างของไฟหลากสีก็หรี่ลง ปรากฏแสงไฟวงกลมเจิดจ้าสาดส่องไปตรงกลางเวทีที่มีร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังให้

ดวงตาทุกคู่จ้องไปบนเวทีเป็นจุดเดียวที่เรือนร่างสมส่วนงดงามในชุดราตรีเกาะอกสีโอลด์โรสที่ประดับด้วยเกล็ดเพชรเป็นประกายระยิบระยับ ชุดสวยสั้นแค่ปิดช่วงสะโพกงามงอนเท่านั้นเพื่อโชว์เรียวขาสวยขาวผ่อง หนุ่มๆ เกือบทุกคนตะลึงมองเรือนร่างแสนเซ็กซีของนักร้องสาวจนต้องลอบกลืนน้ำลายไม่เว้นแม้แต่บลิซเซิร์ด