4. ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลย
เวลานี้ดึกมากแล้ว ณัฐชาสูญเสียพลังงานจากการทำงานทั้งวัน เธอหิวและง่วงมากจนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลับไปในทุกๆ นาที
ร่างกายเหนื่อยล้า แต่ความคิดถึงอาหารยังคงรบกวนสมอง เธอทานขนมชิ้นเดียวตอนกลางวัน และมันไม่อาจเติมเต็มความหิวได้เลย
"ฉันหิวมาก...เราหาอะไรทานก่อนได้ไหมคะ"
เสียงของเธอดังขึ้นอย่างเบาๆ แต่ในนั้นก็มีความออดอ้อนเล็กน้อย เหมือนจะคอยทวงความเอาใจใส่จากเขา
แต่คำพูดของเธอก็หายไปในอากาศที่เย็นและเงียบสงบ เขายังคงเงียบ ไม่ตอบอะไร
เขาเอื้อมมือไปข้างหลังเบาะรถหยิบขนมปังออกมาจากกระเป๋า แล้วมันก็ถูกโยนลงบนตักของเธออย่างไม่แยแส
"เอ้านี่...กินสะ;"
เสียงเขาห้วน ๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คำสั่งที่มาจากความโกรธ หรือความไม่พอใจจริงๆ มากนัก เธอมองขนมปังที่อยู่บนตัก รู้สึกเหมือนมันเป็นสัญลักษณ์ของความปรานีที่เขามอบให้
แม้คำพูดของเขาจะไม่สุภาพนัก แต่มันก็ช่วยให้เธอรู้สึกว่าความใจร้ายของเขาไม่ได้ครอบงำเขาไปทั้งหมด
เธอยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน มันเป็นรอยยิ้มที่สะท้อนความรู้สึกขอบคุณที่เธอไม่อยากให้เขาเห็น แต่เธอก็พูดขึ้นมาเบาๆ ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยประชด
"ขอบคุณค่ะ... ที่ยังปรานีฉัน"
แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันมามองเธอด้วยสายตาที่ทิ่มแทงเหมือนกับว่าคำพูดนั้นทำให้เขาโกรธ เขาถลึงตาใส่เธออย่างชัดเจน แต่แทนที่จะตอบโต้ เขากลับส่ายหัวเบาๆ แล้วปล่อยไป
ความเงียบเข้าครอบงำในรถอีกครั้ง เขาไม่ตอบคำพูดของเธอ ไม่พยายามสร้างบทสนทนาหรือทำให้บรรยากาศดีขึ้น
เขาคงไม่อยากจะพูดอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น
ณัฐชานั่งนิ่งๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกบางอย่างในใจเธอที่ไม่อาจบอกออกไปกับเขาได้
ในความเงียบที่อยู่ระหว่างทั้งคู่ เสียงหายใจของเธอกับเขาเหมือนจะบรรเลงร่วมกันในอากาศ แต่ไม่มีคำพูดไหนที่สามารถอธิบายความ
รู้สึกในตอนนี้ได้เลย
รถแล่นผ่านเส้นทางอันยาวไกลออกไปนอกเมือง แสงไฟถนนเริ่มเลือนหาย เหลือเพียงความมืดที่ปกคลุมโดยรอบเท่านั้น
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นในความเงียบ ทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดภายในรถทันที
"ริง...ริง...ริง..."
เธอสะดุ้งเล็กน้อย เสียงนั้นมาจากโทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่บนคอนโซลหน้า เขาเหลือบตามองหน้าจอเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
"ว่าไง?"
เสียงของเขาเย็นชาและหนักแน่นในขณะที่รับสาย สายตายังคงจับจ้องที่กระจกด้านหน้า
“บอสครับ...ขอโทษนะครับที่โทรมารบกวนกลางดึก คือผมเห็นบอสโทรหาตอนนั้นอยู่บนเครื่องไม่ได้รับสายครับ”
“อ๋อ...ฉันจะบอกว่าฉันไม่เข้าบริษัทสักพักนะ มีอะไรคุณจัดการได้เลย...ใครถามบอกผมไปต่างประเทศ”
“รับทราบครับบอส”
เสียงตอบกลับจากนายกนกลูกน้องมือขวาของเขา และลูกน้องก็แจ้งเรื่องงานที่ไปประชุมวันนี้
เธอใช้จังหวะนี้รวบรวมความกล้า ดวงตาเหลือบไปที่ประตูรถอีกครั้ง เธอคิดหาวิธีที่จะปลดล็อกประตู แต่ถูกสายตาของเขามองอยู่เธอจึง
ชะงัก
เขาวางสายลงอย่างรวดเร็ว โทรศัพท์ตัดขาดการสนทนา ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองเธอด้วยสายตาที่เธอไม่สามารถอ่านได้
"อย่าคิดหนีไปไหน"
เขาพูดเพียงเท่านั้น แต่คำพูดของเขากลับทรงพลังพอที่จะทำให้เธอหยุดความคิดที่จะหนีในทันที
เสียงโทรศัพท์ที่เพิ่งเงียบหายกลับเป็นเพียงอีกหนึ่งส่วนเล็ก ๆ ในเหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในความมืดมิดของ
สถานการณ์นี้
เสียงภายในรถเงียบลงหลังจากคำพูดที่ราวกับคำสั่งเด็ดขาดนั้น เธอเบือนหน้าหนี มองออกไปนอกหน้าต่าง ร่างกายเธอเกร็งแน่น ความโกรธและความกลัวปะปนกันจนเธอแทบไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติ
"คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับฉันแบบนี้!"
เธอพูดเสียงสั่น ขณะที่มือทั้งสองข้างกำแน่นอยู่บนตัก
"ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันสาบานเลยว่าคุณจะต้องเสียใจ"
เขาเหลือบมองเธอเพียงเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาและไร้ความรู้สึก
"ทำไมคุณจะเกลียดผมหรอ เชิญเลย... ผมเองก็ไม่ได้ต้องการความรักจากคุณอยู่แล้ว"
คำพูดนั้นเหมือนกระบี่ที่แทงเข้าไปในหัวใจเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เธอกลับกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
"คุณมันบ้าไปแล้ว! ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ ทำไมคุณถึงเลือกที่จะทำลายกันแบบนี้" เธอถามเสียงดัง ลมหายใจสะท้อนความขมขื่น
เขาไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับขับรถต่อไปเงียบ ๆ ราวกับคำพูดของเธอไม่มีความสำคัญสำหรับเขาเลย
"บางทีการทำลายคุณ...อาจเป็นทางเดียวที่พ่อของคุณเจ็บปวดที่สุด"
"ถ้าคุณคิดจะขืนใจหรือทำร้ายฉัน คุณจะไม่มีวันได้ครอบครองฉันในแบบที่คุณต้องการ"
เขาหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นฟังดูน่ากลัวและเสียดแทง
"คุณคิดเหรอว่าผมต้องการแค่ร่างกายของคุณ? ผมต้องการให้คุณจำไว้ ว่าคุณไม่มีวันหนีพ้นจากผมได้"
เธอนั่งนิ่ง ดวงตาสั่นระริก น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงมาตามแก้ม มือของเธอจิกแน่นที่เบาะรถ แต่ในใจยังคงต่อสู้กับความหวาดกลัวและความสับสน
"ฉันเกลียดคุณ..." เธอกลั้นเสียงสะอื้นและพูดออกมาเบา ๆ ราวกับกระซิบ
เขาเพียงแค่หันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาอีกครั้ง
"ดี...เพราะเกลียดนี่แหละ คุณถึงไม่มีทางลืมผมได้"
ณัฐชานั่งนิ่ง สายตามองผ่านกระจกหน้ารถออกไปอย่างไม่ละสายตา ป้ายบอกทางที่ผ่านไปแต่ละป้ายทำให้เธอพยายามจดจำเส้นทาง เธอรู้ดีว่าการรู้เส้นทางอาจเป็นความหวังเดียวในการหนีเอาตัวรอด
เขาขับรถต่อไปโดยไม่พูดอะไร ดวงหน้าเย็นชาของเขาทำให้เธอเดาไม่ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ รถเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ
เขาพาเธอออกจากกรุงเทพมานานเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว ณัฐชาหันไปมองเขาชั่วขณะ ใจเธอเต็มไปด้วยความกลัวและความสงสัย
"คุณจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่?" เธอกลั้นใจถาม น้ำเสียงพยายามแข็ง แต่แฝงความสั่นไหว
เขาไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ ดวงตายังคงจับจ้องถนนข้างหน้า "เดี๋ยวก็รู้เอง..."
คำตอบสั้น ๆ นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกดดันหนักขึ้น หัวใจเธอเต้นแรง ความคิดต่าง ๆ วิ่งวนในหัว
เธอคิดถึงทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น หากเขาพาเธอไปยังสถานที่ที่ไม่มีคน เธอจะทำอย่างไร? จะหนียังไง? หรือเขาต้องการจะฆ่าเธอในป่าหรือเปล่า?
รถเคลื่อนเข้าสู่เขตพื้นที่ชนบทมากขึ้นเรื่อย ๆ สองข้างทางเริ่มเต็มไปด้วยต้นไม้และความมืดมิดของค่ำคืนที่กำลังคืบคลานเข้ามา เธอรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่เริ่มแทรกซึมเข้ามาในหัวใจ
ณัฐชากำมือแน่น เธอต้องตั้งสติ เธอไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นเหยื่อของสถานการณ์นี้ เธอแอบมองหาสิ่งของรอบตัวในรถที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“คุณจะฆ่าฉันหรือไง?”
เธอพูดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงของเธอเข้มขึ้น แม้จะหวาดกลัวแต่ก็เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
เขาหันมามองเธอครู่หนึ่ง ดวงตาเย็นชาของเขาทำให้เธอขนลุก
"ฆ่าคุณเหรอ?" เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความน่ากลัว
"ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น...อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงเวลา"
คำพูดนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนลมหายใจหยุดชะงัก ความคิดที่จะหาทางหนีเริ่มเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง
ณัฐชาพยายามสงบใจ แม้ในความกลัว เธอก็ยังต้องวางแผนเพื่อเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ที่เหมือนฝันร้ายนี้ให้ได้
เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง คำพูดที่ออกจากปากเขาทำให้หัวใจเธอบีบรัด เธอเคยเชื่อว่าเขาเป็นคนดี คนที่เธอ
เคยไว้ใจและรู้จักอย่างลึกซึ้ง แต่ตอนนี้เขาดูเป็นคนละคน
"คุณมีแฟนอยู่แล้ว...ทำแบบนี้แฟนคุณจะเสียใจนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน แต่พยายามใช้เหตุผลเกลี้ยกล่อมเขา หวังว่าคำพูด
ของเธอจะกระตุ้นให้เขาคิดได้
เขาหัวเราะเสียงต่ำ น้ำเสียงเย็นชา
"แฟนเหรอ? ผมไม่เคยมีแฟน...มีแค่คู่นอนเล่นเท่านั้น"
คำพูดของเขาฟังดูไร้เยื่อใยและน่ากลัว ราวกับตั้งใจทำให้เธอมองเขาในแง่ร้ายที่สุด แต่ความจริงในใจเขากลับตรงกันข้าม
เขาไม่เคยมีใครอื่นเลยนอกจากเธอ เขาแค่ต้องการทำให้เธอเกลียดเขา หวังว่าเธอจะยอมแพ้และเลิกดิ้นรน
ณัฐชาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คำพูดของเขาเหมือนมีดกรีดหัวใจเธอให้แหลกสลาย เธอรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ใช่
คนที่เธอเคยรัก
"นี่คุณไม่ใช่คนที่ฉันเคยรู้จัก...คุณมันน่าทุเรศที่สุด"
คำพูดของเธอทำให้เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม
ดวงตาของเขายังคงนิ่งเฉย ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด แต่ลึกลงไปในใจ เขารู้สึกเหมือนคำพูดนั้นแทงลึกเข้าไปในจิตใจของเขาเอง
"งั้นเหรอ..." เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เย็นชาเหมือนเดิม
"ถ้าเธอคิดว่าฉันเลว ก็จำฉันในแบบนั้นไปตลอดเลยก็แล้วกัน" เขาพูดพลางเหลือบมองหน้าเธอผ่านกระจก
ณัฐชานั่งเงียบ น้ำตาคลอเต็มดวงตา หัวใจของเธอสับสนจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เสียงเครื่องยนต์ของรถดังต่อเนื่อง
บรรยากาศในรถอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก เธอพยายามสะกดกลั้นน้ำตาและตั้งสติ คิดหาวิธีที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้