ตอนที่ 2 เชื่อว่าสักวัน
ตอนที่ 2
เชื่อว่าสักวัน
“คุณจะทำอะไร”
พริมาสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆหลังจากเสร็จพิธีเข้าหอเจ้าบ่าวก็จับตัวเธอเหมือนพยายามจะพาเข้าไปที่ห้องน้ำ
“ไม่ต้องมาทำเป็นดิ้นผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณหรอก ชุดเจ้าสาวถ้าผมไม่ช่วยถอดคุณจะถอดได้ไหม”
ขุนพลไม่ใช่แค่เพียงตอบให้รู้แต่เขาพยายามช่วยถอดชุดแต่งงานที่ยาวรุ่มร่ามแถมมีซิปอยู่ด้านหลังที่หญิงสาวคงจะเอื้อมไม่ถึงให้
“ขอบคุณนะคะแต่ไม่เป็นไรฉันถอดเองได้”
เมื่อชายหนุ่มพยายามจะดึงชุดแต่งงานออกไปให้พ้นตัว ด้วยความอายเจ้าสาวในค่ำคืนนี้ต้องรีบจับชุดไว้เพราะด้านในของเธอมีเพียงแค่ชุดชั้นในเท่านั้น
“รีบอาบเลยอย่าให้ผมต้องนอนรอนาน”
“คุณอาบก่อนไหมคะเพราะดูแล้วฉันคงต้องเช็ดเครื่องสำอางอีกนานแน่”
ขุนพลไม่ตอบแต่กลับนั่งลงข้างๆเจ้าสาวแล้วหยิบสำลีพร้อมกับขวดที่ใช้เช็ดเครื่องสำอางที่ทางฝ่ายจัดงานเตรียมไว้ให้เช็ดไปที่หน้าเจ้าสาว
“เดี๋ยวฉันทำเองได้ค่ะ”
พริมาพยายามจะแย่งสำลีจากมือของคนหน้านิ่งแต่ด้วย แววตาของเขาที่มองสบตาให้เธอรู้ว่าอย่าขัดขืนทำให้หญิงสาวเป็นอันต้องยอม
ใบหน้าของคนทั้งคู่ที่อยู่ใกล้กันในเวลานี้ทำให้ความรู้สึกของพริมามันหวั่นไหว ทุกภาพความทรงจำเมื่อครั้งเด็กๆเวลาที่เธอร้องไห้และเขาจะเป็นคนปลอบอยู่เสมอมันยังเป็นความประทับใจที่เธอไม่มีวันลืมและเขายังคงเป็นสุภาพบุรุษไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่
ไหนสำหรับเธอเสมอ
“แผลเป็นข้างคิ้วใช่ที่ล้มตอนนั้นไหม”
ขุนพลค่อยๆใช้สำลีซับลงไปที่ปลายคิ้วเมื่อเห็นรอยแผลเป็นที่เขาจำได้ว่ามันเกิดจากตัวเขาเองพาพริมาวิ่งไล่จับจนหญิงสาวสะดุดเข้ากับรากของต้นไม้ทำให้เกิดแผลเป็นมาจนถึงทุกวันนี้
“ใช่ค่ะตอนแรกคิดว่ามันจะค่อยๆจางแต่ก็อยู่มาจนป่านนี้เห็นชัดเหมือนเดิม”
สำหรับหญิงสาวมันไม่ใช่แค่เพียงรอยแผลเป็นแต่มันคือความทรงจำที่แสนอบอุ่น เธอจำได้ว่าหลังจากที่เธอสะดุดล้มลง ชายหนุ่มก็รีบเข้ามากกอดและเมื่อเห็นว่าเธอมีเลือดอยู่เต็มหน้าเขาก็ถอดเสื้อเอามันมากดซับให้พร้อมกับกอดเธอไว้ไม่ยอมหนีหายไปไหน
หลังจากที่ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จโคมไฟหัวเตียงดับลงเสียงโทรศัพท์ของขุนพลก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหันมาสบตาเจ้าสาวที่นอนอยู่ข้างเขาก่อนที่จะเดินออกไปคุยที่นอกระเบียง
พริมาามองผ่านทางหน้าต่างแสงของพระจันทร์และดวงไฟที่ส่องสว่างมาจากสวนดอกไม้พอทำให้เธอได้เห็นใบหน้าของเจ้าบ่าวที่กำลังยืนยิ้มเหมือนกำลังมีความสุขกับใครสักคนที่อยู่ในสาย
“ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้รัก เราก็ห้ามรู้สึกอะไรทั้งนั้น”
สาวน้อยใช้มือปาดเช็ดน้ำตาและพูดเตือนตัวเองในเมื่อ การแต่งงานครั้งนี้เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้รักดังนั้นไม่ว่าเขาจะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไรทั้งนั้น
พริมาพยายามข่มตาให้หลับแต่มันก็ยากเหลือเกิน เสียงบางช่วงดังทะลุกระจกผ่านเข้ามาถึงแม้จะไม่สามารถจับใจความได้แต่เธอก็พอรู้ว่าน้ำเสียงของขุนพลมันแสดงออกถึงความสุขที่เขาได้คุยกับคนที่โทรมา
เสียงประตูกระจกที่กั้นโซนห้องนอนกับระเบียงดังขึ้น พริมาต้องแกล้งทำเหมือนว่าเธอหลับแล้วเพราะไม่อยากให้ขุนพลรู้สึกว่าเธอกำลังแอบมองและสนใจกับการที่เขาออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
“เด็กน้อยหัวถึงหมอนก็หลับเลย”
ชายหนุ่มค่อยๆก้มหน้ามามองใบหน้าขาวนวลของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ เขาเชื่อว่าเธอหลับแล้วก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนแต่ก็ยังไม่วายหยิบโทรศัพท์มากดแชทหาใครพริมาอยากแอบดูแต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะหันไปเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าที่เธอนอนอยู่ไม่ได้หลับจริง
แสงไฟจากโทรศัพท์ดับลง พริมาแอบคิดว่าบางทีค่ำคืนนี้เขากับเธอคงได้มีความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปกว่านี้เพราะอย่างไรก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะนอนอยู่กับผู้หญิงโดยที่ไม่ทำอะไรได้แต่เสียงกรนเบาๆที่ดังอยู่ข้างๆทำให้เธอรู้ว่าเจ้าบ่าวของเธอหลับแล้ว เขาไม่แม้แต่จะแตะต้องตัวเธอนอกจากเขาไม่มีใจให้เขายังทำเหมือนรังเกียจจนไม่อยากแตะเนื้อต้องตัวเธออีก
“มันก็ดีแล้วนี่ไม่ต้องเสียตัวด้วย”
หญิงสาวพูดกับตัวเองแค่ภายในใจเพราะในเมื่อการแต่งงานครั้งนี้มันเป็นแค่เพียงความต้องการของสองครอบครัวมันไม่ได้เกิดจากความรักสักวันเมื่อธุรกิจของเธอยืนได้ เธอกับเขาก็ต้องเลิกกันการไม่เสียตัวคงถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอมากกว่าแต่ทำไมหัวใจมันกลับรู้สึกเจ็บปวดน้อยใจเหมือนเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีค่าแบบนี้ก็ไม่รู้
แสงไฟจากโทรศัพท์สว่างขึ้นอีกครั้งพริมาแน่ใจว่าชายหนุ่มที่นอนข้างเธอหลับแล้วจึงค่อยๆลุกจากเตียงนอนเพื่อพยายามไปดูว่ามีใครส่งข้อความมา ข้อความที่เธอเห็นทำให้หญิงสาวแน่ใจว่าผู้ชายที่แต่งงานกับเธอเขามีผู้หญิงข้างกายอยู่แล้ว
“ก็อย่างที่คุณบอกคุณเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ใครๆก็อยากแต่งงานกับคุณ”
คำพูดที่ขุนพลเคยตอกย้ำเพื่อหวังให้พริมาเจ็บปวดและเป็นคนไม่แต่งงานกับเขายังคงดังก้องอยู่ในหู เขาสาธยายถึงความดีของตัวเองความเพียบพร้อมทุกอย่างและมองว่าผู้หญิงอย่างพริมาไม่สามารถหาผู้ชายที่ดีได้เท่าเขาจึงไม่แปลกที่เธอคิดจะทำทุกอย่างเพื่อพยายามได้เขาเป็นสามี
แค่เพียงวันแรกของการแต่งงาน พริมาก็รู้สึกได้ว่ามันไม่มีความสุขแต่ในเมื่อเธอเลือกแล้วและหัวใจลึกๆก็ยังคงศรัทธาว่า วันเวลาที่ผ่านไป ความผูกพันที่เกิดขึ้นและที่สำคัญคือความจริงใจของเธอจะทำให้ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวในคืนนี้รักเธอได้ในสักวัน ความศรัทธานี้ถึงแม้ว่ามันจะดูเลือนลางแต่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้หญิงสาวนอนยิ้มได้อย่างมีความสุขในโลกของเธอ
