บท
ตั้งค่า

3. เมื่อหนึ่งปีก่อน (ภาคปัญหา) [1/4]

“เอ่อ...ละเลือดครับ” ว่าจะไม่ตาขวางใส่แล้วนะ มันยังมาทักอีก เอาเถอะ! มันไม่ใช่เวลาจะมาหาว่าใครผิดใครถูกแล้วตอนนี้ คงต้องจัดการกับปัญหาตรงหน้า ถอยออกมาก่อนแล้วกันแต่...

“มีกุญแจล็อคประตูห้องจากด้านนอกมั้ย” วิลถามคนเรือ คนเรือพยักหน้าและรีบวิ่งไปเอาสิ่งที่เจ้านายต้องการ โดยคิดว่ายังไม่ต้องเข้าใจเรื่องราวอะไรตอนนี้มากนัก ทำตามคำสั่งเจ้านายก่อนแล้วกัน

ล็อค! เสียงจากประตูทำให้คนด้านในห้องหันไปมองทันที แต่ในเวลาที่ไม่ห่างกันเสียงก็เงียบลง ธมนที่กลับมาสวมเสื้อผ้าตัวเองแล้วนั่งกอดเข่าตัวเองต่อไป ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตาไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ตอนที่เห็นเขาคนนั้นที่หน้าประตู เธอ...เธอไม่รู้จะทำยังไงเพราะเธอไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเขา จะว่าเขาผิดทั้งหมดก็คงไม่ใช่ ถ้าเรือเป็นของเขาเธอต่างหากเล่าที่เป็ฝ่ายบุกรุก

ฮื้อฮื้อฮื้อฮืออออ เมื่อจนปัญญาการร้องไห้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ชอบไม่เคยชอบหรืออยากจะรู้จักอิทธิเลย ลูกเลี้ยงของคุณจิตราที่มีศักดิ์เป็นญาติกับเธอทางฝ่ายคุณย่า คุณจิตราเป็นประเภทน่ารำคาญแบบขี้ประจบประแจงแบบหวังผลประโยชน์ไร้ซึ่งความจริงใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครบอกเธอทั้งนั้น แต่มันเป็นสิ่งที่เห็นมาโดยตลอดในตัวคุณจิตรา ตั้งแต่เล็กจนเธอโต คุณจิตราก็ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ไม่คิดว่าลูกเลี้ยงจะเลวได้ขนาดนี้ แต่เธอจะเอาหลักฐาน

อะไรไปเอาเรื่องได้ละ นอกจากหนีให้พ้นมือคนชั่วอย่างอิทธิ แต่...

“โถ่เว้ย!!! ฮื้ออออ” เธออยากหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นมาอีกเลยถ้าทำได้ ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา วันนี้เป็นการตื่นที่เธอเสียใจมากเป็นครั้งที่สี่ในชีวิต ครั้งแรกตอนคุณแม่เสียแม้ตอนนั้นเธอยังเล็กมากก็ตาม ครั้งต่อมาก็คุณปู่ ครั้งล่าสุดเมื่อปีก่อนก็คือคุณพ่อ และครั้งล่าสุดกว่าคือสายของวันนี้ คือเธอเสียตัวเสียศักดิ์ศรีความภาคภูมิในตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน และเธอแทบจำรายละเอียดเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลย แต่นั่นไม่สำคัญเพราะเธอไม่ได้อยากจำ แต่หลักฐานที่ปรากฎในตอนนี้ทั้งร่างกายที่ปวดร้าว คราบเลือดบนผืนผ้าปูที่นอน เธออยากตายแต่ตายไม่ได้...ความเข้มแข็งที่เธอมีตอนนี้ก็ทำได้แค่ร้องไห้...ร้องไห้...และร้องไห้

ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูในตอนบ่าย ทำให้ธมนตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก เธอนั่งแบบนี้มานานหลายชั่วโมงแล้ว โดยที่เธอไม่รู้สึกถึงเวลาที่ผ่านไปเลย ความเงียบสงบมันทำให้เธอสงบใจได้มากขึ้น แต่เสียงเคาะประตูบ้านั่น เริ่มดึงความหวาดกลัวกลับมาหาเธออีกครั้ง...ไม่พร้อม...เธอยังไม่พร้อมกับการเผชิญหน้าในตอนนี้ จู่ๆ ดวงตากลมก็พราวระยับด้วยหยาดน้ำตาพร้อมกับสอดส่ายไปมา หาอะไรก็ได้ตอนนี้ มีอะไรให้เธอไว้ป้องกันตัวบ้าง แต่เมื่อตรงนี้ไม่มี...

ควับ! ธมนลุกขึ้นและเดินกึ่งวิ่งเข้าห้องน้ำหยิบขวดแชมพูขนาดเล็กติดมือมา

ฟิ้วววว...

ปึก วิลที่ยืนอยู่อยู่หน้าประตูทำหน้าเซ็งทันที แต่ก็เป็นกระแสที่ดีที่เธอยังมีลมหายใจ นี่ถ้าคนเรือไม่เอ่ยว่าเธอจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า? เขาก็กะจะให้เธออยู่ในนั้นจนเธอพอใจหรือจนกว่าเธอจะหิว

“ไม่เห็นต้องทำลายเข้าของเลย ผมเอาของกินมาให้...เอาเถอะ! เดี๋ยวผมวางไว้หน้าห้อง คุณก็ออกมาหยิบเมื่อคิดว่าหิวจนทนไม่ไหวเองแล้วกัน” วิลไม่ลืมที่จะไขประตูให้ด้านในเปิดได้ ก่อนที่จะผละออกมาให้ห่างจากห้องนั้น

วิลกลับออกมานอนตากแดดตากลมบนตาข่าย ในขณะที่เรือก็ค่อยๆ ล่องไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ตามเส้นทาง เขาตัดสินใจแล้วว่ายังไม่กลับฝั่งตราบใดที่ยังคุยกับหล่อนไม่รู้เรื่อง คุกตารางไม่ใช่เรื่องที่จะล้อเล่นกันได้

“นายครับ” เสียงตะโกนของคนเรือ วิลผงกศีรษะขึ้นเพื่อไปมอง คนเรือชูแขนไปมาในมือถือโทรศัพท์มือถือไว้ คงเป็นเพื่อนเอกโทร.เข้ามาแน่ๆ

“เป็นไงบ้างว๊ะ เด็กบอกว่างานเข้าแล้ว” เสียงปลายสายดังทันทีที่วิลให้เสียงสั้นๆ และเรือก็หยุดลง จุดตรงนี้คงรับสัญญาณได้ดีที่สุด

“หล่อนยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลยว๊ะ ก็คงต้องเจรจาคุยกันให้เข้าใจก่อน”

“ฟังจากเสียงของแกแล้ว หาทางออกได้แล้วใช่มั้ย”

“สมัยนี้คนเราก็หากินกันแปลกๆ ให้ไปสักแสนสองแสนขี้คร้านจะตาลุกวาว” ตอนแรกวิลเองก็เป็นกังวล แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็คบคิดว่า

บางทีอาจจะเป็นวิธีการของผู้หญิงเลวๆ ที่อยากหาเงิน โลกนี้อยู่ยากขึ้น วิธีต่างๆ ก็ถูกคิดขึ้นได้แบบคนปกติทั่วไปอาจจะคิดไม่ถึง เสียดายความน่ารักที่แท้ก็พวกต้มตุ๋น

“เค เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วฉันได้หายกังวล อีกสองวันเจอกัน” วิลวางสายและดูเวลาจากโทรศัพท์ตอนนี้สี่โมงเย็นแล้ว น่าจะถึงเวลาเจรจา

ก็อก ก็อก ธมนหันไปมองประตูถูกเคาะอีกแล้ว เธอจะหนีหลบหน้าไปตลอดชีวิตไม่ได้ เอาละ! ได้เวลาแล้ว คุยให้มันจบๆ และต่างก็แยกย้าย

ผลั๊วะ!!

!!! วิลผงะเล็กน้อย เมื่อไม่คิดว่าคราวนี้ประตูจะถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ดวงตาแข็งกร้าวหลี่ลง มองเข้าไปในห้องหญิงสาวร่างบอบบางใบหน้ามอมแมม แต่กลับดึงดูดสายตาเขายิ่งนัก ผมเผ้ายุ่งเหยิงดั่งกับว่าเธอไม่สนใจอัตลักษณ์ภายนอกของตัวเองเลย แต่เธอไม่กล้าสบตาเขาเลย เพราะเธอหันไปมองทางอื่นแม้จะยืนอยู่ตรงหน้าเขาห่างกันแค่นิดเดียว

…. ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณในทันที วิลเองก็ไม่รู้จะเริ่มเอ่ยคำใดก่อน เพราะเธอเองก็ไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกมาก่อนเลยเช่นกัน แต่สงครามเงียบไม่ใช่ทางออกที่ดีอย่างแน่นอน

ธมนรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกเขาสำรวจ เธอต้องการให้ตัวเองดูน่าเกลียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอจึงไม่ล้างหน้าล้างตาแถมยังขยี้ผมตัวเองให้ยุ่งเหยิงไม่น่ามองเข้าไปอีก ร้อยทั้งร้อยไม่มีผู้ชายคนไหนพิศมัยผู้หญิงที่ดู

น่าเกลียดไม่สะอาดอย่างแน่นอน เพราะดูแล้วเขาน่าจะพวกมีฐานะพอสมควร หลังจากที่เธอมีเวลาคิดไตร่ตรอง เพราะบนนี้คือเรือยอร์ชจะเช่ามาหรือส่วนตัวก็ช่าง แต่เอาเป็นว่าเขาก็น่าจะเป็นคนมีเหตุมีผลบ้างสักนิด ไม่ใช่พวกโจรข้างถนน อย่างมากก็เป็นพวกบ้ากามที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้ชายที่มีฐานะแต่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ

“รู้ใช่มั้ยว่าตัวเองบุกรุกพื้นที่คนอื่น” วิลเอ่ยก่อนในที่สุด ก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษหน่อย แต่เพื่อไม่ให้เธอคิดว่าอยู่เหนือเขา เพราะฉะนั้นต้องเอาจุดอ่อนของเธอขึ้นมาเปิดประเด็นเพื่อเขาจะต้องเป็นผู้ที่ได้เปรียบ

ธมนกัดปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เป็นนิสัยติดตัวมายามที่เธอรู้สึกสับสน มือทั้งสองกำแน่นจนข้อนิ้วขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเห็นได้ชัดเจนขึ้น

วิลไม่ได้รู้จักเธอมาก่อน แต่เขาก็รู้สึกไวกับกระแสตอบกลับของเธอ เขาทำให้เธอเครียดและเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ดูจะเป็นการรังแกเธอมากเกินไป

“ผมว่าคุณควรกินอะไรสักหน่อย” ธมนพยักหน้ารับอย่างช้าๆ แม้เธอจะไม่เก่งกาจ แต่การเปลี่ยนบรรยากาศเป็นแบบอื่นก็น่าจะดีกว่า

เมื่อเห็นแบบนั้นวิลจึงหันหลังและเดินนำเธอ ซึ่งเธอก็เดินตามออกมาห่างๆ อย่างเชื่องๆ วิลชี้นิ้วไปยังตำแหน่งโต๊ะ ธมนเข้าใจความหมายนั้น จึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างว่าง่าย สายตามองรอดหน้าต่างบางเล็ก เขายังอยู่กลางทะเลจะหนีก็คงต้องโดดน้ำ แบบนั้นก็ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย ด้านของวิลเขาเปิดตู้เก็บอาหารไล่มองเมนูอาหารสำเร็จรูป เมื่อ

ตอนเที่ยงเขาอุตส่าห์ทำ สปาเก็ตตี้ไปวางไว้ให้เธอก็ไม่ออกมาหยิบกินเลย งั้นก็ลองดูอีกครั้งแล้วกัน เมื่อคิดได้วิลก็ยัดสปาเก็ตตี้เข้าไมโครเวฟไป

ปิ้ง! เสียงเตือนของไมโครเวฟทำให้ร่างบางที่นั่งเหม่อลอยสะดุ้งอย่างช่วยไม่ได้ กลิ่นหอมของสปาเกตตี้ซอสแดงลอยแตะจมูกเธอ คร่อกก เสียงท้องก็ร้องประท้วงให้เธอรู้สึกต้องอับอายเขา ที่เดินมาพร้อมกับสาเหตุของเสียงท้องร้อง

“กินสิ...หิวไม่ใช่เหรอ” ธมนก้มหน้ามองสปาเกตตี้ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้าสบตาเขา มือเล็กจึงยกขึ้นมาจัดการกับสปาเกตตี้ เมื่อคำแรกเข้าไปคำที่สองก็เข้าตามไปติดๆ “ค่อยๆ กินก็ได้ ไม่มีใครจะแย่งคุณหรอก” วิลอดแซวไม่ได้และอดคิดไม่ได้ว่า ‘น่ารักดี’

ธมนลดความเร็วลง นี่ถ้าคุณย่าอยู่ตรงนี้ ท่านก็คงปรามเธอเช่นกัน...เมื่อคิดถึงคุณย่ามือบางก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที แหมะ แหมะ และจู่ๆน้ำตาที่หยุดไปได้สักแป็บก็ไหลออกมา

วิลหลี่ตาลงทันที นี่เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ที่บอกให้ค่อยๆ กินก็เพราะเป็นห่วงกลัวจะสำลัก แล้วเธอจะร้องทำไมกันว๊ะ ! กรรม...จริงๆ

“นั่งกินไปแล้วกัน...ไม่อิ่มก็ไปเปิดเลือกดูในตู้และทำกินเอง” วิลเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ สิ่งที่เขาเบื่อหน่ายที่สุดก็คือผู้หญิงที่อะไรๆ ก็ร้องไห้ คิดอะไรไม่ออกก็ร้องไห้ แบบนี้ไงเล่าที่เขาไม่อยากมีใครเป็นตัวเป็นตนเลย

ธมนไม่กล้ามองตามแผ่นหลังที่เดินออกไป แต่เมื่อแน่ใจแล้วว่าตัวเองได้อยู่ตามลำพังเธอจึงเลื่อนจานสปาเก็ตตี้ออกไปและทรุดหน้าลงบนท่อนแขนที่วางพาดบนโต๊ะและปล่อยโฮอีกครั้ง ฮื้อออ ฮือออออ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel